อินเทอร์เน็ตกับโอกาส ทางการศึกษา ความหวังที่ยังไม่เพียงพอ
แม้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จะมีความพยายามให้เกิดความเท่าเทียมทางการศึกษาระหว่างโรงเรียนเล็กกับโรงเรียนใหญ่ หรือโรงเรียนในเมืองกับโรงเรียนต่างจังหวัด แต่ก็คล้ายกับว่าผลที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถลดช่องว่างที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และไม่อาจมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนใดใด ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการประกาศปฏิรูปการศึกษาก็ตาม ความพร้อมของโรงเรียนใหญ่และโรงเรียนในเมืองมีมาอย่างไรก็ยังคงเป็นไปอย่างนั้น และมีแต่จะได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น ในขณะที่โรงเรียนเล็กๆ ในแถบต่างจังหวัดก็ยังคงขาดแคลนทุกอย่างอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน หนังสือตำรา ทุนการศึกษา หรือแม้แต่จำนวนบุคลากรครูที่มีอยู่น้อยกว่าน้อย จนไม่สามารถเปิดสาขาวิชาได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียน จนบางครั้งต้องกลายเป็นการปิดกั้นโอกาสของเยาวชนในการศึกษาต่อด้วยความจำเป็น อินเทอร์เน็ตเป็นอีกหนึ่งความหวังในการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ให้กับเยาวชนผู้อยู่ห่างไกล แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย และงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ก็ใช่ว่าทุกโรงเรียนจะสามารถมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับอนาคตของชาติได้เสมอไป แม้แต่จังหวัดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองหลวงของไทยอย่าง จ.อ่างทองก็ตาม นางปาริดา กุลรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาอ่างทอง ในฐานะผู้ดูแลโรงเรียนทั้งในระดับปะถมศึกษาและมัธยมศึกษาจำนวน 177 แห่ง ใน จ. อ่างทอง ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันโรงเรียนในอ่างทองส่วนใหญ่ก็เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเกือบทั้งหมดแล้ว จะขาดอยู่กับในกลุ่มโรงเรียนประถมขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาในเรื่องจำนวนคอมพิวเตอร์และคุณภาพของอินเทอร์เน็ตอยู่ “รัฐบาลเองก็มีงบประมาณไม่เพียงพอ ดังนั้น หลายโรงเรียนจึงต้องขึ้นอยู่กับศักยภาพของผู้บริหารที่จะดึงเงินมาใช้เพื่ออุปกรณ์เหล่านี้ เพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ยังต้องใช้คอมพิวเตอร์ในอัตรา 2-3 คนต่อเครื่อง หรือบางแห่ง 8 คนต่อเครื่อง ยังดีที่จัดชั่วโมงเรียนเวียนกันไป และมีการช่วยเหลือจากภาคเอกชนเข้ามาบ้าง ส่วนเรื่องอินเทอร์เน็ตนั้น บางโรงเรียนสายโทรศัพท์ก็ยังเข้าไปไม่ถึง แก้ปัญหาด้วยการใช้สัญญาณดาวเทียมบ้าง แต่คุณภาพก็ยังไม่ดี ล่มบ่อย ศึกษานิเทศต้องเข้าไปช่วยแก้ไข จึงอยากได้อินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพมากกว่านี้ รวมถึงคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ เนื่องจากโดยมากแล้วคอมพิวเตอร์ที่แต่ละโรงเรียนใช้อยู่มักเป็นเครื่องที่รับบริจาคมาจากภาคเอกชน หรือมหาวิทยาลัย” ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาอ่างทอง กล่าวถึงภาพรวมความพร้อมด้านไอทีของโรงเรียนต่างๆ ด้าน นายบันลือ พลมาลา ผู้อำนวยการโรงเรียนไผ่วงวิทยา อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เจาะลึกเกี่ยวกับความพยายามในการจัดสรรอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเพื่อโอกาสที่ดีของเด็กๆ ในชุมชนตำบลไผ่วงว่า ก่อนหน้าปี 2549 โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ไม่ถึง 9 เครื่อง ในขณะที่มีนักเรียนถึง 100 กว่าคน และครูอีก 12 คน ตนจึงปรึกษากับคณะครูและชาวบ้านว่าจะขอตัดต้นสนที่ขึ้นอยู่ในเขตโรงเรียนไปขาย เพื่อนำเงินมาซื้อคอมพิวเตอร์เพิ่มเป็น 9 เครื่อง เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะหาซื้อได้ ส่วนอินเทอร์เน็ตก็ต้องพยายามแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาเชื่อมต่อเอง ไม่เช่นนั้นเด็กก็ไม่ได้เรียน โดยตอนนี้ใช้สัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ ความเร็วประมาณ 512 kbps เหมาจ่ายเดือนละประมาณ 1,600 บาท ผลสำเร็จในความพยายามของผู้บริหาร ครูอาจารย์ในโรงเรียนไผ่วงวิทยา สะท้อนออกมาในภาพความมุ่งมั่นในการต่อยอดทางการศึกษาที่ ผอ. โรงเรียนไผ่วงวิทยา เล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจว่า “ปีที่แล้วมีเด็ก ม. 6 จำนวน 2 คนมุ่งมั่นจะศึกษาต่อด้านคอมพิวเตอร์ที่วิทยาลัยเทคโนโลยี จ.สุพรรณบุรี ลองถามว่าทำไมถึงเลือกเรียนสายนี้ ทั้งคู่ก็บอกว่าชอบและสนใจคอมพิวเตอร์” ส่วนสถานการณ์ในปีนี้นั้น ผอ.บันลือ บอกว่า ได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มอีก 17 ชุด จากบริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด รวมเป็น 26 ชุด ทำให้มีเครื่องเพียงพอสำหรับนักเรียนในอัตรา 1 คนต่อ 1 เครื่อง ยกเว้นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีจำนวนกว่า 30 คน อาจยังต้องใช้ 2 คนต่อเครื่องบ้าง ความเร็วก็อยู่ในระดับที่ใช้ได้ในเวลาที่มีผู้ใช้น้อยราย แนวโน้มที่พัฒนาขึ้นของการใช้ไอทีมาช่วยในการศึกษาหาความรู้คงไม่มีใครให้คำตอบดีไปกว่าตัวผู้เรียนเอง น.ส.กรรณิกา งามลมัย น.ส.ปวันรัตน์ กลิ่นหอม และ น.ส.วันเพ็ญ กาลกิจ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หัวกะทิของโรงเรียนไผ่วงวิทยา บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่โรงเรียนมีอินเทอร์เน็ตช่วยให้มีช่องทางการศึกษาหาข้อมูลมากขึ้น เช่น หาข้อมูลประกอบรายงานเรื่องการจัดสวน การทำสวนถาด สวนแก้ว จากเว็บไซต์ นอกเหนือจากการหาข้อมูลจากห้องสมุดแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา เพราะร้านอินเทอร์เน็ตก็อยู่ในตัวเมืองต้องเดินทางไปไกลมาก นอกจากนี้ ยังได้เรียนการสร้างเว็บเพจด้วยโปรแกรม Dreamweaver ที่สำคัญหลังจากมีคอมพิวเตอร์เพิ่มเป็น 26 เครื่องแล้ว ก็ใช้ได้เพียงพอมากขึ้น ต่างจากเดิมที่ต้องใช้กันเครื่องละเกือบ 10 คน ย้อนกลับมาฟังความเห็นของเอกชนผู้เห็นความสำคัญของการใช้ไอทีเพื่อการศึกษาอย่างบริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด นายแวงซองท์ ดูด้า กรรมการผู้จัดการ ในฐานะผู้ผลักดันโครงการ Broadband for all ในประเทศไทย และมอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวน 17 ชุด ให้กับโรงเรียนไผ่วงวิทยา ในโครงการ “สอนน้องให้ซึ้งถึงพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านโลกบรอดแบนด์ความเร็ซสูง เนื่องในวโรกาส 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” กล่าวว่า ตนเชื่อว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเด็กๆ ได้ในทุกพื้นที่ และสร้างความเท่าเทียมในการเรียนรู้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ยังมีความเหลื่อมล้ำกับกรุงเทพมหานคร แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะมีบทบาทสำคัญในการศึกษาท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ แต่กรรมการผู้จัดการ อัลคาเทล-ลูเซ่น ยังมองว่า เครือข่ายบรอดแบนด์ในประเทศไทยยังค่อนข้างแคบ และไม่ได้กระจายไปทั่วประเทศ และปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องของราคาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ยังค่อนข้างสูง เพราะเชื่อว่าถ้าหากมีความพร้อมในด้านคอมพิวเตอร์มากขึ้น การใช้งานอินเทอร์เน็ตก็จะเพิ่มขึ้นตามมา และเชื่อว่าเป็นไปได้ที่จะเห็นค่าบริการอินเทอร์เน็ตมีราคาถูกลงอีก ทางเลือกของเด็กในเมืองกรุง หากไม่พอใจบรรยากาศในห้องเรียนหรือไม่ได้รับความรู้ตามที่คาดหวัง ก็ยังมีสถาบันกวดวิชารองรับเหลือเฟือ ไม่นับอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทั้งโรงเรียนและพ่อแม่พร้อมจะป้อนให้ ต่างจากนักเรียนในต่างจังหวัดที่แม้แต่อาจารย์ประจำวิชาก็ยังขาดแคลน เพราะนอกจากหลักสูตรที่สวยหรูแล้ว ความคาดหวังถึงงบประมาณที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ยังเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐยังมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ณ จุดนี้ อินเทอร์เน็ตได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าน่าจะถือเป็น “ตัวเลือก” ที่ถูกที่สุด และสร้างศักยภาพในการเรียนรู้ได้อย่างมหาศาลหากใช้ให้ถูกทาง เหลือแต่เพียงว่า “ผู้ใหญ่” ทุกฝ่ายจะมองเห็นและให้การสนับสนุนมากน้อยเพียงใด ปาจารีย์ พวงศรี Itdigest@thairath.co.th |
บทความจาก : ไทยรัฐ |
|