เน็ตเวิร์กใช้สาย หรือไร้สาย อะไรคือทางเลือกสำหรับเนรมิตรความบันเทิงภายในบ้าน
ในอดีตการติดตั้งเน็ตเวิร์กภา
ยในบ้านเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
เนื่องจากต้องเดินสายเน็ตเวิร์กไปทั่วห้องเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเสียง ลำโพง คอมพิวเตอร์ ฮับ
และยิ่งถ้าต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ข้ามห้องหรือข้ามชั้นด้วยแล้ว
ก็ยิ่งทำให้สายต่างๆ รกรุงรังทั่วบ้านไปหมด
อีกทั้งยังอาจต้องโยงสายอ้อมห้องต่างๆ
ให้ยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากทีเดียว
ทำให้ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เกิดการพัฒนาระบบเน็ตเวิร์กขึ้นมาแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างเช่น
เน็ตเวิร์กไร้สาย และเน็ตเวิร์กผ่านสายโทรศัพท์ที่เรียกว่า HomeRF และ
HomePNA ขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีของการติดตั้งเน็ตเวิร์ก
โดยไม่ต้องเดินสายเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั่วบ้านให้ยุ่งยากอีกต่อไป
แต่ด้วยความเร็วในการส่งข้อมูลเพียง 2 เมกะบิตต่อวินาที (Mbits / sec)
โดยประมาณ ทำให้เน็ตเวิร์กเหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้งานด้านมัลติมีเดีย
หรือเพื่อความบันเทิงได้ดีเท่าที่ควร เพราะความเร็วเพียงเท่านี้
น่าจะเหมาะสำหรับการท่องเว็บไซต์และการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกันเท่านั้น
แต่มาถึงวันนี้การติดตั้งเน็ตเวิร์กภายในบ้านมีทางเลือกมากขึ้น
เพราะระบบเน็ตเวิร์กแบบไร้สายสามารถเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงขึ้น
โดยจะรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วในช่วง 11 ถึง 72 เมกะบิตต่อวินาที
หรือแม้แต่การเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กแบบใช้สายที่มีความเร็วก้าวเข้าสู่ระดับกิ
กะบิตต่อวินาทีแล้ว
แต่การเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อความบันเทิงภายในบ้านที่เหมาะสมที่สุด
ก็น่าจะเป็นการเชื่อมต่อด้วยระบบเน็ตเวิร์กไร้สาย
ที่ไม่จำเป็นต้องเดินสายต่างๆ ให้วุ่นวาย
แถมยังไม่ต้องเจาะกำแพงทลายผนังเพดานให้เสียหายอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้
จะมีข้อแนะนำที่น่าสนใจมาให้ได้ติดตามอ่านกัน
พร้อมทั้งการทดสอบเปรียบเทียบการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กใน 3 รูปแบบ 3
ชุดอุปกรณ์ ให้คุณได้เห็นกันอย่างเต็มตา
เริ่มต้นการทดสอบ
การทดสอบนี้จะทดสอบและวัดประสิทธิภาพเฉพาะในส่วนของฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ทาง
ด้านเน็ตเวิร์ก ซึ่งไม่ได้หมายรวมถึงเครื่องพีซีที่ใช้แต่อย่างใด
และเครื่องพีซีที่เรานำมาทดสอบทั้งหมดนั้นมั่นใจได้ว่า
สามารถรองรับการทำงานทางด้านมัลติมีเดียได้อย่างสบาย
โดยไม่มีปัญหาเรื่องความล่าช้าและคอขวด
ที่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ที่ทดสอบอย่างแน่นอน
เราเริ่มทดสอบการรับส่งข้อมูลวิดีโอและออดิโอ
โดยทดสอบเปรียบเทียบระหว่างระบบเน็ตเวิร์กแบบ Power Line
ระบบเน็ตเวิร์กตามมาตรฐาน IEEE 802.11a และ 802.11b
นอกจากนี้ยังทดสอบอุปกรณ์เหล่านี้ในรุ่นที่มีเทคโนโลยี TI Enhanced
ซึ่งทางผู้ผลิตอ้างว่าจะช่วยให้แบนด์วิดธ์เพิ่มเป็น 2 เท่าในมาตรฐาน
802.11b และประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับมาตรฐาน 802.11a เรายังใช้สวิตช์
100 เมกะบิตต่อวินาที และแบบกิกะบิตต่อวินาทีเป็นชุดการควบคุมด้วย
สำหรับการทดสอบในส่วนของมาตรฐาน 802.11b
เราใช้อุปกรณ์เน็ตเวิร์กไร้สายตามมาตรฐาน 802.11b ของ D-Link
เชื่อมต่อในรูปแบบ Packet Binary Convolutional Coding (PBCC)
และเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเพิ่มออปชัน TI เข้าไปเพื่อให้ค่าทรูพุตถึง 22
เมกะบิตต่อวินาที เปรียบเทียบกับการเชื่อมต่อตามมาตรฐาน 802.11b ธรรมดา
เพื่อพิจารณาความแตกต่าง
รายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้
พีซีการ์ดสำหรับแลนไร้สาย รุ่น D-Link AirPlus DWL-650+ 802.11b+ 11/22 Mbits/sec สำหรับเครื่องไคลเอ็นต์
แอ็กเซสพอยต์ รุ่น D-Link DI-764 Multi-Mode 802.11 A/B และ
บรอดแบนด์สวิตช์ / เราเตอร์100Base-T ซึ่งสนับสนุน 802.11b+ และ 802.11a
Turbo Mode
สำหรับการทดสอบตามมาตรฐาน 802.11a จะเป็นการทดสอบที่ความเร็ว 54
เมกะบิตต่อวินาที และหากเสริมเทคโนโลยี TI เข้าไปก็จะวิ่งที่ความเร็ว 72
เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้อุปกรณ์ของ D-Link เช่นเดียวกัน
รายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้
การ์ดรุ่น D-Link AirPro 802.11a Cardbus สำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กไคลเอ็นต์
การ์ดแลนไร้สายแบบ PCI รุ่น D-Link AirPro 802.11a สำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์และเครื่องไคลเอ็นต์
เราเตอร์แลนไร้สาย รุ่น D-Link AirPro 802.11a
ส่วนการทดสอบอุปกรณ์เน็ตเวิร์กแบบ Power Line นั้นใช้อุปกรณ์ของ Phonex NeverWire ที่ความเร็ว 14 เมกะบิตต่อวินาที
รายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้
Phonex NeverWire สำหรับเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก Power Line 14 โหนด เข้ากับอีเทอร์เน็ต
ในการควบคุมเน็ตเวิร์กจะอาศัยอุปกรณ์ฮับสวิตช์ 100Base-T ของ D-Link ซึ่งวิ่งที่ความเร็ว 100 เมกะบิตต่อวินาที
รายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้
การ์ด PCI รุ่น D-Link DFE-530TX+ 10/100Base-T สำหรับเครื่องไคลเอ็นต์
Integrated Intel 82546EB Dual-Port 10/100Base-T Ethernet Adapter สำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์
แอ็กเซสพอยต์ รุ่น D-Link DI-764 Multi-Mode 802.11 A/B และ
บรอดแบนด์สวิตช์ / เราเตอร์100Base-T ซึ่งสนับสนุน 802.11b+ และ 802.11a
Turbo Mode
และเพื่อกำจัดคอขวดทางด้านเน็ตเวิร์กออกไป
เราจึงนำอุปกรณ์กิกะบิตอีเทอร์เน็ตของ D-Link มาใช้ในการทดสอบด้วย
ซึ่งหากเป็นการใช้งานตามบ้านจริงๆ แล้ว
คงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ถึงระดับนี้
รายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้
การ์ด PCI กิกะบิตแลน รุ่น D-Link DGE-500T
กิกะบิตสวิตช์ 4 พอร์ต รุ่น D-Link DGS-1004T
วิธีการทดสอบ
สำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เราใช้เครื่องขนาด 1U จากอินเทล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ซีพียู Intel Pentium Xeon 2.2 กิกะเฮิรตซ์ 2 ตัว ที่มีคุณสมบัติ HyperThreading (Windows 2000 จะมองเห็นเป็น 4 ซีพียู)
RDRAM PC800 ขนาด 256 เมกะไบต์
การ์ดเน็ตเวิร์ก Intel 82546EB Dual-Port 10/100Base-T จำนวน 2 การ์ด
Adaptec AIC-7899 Ultra160 SCSI Host Adapter
ฮาร์ดดิสก์ Seagate Cheetah X15 36LP Ultra-Wide SCSI/Ultra3-Wide SCSI ขนาด 18 กิกะไบต์
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 2000 แอดวานซ์เซิร์ฟเวอร์
ในส่วนของเครื่องไคลเอ็นต์จะมีเครื่องพีซี 3 เครื่อง และโน้ตบุ้ก 1 เครื่อง ตามรายละเอียดดังนี้
Dell Inspiron 8000
ซีพียู Intel Pentium-III 1 กิกะเฮิรตซ์
SDRAM PC100 ขนาด 128 เมกะไบต์
ฮาร์ดดิสก์ IBM-DJSA-232 ขนาด 30 กิกะไบต์
การ์ดแสดงผล NVidia GeForce2Go GPU แรม 32MB
โน้ตบุ๊ก Dell Inspiron 8200
ซีพียู Intel Pentium 4M 2.2 กิกะเฮิรตซ์
DDR SDRAM ขนาด 512 เมกะไบต์
ฮาร์ดดิสก์ IBM-DJSA-232 ขนาด 30 กิกะไบต์
การ์ดแสดงผล ATI Mobility Radeon 9000 GPU แรม DDR SDRAM 64MB
IBM T21
ซีพียู Intel Pentium-III 800 เมกะเฮิรตซ์
SDRAM PC100 ขนาด 128 เมกะไบต์
ฮาร์ดดิสก์ IBM-DJSA-220 ขนาด 18 กิกะไบต์
การ์ดแสดงผล S3 Savage/IX GPU แรม 8MB
Dell Dimension 4100
ซีพียู Intel Pentium-III 1 กิกะเฮิรตซ์
RDRAM PC800 ขนาด 256 เมกะไบต์
ฮาร์ดดิสก์ Western Digital WD400 ขนาด 40 กิกะไบต์
การ์ดแสดงผล NVidia GeForce 2 GTS แรม DDR SDRAM 32MB ...( หน้าถัดไป ) http://www.arip.co.th/article.php?id=406424&page=1
|