มีการจับตาเรื่องราคาการจัดซื้อจัดจ้างโดย 1 ในนั้นที่ถูกจับตามาก ก็คือการจัดซื้อนาฬิกาแขวนจำนวน กว่า 200 เรือน ในวงเงินกว่า 15,000,000 บาท โดย ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้ไปตรวจสอบประเด็นดังกล่าวและพบว่าราคาสูงกว่า ราคาที่ผู้จัดจำหน่ายประกาศไว้ในเว็บไซต์กว่าเท่าตัว
เกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นาฬิกาแขวนเหล่านี้ถูกนำมาติดตั้งไว้ทั่วบริเวณรัฐสภา ทั้งภายนอกอาคาร ภายในอาคาร ทางเข้าออก ทางเดิน ห้องทำงานเจ้าหน้าที่
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ปรึกษาคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏร พาทีมข่าวไทยพีบีเอสไปดูที่ห้องประชุมกรรมาธิการ พบว่า แม้จะมีขนาดห้องไม่ใหญ่ แต่มีนาฬิกาแขวนรุ่นนี้ติดตั้งไว้ถึง 2 เรือน บริเวณหน้าห้องและหลังห้อง
ตัวเรือนแสดงยี่ห้อชื่อโบเด็ท นอกจากบอกเวลา ยังบอกวันเดือนปี และอุณหภูมิ ขณะที่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่ติดตั้งไว้ทั้งสิ้น 7 เรือน จะเทียบเวลากับประเทศต่าง ๆ ด้วย
ทีมข่าวไทยพีบีเอสยังได้ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของนาฬิกายี่ห้อดังกล่าว โดยพบว่า มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง เช่น มีเรือนหลัก และเรือนรอง ปรับเวลาเรือนหลักเพียงเรือนเดียวสามารถเชื่อมถึงเรือนอื่น ๆ ได้ทั้งหมด ควบคุมโดยใช้ระบบไร้สาย เป็นต้น
นอกจากนี้ เว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาหลายเว็บไซต์ ได้แสดงราคาแตกต่างกัน ซึ่งทีมข่าวไทยพีบีเอสได้พบราคาขายซึ่งแพงที่สุดอยู่ที่ ราคาเรือนละ 499 ยูโร หากเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินไทย 41 บาท จะอยู่ที่ราคาเรือนละ 20,459 บาท
นายนุกูล สัญฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยอมรับว่า การควบคุมเวลาให้ตรงกันทั้งรัฐสภา เพื่อวินัยการเข้าประชุม การปฏิบัติงานต่างๆ รวมถึงการจับเวลาในการอภิปราย เป็นเรื่องจำเป็น ทำให้สภา ต้องจัดซื้อและติดตั้งระบบนาฬิกาในราคาถึง 15 ล้านบาท
หากเป็นไปตามคำชี้แจงของ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้าง นาฬิกาภายในอาคารรัฐสภา แบ่งงบประมาณเป็น 2 ส่วน งบประมาณก้อนแรกจำนวน 8,000,000 บาท คือ ค่านาฬิกา ยี่ห้อโบเด็ท จำนวน 240 เรือน แบ่งเป็นหลายรุ่น แต่รุ่นที่จัดซื้อมากที่สุด 223 เครื่อง ติดอยู่ในอาคาร คือ รุ่น คริสตัลเดท
นอกจากนั้น มีนาฬิกาบางเรือนเป็นชุดควบคุมหลัก 1 เครื่อง ตัวเทียบมาตรฐานกับเวลาต่างประเทศ ติดตั้งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ 7 เครื่อง ที่ห้องประชุมสภา 4 เครื่อง ตัวควบคุมเวลา ซึ่งจะจับเวลาแบบนับถอยหลัง 1 เครื่อง และตัวที่ติดตั้งภายนอกอาคาร สามารถกันแดดกันฝนได้อีก 4 เครื่อง
ทั้งนี้ งบประมาณ 8,000,000 บาทก้อนแรก หากคำนวณเป็นค่านาฬิกา หมายถึง นาฬิกาของรัฐสภาฯ จะมีราคาเรือนอยู่ที่ละ 33,333 บาท แต่หากดูราคา จากที่ขายในเว็บไซต์หลายแห่ง นาฬิกายี่ห้อนี้รุ่นคริสตัลเดท ระบุราคาไว้แพงที่สุด คือ 499 ยูโร หรือ ราคาไม่ควรเกินเรือนละ 20,459 บาท ดังนั้น ราคานาฬิกาที่จัดซื้อกับราคา ที่ประกาศขายจริง จึงมีส่วนต่างเรือนละ กว่า 12,874 บาท
ไม่เพียงแค่ราคานาฬิกาที่มีส่วนต่าง การจัดซื้อนาฬิกา ครั้งนี้ ยังใช้งบประมาณ อีก 7,000,000 บาท สำหรับค่าระบบสนับสนุนอุปกรณ์ เช่น ค่าติดตั้ง ค่าเดินสายไฟ ค่าระบบไวล์เลส ระบบสำรองไฟ ระบบประกัน และยังมีงบประมาณฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อให้ใช้งานนาฬิกา
การติดตั้งระบบนาฬิกาแบบใหม่ เกิดขึ้นในช่วงที่พื้นที่รัฐสภาทั้งหมด กำลังมีการปรับปรุง ย้าย และซ่อมแซมหลายพื้นที่ เช่นห้องสื่อมวลชน สถานที่ขายตั๋วโดยสารและนอกจากนี้ยังมีที่สะดุดตาอีกจุดหนึ่ง คือ ด้านหลังอาคารสโมสรรัฐสภา บริเวณห้องทิ้งขยะมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในสภาพใหม่ ยังไม่ผ่านการใช้งานถึง 2 เครื่อง ข้อสังเกตที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นเพียงบางประเด็นที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ การใช้งบประมาณปรับปรุงรัฐสภา ว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างเกินจริงหรือไม่