ตามมติคณะรัฐมนตรีลงวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ที่มีมติให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐยุติการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ฟรีของเอกชน โดยเฉพาะของต่างประเทศภายใน 1 ปี โดยให้ข้าราชการระดับผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่าขึ้นไปต้องใช้ระบบของตนเองหรือของภาครัฐภายใน 3 เดือน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร.เป็นหน่วยงานกลางร่วมกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองมติคณะรัฐมนตรี สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (สบทร.) จึงได้พัฒนา ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางภาครัฐ (mail.go.th) ขึ้น เพื่อให้หน่วยงานราชการไทยได้ใช้บริการทดแทนการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือฟรีอีเมล์ เช่น ฮอตเมล์ ยาฮูเมล์ หรือ จีเมล์แบบเดิม นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เล่าถึงความเป็นมาของโครงการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางภาครัฐว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีพัฒนามากขึ้นเพื่อให้เข้ากับยุค ทั้งการให้บริการฟรีและเรียกเก็บค่าบริการ และผู้ใช้ส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้อ่าน “นโยบายการบริหารในประเด็นความเป็นส่วนตัว” ของผู้ให้บริการว่า ผู้ใช้บริการยินยอมให้ดำเนินการอย่างไรกับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ผู้ใช้บริการติดต่อบุคคลอื่นอย่างไรบ้าง เช่น การเปิดอ่านและประมวลผลข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการสำรองข้อมูลและการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบริการ โดยการกระทำดังกล่าวอาจเป็นผลเสียต่อราชการไทยในระยะยาว หากบริษัทเอกชนเหล่านั้นนำข้อมูลของไทยมาวิเคราะห์เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ รวมถึงการนำข้อมูลจราจรของการสื่อสารกันไปใช้ในด้านมิชอบ ที่อาจรวมไปถึงการสอดแนมเอกสารที่ต้องปิดเป็นความลับ ด้านนายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า การทำจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางภาครัฐเป็นการพลิกโฉมหน้าระบบราชการไทย และการใช้งานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานราชการไทยมีมากขึ้น เนื่องจากการส่งเอกสารทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มีความสะดวกสบายและเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการบริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ปัญหาคือ ไม่สามารถเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในประเทศได้ และเชื่อมั่นว่าการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางภาครัฐจะทำให้เกิดความปลอดภัยของเอกสารลับทางราชการ รมต.ไอซีที กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นการจัดทำระบบดังกล่าวไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเนื่องจากถือเป็นโครงการเร่งด่วน ดังนั้นการใช้งานดังกล่าวจะต้องมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากหน่วยงานนั้นๆในราคา 999 บาท ต่อผู้ใช้หนึ่งคนมีระยะเวลาการใช้งานได้ 1 ปี แต่สำหรับโปรโมชันในงานนี้หน่วยงานที่สนใจจะเสียค่าบริการ 999 บาทต่อคนใช้ได้นาน 5 ปี “การใช้งานระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเก็บค่าบริการในช่วงแรกเนื่องจากต้องมีค่าบำรุงรักษาระบบ แต่อนาคตราคาค่าบริการจะถูกลงตามจำนวนผู้ใช้ หากเปรียบเทียบระบบอีเมล์ดังกล่าวกับฟรีอีเมล์จะมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องให้ผู้ประกอบการอีเมล์ เปิดดูอีเมล์ หรือรายละเอียดส่วนตัวของผู้ใช้ ”นายมั่นกล่าว รมต.ไอซีที กล่าวอีกว่า ในปีนี้ทางรัฐบาลให้งบประมาณปี 2552 สำหรับสนับสนุนข้าราชการใช้งานระบบจดหมายภาครัฐ จำนวน 100,000 ราย จำนวน 25 ล้านบาท และสนับสนุนจำนวน 3 แสนราย ในปีถัดไป โดยให้งบประมาณไว้ 75 ล้านบาท และจะต้องสำรวจหาความเหมาะสมว่าข้าราชการระบบไหนจะได้ใช้งานในงบประมาณที่จัดสรรมา ส่วน นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (สบทร.) ให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณสมบัติของบริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางภาครัฐว่าจะต้องมีองค์ประกอบคือ 1.เป็นระบบ Web-based e-mail ภายใต้ โดเมนกลาง 2.เป็นระบบที่มีเสถียรภาพสูง และมีการควบคุมความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยมีระดับของการบริการไม่ต่ำกว่า 99.5% 3.มีระบบเฝ้าระวังและการตรวจจับไวรัสและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ขยะตลอดเวลา 4.มีการจัดทำการบันทึกข้อมูลจราจรให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 5.มีระบบการจัดการชั้นความลับและชั้นความเร็วให้แก่เอกสารราชการ 6.มีพื้นที่ในการเก็บข้อมูลจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 3GB ต่อ Mail Box 7.สามารถใช้ได้ตลอดอายุราชการ ไม่ว่าจะย้ายไปสังกัดหน่วยงานใดของรัฐก็ตาม ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อตามสังกัด ผอ.สบทร.ให้ความเห็นต่อว่า สำหรับประโยชน์และข้อดีของเมล์โกไทย คือ 1.มีระบบจัดการที่เดียว ทำให้การดูแลจัดการทำได้ง่ายโดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นคง 2.สามารถใช้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่ 3.มีระบบสำรองทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 4.มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการภาครัฐ 5.มีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ในการให้บริการ 6.สามารถพัฒนาต่อยดร่วมกับการใช้งานอื่นๆในอนาคต 7.ระบบความปลอดภัยข้อมูลมีการพัฒนาและติดตามตลอดเวลา อีเมล์กลางภาครัฐจะสามารถรองรับโดเมนเนมได้ 2 ระบบคือ ชื่อ.นามสกุล@mail.go.th และ ชื่อ.นามสกุล@หน่วยงาน.go.th “หน่วยงานที่ควรจะใช้ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางภาครัฐ ได้แก่ หน่วยงานมีผู้ใช้ไม่เกิน 1000 คน หน่วยงานที่มีงบประมาณจำกัด ด้วยงานที่ไม่พร้อมด้าน Infrastructure หน่วยงานที่ขาดแคลนบุคลากรด้านไอที และหน่วยงานที่ไม่อยากปวดหัวเรื่องระบบเมล์ ส่วนในเฟสต่อไป เราจะพัฒนาการเชื่อต่อกับระบบ Government Directory ผ่านมาตรฐาน LDAP การใช้งานร่วมมือกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การยืนยันตัวบุคคล การเข้ารหัสข้อมูลของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และการรับรองระบบด้วยมาตรฐาน ISO/IEC 27001” ผอ.สบทร.กล่าว นายสมญา พัฒนวรพันธ์ นักการข่าว 8ว สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เล่าถึงบทบาทของสำนักข่าวกรองแห่งชาติว่า มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแห่งชาติฝ่ายพลเรือน และการดูแลรักษาความปลอดภัยในเรื่องข้อมูลจะดู เรื่องเจ้าหน้าที่ สถานที่ ข้อมูลข่าวสาร และจากที่ผ่านมาหน่วยงานของราชการหลายแห่งมีการใช้ฟรีอีเมล์กันอย่างแพร่หลาย โดยที่เอกสารบางอย่างมีการตีตราลับ แต่ดูแล้วไม่มีการให้ความปลอดภัยแก่ข้อมูลดังกล่าว คือไม่มีการเข้ารหัส และหากส่งข้อมูลลับดังกล่าวทางฟรีอีเมล์ของต่างประเทศ บริษัทฯเจ้าของฟรีอีเมล์ก็จะสามารถเข้าไปดูเอกสารลับของได้ เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่มีระบุก่อนการสมัครแต่ผู้ใช้บริการไม่ได้ให้ความสนใจ “การใช้งานฟรีอีเมล์ของต่างประเทศในงานราชการตนเป็นห่วงในเรื่องของการรั่วไหลของข้อมูลลับภายในประเทศ ส่วนบทบาทของสำนักงานข่าวกรองในการมีเมล์กลางจะทำให้การทำงานง่ายขึ้น ทำไงให้ระบบการใช้งานปลอดภัย ถ้าใช้ฟรีอีเมล์ระบบการจัดการมันจะควบคุมยาก” นักการข่าว 8ว สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกล่าว หากการใช้ฟรีอีเมล์ของต่างประเทศ นอกจากจะทำให้ความมั่นคงภายในประเทศสั่นคลอนแล้ว ข้าราชการไทยก็ควรอย่างยิ่งที่จะหันมาใช้อีเมล์ของไทยเอง เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลด้านความมั่นคงภายในประเทศ โดยในช่วงแรกอาจจะต้องเสียเงินในการใช้งานแต่เมื่อเทียบกับความมั่นคงของประเทศแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องฝากเรื่องดังกล่าวไปถึงสำนักงบประมาณแห่งชาติให้จัดสรรงบประมาณเพื่อการทำโครงการดีๆอย่างนี้ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วย และในอนาคตก็อยากจะให้การใช้อีเมล์ดังกล่าวขยายสู่ประชาชนภายในประะเทศต่อไป อรนุช ศรีมหาโพธิ์ทอง itdigest@thairath.co.th
|