5ท่าสาวออฟฟิศ ลดปวดหัวเรื้อรัง
ท่าที่ 1 หันศีรษะไปด้านซ้ายช้าๆ ใช้มือซ้ายช่วยดึง ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา
| อาการปวดศีรษะ อันเนื่องมาจากภาวะความเครียดและความกดดันในการทำงานของคนเมืองในปัจจุบัน เริ่มกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับหนุ่มสาวในวัยทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ในแต่ละวันต้องใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จะพบว่าพอตื่นเช้าขึ้นมามักจะเริ่มมีอาการมึนศีรษะ ไม่สดชื่น เมื่อเริ่มทำงานจะเริ่มรู้สึกปวดบริเวณคอ ขมับทั้งสองข้าง หรือหน้าผาก บ้างก็มีอาการปวดตื้อ บางครั้งอาจตาพร่า และปวดบริเวณกระบอกตา และเมื่อเริ่มมีอาการหนักขึ้นจะมีอาการปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปวดศีรษะทุกวัน และเริ่มมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
แพทย์อายุรเวท วิภาพร สายศรี จากคลินิกรักษาโรคปวดศีรษะด๊อกเตอร์แคร์ กล่าวว่า อาการปวดศีรษะอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือการปวดศีรษะแบบมีพยาธิสภาพ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากเชื้อโรค หลอดเลือดในสมองอักเสบ เส้นประสาทอักเสบ เนื้องอกในสมอง ซึ่งพบได้เพียงร้อยละ 10 ของผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ อาการปวดแบบนี้รักษาได้ด้วยยาและการผ่าตัด ท่าที่ 2 ก้มศีรษะพยายามให้คางชิดอกมากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที
ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้นช้าๆ ไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ 10 วินาที
ท่าที่ 4 เอียงศีรษะไปทางด้านขวา ใช้มือขวาช่วยดึง พยายามให้ศีรษะชิดไหล่มากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านซ้าย
ท่าที่ 5 หันศีรษะไปทางด้านซ้าย 45 องศา ใช้มือขวาช่วยดึงพร้อมก้มลงช้าๆ ให้มากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา
|
อีกประเภท คืออาการปวดศีรษะแบบไม่มีพยาธิสภาพ เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดไมเกรน ปวดกระบอกตา พบได้ถึงร้อยละ 90 ของ ผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ อาการปวดดังกล่าวเป็นอาการปวดที่เกิดจากการที่เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงบริเวณศีรษะได้เพียงพอ เนื่องจากมีการเกร็งและกดทับของกล้ามเนื้อ การปวดศีรษะแบบนี้พบได้บ่อยมากกับกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ อาทิ โปรแกรมเมอร์ นักบัญชี สถาปนิก และ ผู้ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เนื่องจากพฤติกรรมการทำงานทำให้กล้ามเนื้อบริเวณบ่า ต้นคอ ต้องเกร็งต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จนกระทั่งเกิดกล้ามเนื้อหดตัวจนเป็นก้อนเล็กๆ ที่เรียกว่า Trigger Point เป็นจำนวนมาก ทำให้การกินยาแก้ปวด หรือยา คลายกล้ามเนื้อไม่มีผลต่อการรักษา
"พฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอติดต่อกันเป็นเวลานาน อย่างการใช้คอมพิวเตอร์จากการทำงานหรือเล่นเกม การขับรถระยะไกล ความ เครียด ความวิตกกังวล หรือแม้แต่การก้มหรือเงยหน้าเป็นเวลานาน"
วิธีการป้องกันอาการปวดศีรษะเรื้อรังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกินกว่า 2 ชั่วโมง และควรยุติกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณบ่า และคอทันทีที่รู้สึกเกร็ง ที่สำคัญควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอด้วยการยืดกล้ามเนื้อหลังการใช้คอมพิวเตอร์ทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ปิดท้ายด้วยการพักผ่อนและทำสมาธิเมื่อมีความเครียด เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
สำหรับผู้สนใจคลินิกรักษาโรคปวดศีรษะด๊อกเตอร์แคร์ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า DMT (Doctor Care Manipulation Technique) มุ่งขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนที่ขึ้นไปเลี้ยงบริเวณศีรษะและสมอง เมื่อการไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ อาการปวดศีรษะทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง ก็จะบรรเทาและดีขึ้นเป็นลำดับโดยไม่ต้องกินยา โทร.นัดหมายเพื่อขอตรวจและปรึกษาอาการไมเกรนและปวดศีรษะเรื้อรัง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่ 0-2677-7552-3 หรือดูรายละเอียดการรักษาแบบ DMT ได้ที่ www.drcareclinic.com
ข่าวจาก คมชัดลึก
|