ถือเป็นการปิดฉากปีที่งดงามยิ่งนัก เมื่อ รีเสิร์ช อิน โมชั่น (Research In Motion - RIM) ผู้ผลิตแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟน ประกาศผลประกอบการ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 (ระหว่างเดือน ก.ย. 2552 - พ.ย. 2552) ไปได้ด้วยยอดจำหน่ายสูงสุดที่ 10.1 ล้านเครื่อง อันทำให้ยอดขายนับตั้งแต่เปิดตัวแบล็กเบอร์รี่มาเมื่อ 10 ปีที่แล้วขยับขึ้นสู่ 75 ล้านเครื่องทั่วโลก ด้วยจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการ ณ ปัจจุบัน 36 ล้านราย ใน 170 ประเทศทั่วโลก
ในส่วนของประเทศไทย แม้จำนวนผู้ใช้แบล็กเบอร์รี่อย่างเป็นทางการจะไม่ได้รับการจัดเก็บตัวเลขที่ชัดเจน เนื่องจากมีเครื่องจากผู้นำเข้าอิสระวางขายปะปนอยู่ รวมทั้งเครื่องที่ผู้ใช้ ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาเอง อยู่จำนวนไม่ใช่น้อย เนื่องด้วยราคาที่ย่อมเยากว่า ประกอบกับทาง RIM ค่อนข้างเข้ม งวดกับตัวเลขและยอดขายชนิดไม่ให้ เล็ดลอดเป็นอันขาด
แต่จากการประเมินเบื้องต้น หยาบๆ จำนวนผู้ใช้แบล็กเบอร์รี่ในไทย น่าจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 120,000- 130,000 ราย ณ สิ้นสุดปีที่ผ่านมา จำนวนที่ว่า คิดเป็นตัวเลขเติบโตจากปีก่อนหน้าไม่ต่ำกว่า 300% ตัวเลขขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเป็นตัวเลขที่เติบโตท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจปัญหาสารพันรุมเร้าประเทศไทยตลอดขวบปีที่ผ่านมา
อะไรทำให้แบล็กเบอร์รี่ก้าวทะยานสู่ความยิ่งใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เรากำลังจะพาท่านไปไขปริศนาที่ว่าในบรรดาถัดไปของ รายงานพิเศษฉบับต้อนรับปีใหม่ ของทีมข่าว "ไทยรัฐไซเบอร์เน็ต" ได้โปรดติดตาม
หากจะเขียนถึงปรากฏการณ์แบล็กเบอร์รี่ในประเทศไทย คงหลีกเลี่ยง ไม่ได้ที่จะต้องคุยกับ สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้บุกเบิกทำตลาดแบล็กเบอร์รี่มาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ด้วยกลยุทธ์เซเลบริตี้ มาร์เกตติ้ง ที่กลายเป็นความภาคภูมิใจสำคัญของทีมมาร์เกตติ้งค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จนถึงขณะนี้
"มองย้อนกลับไป ต้องบอกว่าเราคิดถูกที่ใช้กลยุทธ์เซเลบริตี้ (คนดัง) มาช่วยดึงยอดขาย แผนการตลาดชิ้นนี้ใช้เงินไม่มาก แต่ได้ผลตอบรับที่ดี สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบคนดัง เหมือนๆ กับหลายประเทศทั่วโลก"
แม้เขาจะปิดปากเงียบเรื่องยอดขายที่ชัดเจน โดยบอกว่า RIM ค่อนข้างเข้มงวด แต่ก็มีหลายคนเคยประเมินไว้ว่าเอไอเอสครองส่วนแบ่งตลาดแบล็กเบอร์รี่ในไทย ณ ปัจจุบัน กว่า 75%
หลังคร่ำหวอดขายแบล็กเบอร์รี่มาตลอด ช่วงหลายปี เขาฟันธงว่าความสำเร็จของแบล็กเบอร์รี่อยู่ที่ก้าวย่างที่เหมาะเจาะกับกระแสความต้องการของลูกค้า ในช่วงจังหวะที่คู่แข่งคิดไม่ถึงหรือไม่คิดจะทำ
"ผมมองการเติบโตของแบล็กเบอร์รี่เป็น 3 ระยะ ระยะแรกเป็นช่วงที่แบล็กเบอร์รี่โด่งดังในกลุ่มลูกค้าองค์กร ด้วยบริการ push mail ที่สะดวก ใช้งานง่าย บริษัทใหญ่ๆในอเมริกาล้วนแต่ใช้บริการ แบล็กเบอร์รี่ลงทุนจำนวนมหาศาล สร้างเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่รองรับการรับ-ส่งเมล์ลูกค้า สร้างระบบความปลอดภัยสูงสุดด้วยแอพพลิเคชั่นของตัวเองที่ตอบสนองการใช้งานอีเมล์ได้เป็นอย่างดี ลูกค้าแบล็กเบอร์รี่ย่อมต้องรู้ดี เราสามารถเช็กเมล์ได้ตามหัวข้อ รวมทั้งไฟล์แนบที่ระบบของแบล็กเบอร์รี่ช่วยกลั่นกรองให้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องคลิกไฟล์เพื่อดูข้อมูลที่ไม่สำคัญ เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว"
ระยะต่อมา แบล็กเบอร์รี่เดินหน้าขยายฐานลูกค้า โดยหันมาพัฒนาบริการที่รองรับการเติบโตของเครือข่ายชุมชนออนไลน์หรือ Social Networking ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว
"ความจริง แบล็กเบอร์รี่ แมสเซส หรือ BBM อันโด่งดังเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของเครื่องแบล็กเบอร์รี่อยู่แล้ว แต่เมื่อต้องการขยายฐานลูกค้า แบล็กเบอร์รี่ก็ได้นำฟังก์ชันนี้มาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทำให้การเข้าสู่เว็บอย่างเฟซบุ๊ค หรือฟลิกเกอร์ (flickr) เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถึงตอนนี้แบล็กเบอร์รี่ก็ดังจนฉุดไม่อยู่ ขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มคนธรรมดา นักศึกษา วัยรุ่น"
จนปัจจุบัน ซึ่งสมชัยมองว่าเป็นระยะที่ 3 ของแบล็กเบอร์รี่ ที่กำลังคืบเข้าสู่การแข่งขันโดยตรงกับไอโฟน เทพเจ้าแห่งมัลติมีเดีย โฟนจากค่ายแอปเปิ้ล จะเห็นได้ว่าแบล็กเบอร์รี่กำลังพัฒนาหน้าจอให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับคุณภาพกล้อง เปิดแบล็กเบอร์รี่ แอพพลิเคชั่น สโตร์ ตามรอยแอปเปิ้ลสโตร์ ที่กลายเป็นตำนานอันน่าจดจำบทหนึ่งของแอปเปิ้ล
เขามองว่าปีนี้ ยังคงจะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองของแบล็กเบอร์รี่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบริษัทของเขากำลังเพลิดเพลินกับยอดขายที่โตอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ส่วนหนึ่งคงมาจากความมั่นใจส่วนตัวในฐานะที่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูทำตลาดแบล็กเบอร์รี่มาตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่ จึงไม่แปลกที่เขาจะอยากมองในแง่ดีต่อไป
ในขณะที่ ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ซึ่งเปิดตัวขายแบล็กเบอร์รี่เป็นรายล่าสุดเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา นำเสนอมุมมองง่ายๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยที่มาที่ไปตามสไตล์ของเขาว่า สำหรับลูกค้าคนไทย บริการโดนใจที่สุดของแบล็กเบอร์รี่ก็คือ แบล็กเบอร์รี่ แมสเซส หรือ BBM นั่นคงเป็นเพราะบริการดังกล่าวสามารถตอบสนองความ ต้องการของคนไทยได้เป็นอย่างดี
"จุดเริ่มต้นมันมาจากความนิยมในตัว Social Networking อย่าง เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ มายสเปซ มันฮิตมากในหมู่คนไทย เพราะคนไทยชอบคุย ชอบเม้าท์ เมื่อแบล็กเบอร์รี่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนเหล่านี้ผ่าน BBM ได้ มันจึงเกิดปรากฏการณ์ปากต่อปากตามมา แค่นั้นแหละทุกอย่างก็ตูม"
แต่หากจะให้เปรียบเทียบระหว่างไอโฟนกับแบล็กเบอร์รี่แล้ว เขายังคิดว่าไอโฟนจะมีภาษีดีกว่าในแง่ของยอดขาย เนื่องจากยืนหยัดอยู่ในตลาดได้ นานกว่า ส่วนแบล็กเบอร์รี่นั้น เขาไม่ มั่นใจและไม่กล้าคาดการณ์ว่ากระแสฮิตจะคงอยู่ได้นานเพียงใด แม้มองสั้นๆแค่เพียงในปีนี้เท่านั้น
"ตลาดเมืองไทยมีอะไรที่คาดเดาไม่ได้อยู่เสมอ เหมือนจตุคามอยู่ดีๆ ก็เปรี้ยงปร้าง แต่บทจะเลิกก็เลิกดื้อๆ คงต้องขึ้นอยู่กับราคาด้วย หากสามารถขยายฐานออกไปได้อีก ด้วยเครื่องรุ่นที่ราคาต่ำลงมาก็น่าจะเติบโตต่อไปได้ ในทางกลับกันบรรดาคู่แข่งก็คงสู้เต็มที่ คิดว่าปีนี้เราอาจได้เห็นสมาร์ทโฟนราคาระดับ 5,000 บาท การแข่งขันจะรุนแรงแน่ ขณะที่เทคโนโลยีมือถือใหม่ๆ ก็กำลังจ่อคิวประกาศศักดา อย่างมือถือตระกูลแอนดรอยด์ ที่ใครหลายคนกำลังรอคอย คิดว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่สนุกอีกปี".
ทีมข่าวไซเบอร์เน็ต