เปิดใจพีระพงศ์ จงวิบูลย์ ผจก.ประจำประเทศไทย หลังก้าวนั่งแท่นคุมบังเหียน พร้อมเผยมุมมองระบบรักษาความปลอดภัยบนเน็ตเวิร์ค และโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก...
หลังจาก ฟอร์ติเน็ต ผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำ ด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการป้องกันภัยแบบเบ็ดเสร็จ หรือเรียกว่า ยูทีเอ็ม (UTM - Unified Threat Management) ประกาศแต่งตั้ง “พีระพงศ์ จงวิบูลย์” นั่งคุมบังเหียน ผู้จัดการประจำประเทศไทยใหม่ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยล่าสุด แม่ทัพหนุ่มไฟแรง ออกมาเปิดเผยถึงภาพรวมของบริษัท พร้อมเผยแนวโน้ม การกำหนดทิศทาง กลยุทธ์ทางการตลาด และพัฒนาช่องทางจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้น การบริการที่ทำให้ลูกค้าในประเทศไทยประทับใจในประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ และบริการ
ขณะที่บริษัทมีสถานะทางการเงิน และผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ที่ผ่านมา สิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2552 แม้ว่าวกฤตเศรษฐกิจจะซบเซา แต่ฟอร์ติเน็ตก็ยังคงสามารถรักษาสถานะทางการเงินอย่างเข้มแข็ง โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 60 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2551 ที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้น 55 ล้านเหรียญ ด้วยความสามารถ และประสบการณ์ในสนามที่สั่งสมมานั้น จะหาวิธีขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต 2 ดิจิตตามที่ตั้งเป้าอย่างไร ลองมาติดตามคำตอบได้ ณ บัดนี้...
It Digest : รูปแบบของผลิตภัณฑ์ ที่ทำตลาดอยู่ขณะนี้
พีระพงศ์ : ช่วงไตรมาส 1 ของปี 2552 บริษัทเปิดตัวซอฟต์แวร์อัพเดทสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม FortiGate อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายแบบหลายระดับขั้น ซึ่งเป็นโซลูชั่นชั้นนำในตลาด และ ยังขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์โดยเพิ่มโซลูชั่นหลากหลายที่สามารถสร้างเกราะป้องกันภัยให้กับเครือข่ายในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น อาทิ ระบบปฏิบัติการ FortiOS 4.0: เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เข้ามามากมาย เพื่อเพิ่มความความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม FortiGate.. โดยรวบรวม 4 คุณสมบัติเด่น ได้แก่ ควบคุมการใช้งานแอพลิเคชั่น (Application Control) ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Leakage Protection: DLP) เร่งความเร็วของแอพลิเคชั่นบนระบบเครือข่าย WAN optimization และตรวจสอบข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสด้วย SSL (SSL Traffic Inspection) FortiWeb-1000B: เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ขนาดกลางและใหญ่ และนับเป็นรุ่นแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยบนเว็บ (Web Security Appliance) ที่ทำหน้าที่เป็นไฟร์วอลล์ทั้งในส่วนของแอพลิเคชั่นและ XML เพื่อป้องกัน สร้างสมดุล และเพิ่มอัตราเร่งในการทำงานให้กับเว็บแอพลิเคชั่นต่างๆ และระบบฐานข้อมูล รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของระบบดังกล่าว FortiDB Monitoring & Auditing: เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เติมเต็มในส่วนการรักษาความปลอดภัยสำหรับฐานข้อมูล ช่วยให้สามารถตรวจติดตามการทำงานของเครือข่ายได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงหรือตามช่วงเวลาที่กำหนด รวมทั้งทำการตรวจสอบย้อนหลังอย่างรอบด้าน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังเปิดตัว FortiDB-400B และ FortiDB-2000B ตามหลัง FortiDB-1000B ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความปลอดภัยฐานข้อมูลมีความครบครันยิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการได้ทั้งองค์กรระดับเล็ก ระดับกลาง และครอบคลุมไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
It Digest : นโยบายทำตลาดเพิ่มเติม หลังเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว
พีระพงศ์ : บริษัทเริ่มต้นตลาดมาค่อนข้างดีอยู่แล้ว ส่วนนโยบายคาดว่าไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่เพิ่มเติมสิ่งที่บริษัทมีจากยูทีเอ็ม ในขั้นตอนต่อไป เริ่มมองเป็นโทเทิลโซลูชั่น สิ่งที่บริษัทต้องส่งข้อมูลไปในตลาดว่า ขณะนี้ ยูทีเอ็มอย่างเดียวไม่พอแล้ว ต้องดำเนินการทั้งโซลูชั่น เพื่อการปกป้องสมบูรณ์แบบ โดยข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้บริษัทมีกิจกรรมมากขึ้นในแต่ละส่วน และทำตลาดได้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้น เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น บริษัทต้องหาคู่ค้าที่มีความเข้าใจทำตลาดมากขึ้น พอมีโอกาสมากขึ้น ต้องมองไปในกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่คู่ค้ามีอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ว่าสิ่งที่บริษัทจะทำเพิ่มคือ ทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบของมาตรฐานบริษัท ส่วนเหตุผลที่ลูกค้าซื้อระบบรักษาความปลอดภัยเพราะ ต้องการให้มีความปลอดภัยในเครือข่าย เพื่อไม่ให้เกิดภัยคุกคามลามกระทบกับธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่มีส่วนมาก คือ บุคคลที่ขายไปแล้ว และสนับสนุนหลังขาย
It Digest : ทิศทางของภัยคุกคาม และการรับมือขณะนี้ของผู้ใช้งานขณะนี้เป็นอย่างไร
พีระพงศ์ : ปัจจุบันภัยคุกคามไม่ได้มีแค่การโจมตีเครือข่ายธรรมดา แต่มีหลายทิศทางเข้ามาใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ว่าจะออกมารูปแบบไหน และไม่สามารถกำหนดขอบเขต อยู่กับเทคโนโลยีเดิมๆ ได้ ดังนั้นต้องมีระบบที่ป้องภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัท จะมองเรื่องภัยคุกคามไม่เฉพาะด้านเทคนิคเท่านั้น แต่มองด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนเน็ตเวิร์ค และระบบโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก ขณะเดียวกัน เนื้อหาที่แต่ละหน่วยงาน หรือลูกค้าใช้กัน ถ้ามองแรกๆ คือ ระบบรักษาความปลอดภัยเน็ตเวิร์ค เช่น เว็บ เริ่มมีไวรัส หรือการป้องกันในส่วนข้อความต่างๆ เป็นต้น หรือถ้ามากกว่านี้ คือส่วนแอพลิเคชัน ว่าจะปกป้องภัยคุกคามได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ เทรนด์ยูทีเอ็มโตขึ้น เพราะภัยคุกคามมีมากขึ้น ในแง่ฟอร์ติเน็ต ซึ่งเป็นผู้นำด้านภัยคุกคามด้านยูทีเอ็มอยู่แล้ว เพราะฟอร์ติเน็ต มองไปมากกว่านนั้น คำว่ายูทีเอ็ม เป็นการรวบรวมอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติพร้อมป้องกันภัยคุกคามได้ ทั้งนี้ บริษัท มองไปมากกว่านั้น ว่าไม่สามารถมีเฉพาะอุปกรณ์ตัวเดียวเบ็ดเสร็จที่จะป้องกันภัยคุกคามได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น บริษัทจึงตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น การใช้งานให้ตลาด ทั้งระบบจัดการความปลอดภัย
It Digest : จุดแข็ง และกลยุทธ์การทำตลาด
พีระพงศ์ : จุดแข็ง คือ ผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองหลายด้าน โดยจุดหลัก คือ มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง โดยสวิชต์จะเริ่มมาจากซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีที่พัฒนามาจากซอฟต์แวร์ แต่มีอยู่ช่วงที่พัฒนา ฮาร์ดแวร์ ทำให้ผลิบตภัณฑ์ต่างๆ ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น ไม่เหมือนซอฟต์แวร์ที่พึ่งซีพียูของคอมพิวเตอร์ โดยมีชุดทำงานออกมาโดยเฉพาะ และทำงานในส่วนแอนตี้ไวรัสด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทน่าจะเป็นผลิตต้นๆที่ลูกค้า จะมองถึง อีกทั้ง มีอยู่ทั่วโลก โดยเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งส้รางความมั่นใจให้ลูกค้า ทั่วโลก โดยประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารับทราบทั่วโลก และจัดหาโซลูชั่นให้ครบวงจร ทั้งนี้ ถ้าสร้างความเข้าใจให้ลูกค้าว่า ประสิทธิภาพมีมากกว่าที่ต้องการ ขณะเดียวกัน คู่ค้าก็เข้าใจในการให้ข้อมูลกับลูกค้า บริษัทก็น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับต้นๆ ที่ลูกค้านำไปใช้
It Digest : สัดส่วนลูกค้าเป็นอย่างไรบ้าง
พีระพงศ์ : กลุ่มลูกค้าหลัก คือ รัฐบาล การศึกษา กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ตลาดเฮลแคร์ กลุ่มเทลโก้ ขณะที่ สัดส่วนลูกค้าภาครัฐมากสุด ประมาณครึ่งหนึ่งของสัดส่วนลูกค้าทั้งหมดเติบโตขึ้นทุกปี 2 ดิจิต ตั้งแต่เปิดมา โดยตั้งเป้าปี 2552 เติบโต 2 ดิจิต ทั้งนี้ อัตราส่วนลูกค้า อยู่ระดับใกล้เคียงกันมีหลายบริษัทหลากหลาย เพราะมีการติดต่อโลกภายนอกหลากหลาย
It Digest : การเชื่อมต่อเทคโนโลยีของลูกค้าที่มีอยู่เดิมกับเทคโนโลยีฟอร์ติเน็ต
พีระพงศ์ : เป็นโซลูชั่นมาตรฐาน ส่วนเรื่องความแตกต่างเป็นเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่กลาง แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ ความไว ศูนย์สนับสนุน และวิธีอัพเดต ที่จะแตกต่างกัน แต่วิธีการเชื่อมต่อกับระบบเดิมคิดว่าไม่แตกต่าง
It Digest : มุมมองที่มีต่อการลงทุนด้านไอทีขององค์กรภาครัฐ และเอกชนในปี 2553
พีระพงศ์ : แยกนโยบายการทำตลาด กลยุทธ์มีทั้งแตกต่างและไม่แตกต่าง คือ สิ่งที่บริษัทมองคือ พฤติกรรมการใช้งานแต่ละหน่วยงาน เช่น การไฟฟ้า การประปา ที่มีรูปแบบการใช้งานแตกต่างกัน ถ้าเป็นองค์กร กระทรวง กรม สำหรับสิ่งที่บริษัทมองไว้ คือ โซลูชั่นที่แตกต่างมากกว่า แต่การทำตลาดคงเป็นการระบุแต่ละภาคส่วนลงไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างกันจริง คือ ภาคเอกชนอาจจะมีภูมิศาสตร์ไม่ใหญ่เท่าภาครัฐ เพราะภาครัฐ มีทุกจังหวัด ขณะที่ เอกชนจะมีจำนวนน้อยกว่ามาก
It Digest : ความตื่นตัวต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พีระพงศ์ : มองว่า พ.ร.บ.คอมฯ เป็นผลกระทบที่ดี เพราะว่าเทคโนโลยีที่ออกมา บริษัทพยายามมองทั้งหมดที่เป็นไปได้ เพียงแต่บางครั้งผลกระทบอาจจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีพ.ร.บ.คอมฯ ออกมา ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสนับสนุนฟังก์ชั่นการทำงานตรงนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น บริษัท พยายามขับเคลื่อนทุกฟังก์ชั่น ที่จะช่วยลูกค้าในส่วนระบบรักษาความปลอดภัย เพียงแต่ผลอยู่ที่ลูกค้ามากกว่า ส่วนการออกพ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมา ทำให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ส่วนนี้เติบโตขึ้นมากในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ถ้าปี 2552 หรือปีหน้ารัฐบาลออกนโยบายว่าทุกองค์กรต้องมีฟังก์ชั่นนี้ อาจจะเกิดผลตามมาอีก โดยทั่วไป บริษัท พยายามนำเสนอและสร้างความเข้าใจให้ลูกค้าอยู่แล้วว่าฟังก์ชั่นนี้มีประโยชน์อย่างไร หากเทียบกับโซลูชั่นพ.ร.บ.ในตลาดแล้ว สิ่งที่บริษัทมองและให้ลูกค้าได้มากกว่า คือ ไม่ได้มองว่าให้ลูกค้าใช้งานตามพ.ร.บ.หรือมีล็อกไฟล์ไว้เพื่อการตรวจสอบ แต่มองว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องมีอันดับแรก คือ ความปลอดภัย ส่วนพ.ร.บ.เป็นผลที่ได้รับตามมา โดยรวมภาพในตลาด บริษัท เป็นผู้นำทางการตลาด เพราะอุปกรณ์เองสามารถปกป้องได้หลายอย่าง ไม่ใช่เฉพาะแค่ภัยคุกคามอย่างใดอย่างหนึ่ง
It Digest : เทคโนโลยี ที่องค์กรต่างๆ จะลงทุนในอนาคตอันใกล้ มีอะไรบ้าง
พีระพงศ์ : โดยส่วนตัวมองงว่า เทรนด์ของเน็ตเวิร์คก่อน ทุกอุปกรณ์น่าจะผนวกเข้ามาเป็นไอทีเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ วิดีโอเกม ที่กลายเป็นการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ระบบรักษาความปลอดภัย ควรจะมีอุปกรณ์ที่มีความฉลาดมากขึ้น หรือเป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์มากขึ้น โดยมองข้างหน้าเพื่อการปกป้องหลากหลายส่วน ทั้งแอพลิเคชั่น เว็บ หรืออีเมล์ และขณะนี้ บริษัทก็พร้อมแล้ว
It Digest : ความแตกต่างขององค์กรตลาดในประเทศไทย กับตลาดต่างประเทศ
พีระพงศ์ : มองว่าน่าจะเทียบเท่า เพียงแต่รูปแบบการขายมากกว่าที่แตกต่าง โดยเฉพาะในเอเชีย และยุโรป เพราะบริษัท ไม่ได้ถูกนำเสนอในแง่มุมของเทคโนโลยีอย่างเดียว ในตลาดเอเชีย เรื่องการสนับสนุน และราคาสำคัญ เพราะฉะนั้นการนำคู่ค้าไปสู่ตลาดที่บริษัทมองไว้ น่าจะเป็นกลยุทธ์อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม
It Digest : ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบกระทบต่อภาพรวมบริษัทหรือไม่
พีระพงศ์ : มองเป็นโอกาสมากกว่า เพราะเวลาเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้แต่ละธุรกิจลงทุนมากขึ้น และหนึ่งในนั้น คือ การลงทุนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย วิกฤตตรงนี้จึงกลายเป็นโอกาสให้ตลาดดังกล่าวปลอดภัยขึ้น
It Digest : อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์บ้าง
พีระพงศ์ : ในส่วนของมุมมองภัยคุกคามมีเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นฟอร์ติเน็ตจึงถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้รองรับกับภัยคุกคามเหล่านั้น จึงอยากให้ลูกค้าเข้าใจ หรือมีข้อสนใจในรายละเอียดเพิ่มเติม ก็อยากให้นึกถึงฟอร์ติเน็ต เป็นผลิตภัณฑ์แรก ส่วนภาครัฐ และเอกชน เมื่อบริษัทเป็นผู้นำเป็นระบบแล้ว ก็อยากให้เข้าไปสร้างความมั่นใจให้ทุกองค์กร
