กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
หลายวันก่อนไปซื้อ ข้าวกั๊นจี้น มากิน หลังไม่ได้กินมาหลายเดือน ตอนกิน มองดู แล้ว ก็คิดไปคิดมา จี้น มันอยู่ไหน ??
ข้าวกั๊นจี้น หรือ ข้าวกลั้นจี้น ??????
"กั๊น" ที่แปลว่า ผสม หรือ "กลั้น" ที่แปลว่า อด หมด ไม่ได้ ความหมายไปในทางลบ อด หมด
เพราะ กินมาตั้งแต่เด็ก แทบไม่เคยเห็นว่ามีจี้นผสม มีแต่เพียงสีแดงๆ ที่เกิดจาก นำเลือดมาผสมกับข้าว
วันนี้ จึงเสาะหาคำตอบมาฝากทุกคน
จากที่ศึกษาจากข้อมูล หลายๆ ที่ และดู คลิปมากมาย ... สรุป มันคือ ข้าวผสมเนื้อหมู!!! นั่นคือ ข้าวกั๊นจี้น นั่นเอง
แล้วจี้น มันหายไปไหน??? ทำไมแทบ จะไม่เห็นมี
ในอดีต กล่าวไว้ว่า เนื้อหมู เนื้อควาย จะได้กิน ก็ต่อเมื่อ โอกาส พิเศษ มากๆๆๆ เท่านั้น
นั่น อาจจะเป็นที่มาว่า การผสมเนื้อลงไปในข้าว มีน้อย หรือ ต้องสับจนละเอียดยิบ เพื่อที่จะผสมกับข้าวให้ปริมาณมาก
แต่มาถึงปัจจุปัน มินโน้ต คิดว่า เราไม่ต้องการให้ผสมเนื้อ ลงไปมากหรอก เราต้องการแบบเดิมๆ แบบบ้านๆ ของเรา
เราจะรักษา วัฒนธรรมการกิน แบบนี้ ให้อยู่สืบต่อไป ชั่วลูกหลาน
ข้าวกั๊นจิ๊น หรือข้าวเงี้ยว หรือจิ๊นส้มเงี้ยว เชื่อว่าเป็นอาหารของชาวไทใหญ่หรือเงี้ยว ใช้ใบตองห่อเช่นเดียวกับแหนม (จิ๊นส้ม) จึงเรียกว่า ข้าวเงี้ยว หรือจิ๊นส้มเงี้ยว บางสูตรไม่ใส่เนื้อสับ แต่ใส่เลือดคลุกเคล้ากับข้าวอย่างเดียว (สุรีพร ศรีสวัสดิ์, สัมภาษณ์, 9 กรกฎาคม 2550; รัตนา พรหมพิชัย, 2542, หน้า807)
วิธีทำข้าวกั๊นจี้น
ส่วนผสม
1. ข้าวสารเจ้า 1 ลิตร
2. เนื้อหมูบด 200 กรัม
3. เลือดหมู 1 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ 1 ช้อนชา
6. กระเทียม 30 กลีบ
7. น้ำมันพืช 1 ถ้วย
เครื่องเคียง
1. พริกขี้หนูแห้งทอด
2. หอมหัวใหญ่
3. แตงกวา
4. กระเทียมเจียว
วิธีทำ
1. คั้นเลือดกับใบตะไคร้ เพื่อดับคาวเลือด พักไว้
2. หุงข้าว สุกแล้วตักข้าวผึ่งไว้พออุ่น ใส่เกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมันกระเทียมเจียว
3. ใส่หมูสับ ตามด้วยเลือดหมู
4. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
5. เตรียมใบตองฉีกกว้างขนาด 10 นิ้ว วางซ้อนกัน 4 ชั้น ใส่ส่วนผสมลงตรงกลางห่อ
6. จับปลายใบตองชิดกัน ม้วนพับใบตองลงให้แน่น พับหัวพับท้าย
7. มัดด้วยตอกให้แน่น (ตอก คือไม้ไผ่ที่จักบางๆ เพื่อใช้ใช้ในการสานเครื่องใช้หรือผูกสิ่งของต่างๆ)
8. นึ่งในลังถึง ประมาณ 30 นาที
รายการอ้างอิง
รัตนา พรหมพิชัย. (2542). เข้าคั้นชิ้น. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ (เล่ม 2, หน้า 807). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
(ข้อมูลที่มา library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php)
คลิปโดยชีวิต คนบ้านนอก
คลิปโดยพาเที่ยวพม่า พม่าพาเที่ยว
ที่มา ประวัติ ข้าวกั๊นจี้น
ข้าวกั๊นจิ๊นหรือข้าวเงี้ยว เป็นอาหารของชาวไทใหญ่ที่แพร่หลายในล้านนา เป็น
อาหารที่มีรสชาติอร่อย พกพาไปไหนๆ ได้สะดวก
เหตุที่เรียกข้าวกั๊นจิ๊นนั้นเพราะคำว่า “กั๊น” เป็นคำกริยาในภาษาล้านนาแปลว่า
นวด เพราะขั้นตอนของการทำข้าวกั๊นจิ๊นนั้นต้องนวด ข้าวให้เข้ากับเลือดด้วย แต่
บางคนเข้าใจว่าเป็นข้าว “กั้น” จิ๊นหรือข้าว ที่ไม่มีเนื้อสัตว์ เพราะคิดว่าคำว่า กั้น นั้นคืออดอยากไปก็มี
ข้าวกั๊นจิ๊นนั้น บางครั้งเรียกว่าข้าวเงี้ยวเพราะเป็นอาหารของชาวไทใหญ่ ในอดีตชาวล้านนามักจะเรียกชาวไทใหญ่ว่าเงี้ยวซึ่งมีนัยของการดูถูก ชาติพันธุ์ว่า
เป็นชนชาติที่เจ้าเล่ห์ คบไม่ได้ และเรียกสิ่งต่างๆ ที่เป็นของชาวไทใหญ่ว่าเงี้ยว
ต่อท้าย เช่น ฟ้อนเงี้ยว หรือ ข้าวเงี้ยว เป็นต้น
แท้จริงแล้ว ชาวไทใหญ่นั้นเป็นชาติพันธุ์ไทเผ่าพันธุ์หนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์
ความเป็นมาและวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาก ชาวไทใหญ่นั้นเรียกตนเองว่าไตหรือไต
โหลงและไม่เคยเรียกตนเองว่าเงี้ยวเลย ในปัจจุบันนี้เพื่อลดความขัดแย้งระหว่าง
ชาติพันธุ์ หลายๆ ฝ่ายจึงรณรงค์ที่จะเปลี่ยนคำศัพท์ที่ใช้เรียกชาติพันธุ์อื่นๆ ในเชิง
ดูถูกให้เป็นคำศัพท์ที่ถูกต้องและให้ความยกย่องว่าเขาก็คือคนในอีกชาติพันธุ์หนึ่ง
ที่มีความแตกต่างจากเราในด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม
ล้านนาในปัจจุบันนี้ก็ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากไทใหญ่มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการแสดง เครื่องดนตรีหรือแม้แต่อาหารการกินอย่างข้าวกั๊นจิ๊นนี้
ชาวไทใหญ่เป็นชาติพันธุ์ไทที่นิยมกินข้าวจ้าว แตกต่างไปจากชาติพันธุ์ไทอื่นๆ ที่มักจะกินข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก ดังนั้นข้าวกั๊นจิ๊นจึงทำจากข้าวจ้าว ซึ่งเป็นอาหารไม่กี่ชนิดในล้านนาที่ทำมาจากข้าวจ้าว
ที่มา www.sri.cmu.ac.th/~elanna/lannachild/scripts/food/food_main/khaokanjin.html
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|