 เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาเครื่องมือ และเครื่องใช้ที่ช่วยให้ชีวิตของคนมีความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีจอภาพเพื่อให้ผู้ใช้มองเห็นการทำงาน และรับชมความบันเทิงผ่านเครื่องพีซี ที่นับวันจอมอนิเตอร์จะมีการพัฒนาให้บางลง แต่มีความคมชัดมากขึ้น ดังนั้น จอแอลซีดีจึงเป็นหนึ่งในสินค้าไอทียอดนิยมที่คาดกันว่า จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดของระหว่าง 2 ผู้นำจากประเทศเกาหลีใต้ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ แอลจี (LG)
แต่ในสภาพการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่มีความแน่นอน กอปรกับการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างจะดุเดือด ในสมรภูมิของตลาดจอภาพแอลซีดี ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ค่ายยักษ์ใหญ่จากเกาหลีอย่างแอลจีจะมีกลยุทธ์ในการทำตลาดอย่างไร รวมถึงมองภาพรวมของตลาดไอทีเมืองไทยอย่างไร โดย “นายศุภวัฒน์ โฆวัชรกุล” ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจผลิตภัณฑ์ไอที บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตามได้ ณ บัดนี้... * * * * * IT Exclusive: ภาพรวมธุรกิจไอทีปี 2549 ของแอลจที่ผ่านมา เป็นอย่างไร? ศุภวัฒน์: ถ้าภาพรวมตลาดโต 7% จำนวนพีซีที่คาดกันจบที่ยอด 1.1 ล้านเครื่อง เทรนด์ที่น่าสนใจ คือ โน้ตบุ๊ค ที่คาดกันว่าจะอยู่ที่ 3.5 แสนเครื่อง แต่จริงๆ แล้วจบยอดที่กว่า 4 แสนเครื่อง เชื่อว่าปี 2550 จะมียอดของโน้ตบุ๊ครวมทั้งตลาดขั้นต่ำประมาณ 6 แสนเครื่อง ตรงนี้ เป็นการคาดการณ์ สำหรับแอลจีในกลุ่มสินค้าไอทีเรามีสินค้าหลัก 2 ตัว ได้แก่ จอแอลซีดีมอนิเตอร์และออปติคอลดิสก์ ไดร์ฟ หรือ ODD ปี 2549 แอลจีมีส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะจอภาพแอลซีดีที่ประมาณ 23% ส่วนตลาด ODD ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน เพราะไม่มีใครออกสำรวจตลาดรวม เนื่องจากเป็นแค่ส่วนประกอบชิ้นหนึ่งของคอมพิวเตอร์เท่านั้น  IT Exclusive: มองสภาพตลาดไอทีในปี 2550 อย่างไรบ้าง? ศุภวัฒน์: ถ้าดูปัจจัยบวกในปัจจุบันที่จะทำให้ตลาดเติบโตได้ในปี 2550 คงต้องอาศัยงานภาครัฐมากขึ้น เพราะตลาดคอนซูมเมอร์ค้าปลีก หรือ รีเทล ยังรอดูปัจจัยบวกนี้ อยู่ คงต้องหวังกับทางราชการและองค์กรเป็นหลัก ส่วนผู้บริโภคทั่วไปก็คงจะรอราคาถูกมากกว่า IT Exclusive: แอลจีมีสินค้าไอทีอะไรที่จำหน่ายในเมืองไทยบ้าง? ศุภวัฒน์: ถ้านอกเหนือไปจากจอแอลซีดี และ ODD แล้ว แอลจียังมีผลิตภัณฑ์ที่เอาเข้ามาจำหน่าย ได้แก่ ยูเอสบีไดร์ฟ ที่ให้ดีคอมจัดจำหน่ายโดยตรง แต่สินค้าแบบนี้ ค่อนข้างจะเป็นตัวที่ทำสงครามราคากันมาก ส่วนสินค้าอื่นๆ เรายังมีอีกหลายตัว เช่น โน้ตบุ๊ค โดยปีนี้ กำลังดูจังหวะอยู่ในการนำเข้ามาทำตลาด และแผ่นมีเดียที่เป็นทั้ง ซีดี ดีวีดี หรือ โน้ตบุ๊ค เราได้ดูสภาพตลาดแล้วว่า ประเทศไทยจะเน้นโน้ตบุ๊คที่เป็นระดับค่อนข้างโลว์เอนด์เป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนจากโน้ตบุ๊คที่ขายในตลาดประมาณ 60% ส่วนระดับกลางถึงบนอยู่ที่ 40% ขณะนี้ ถือว่า ตลาดโน้ตบุ๊คมีการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด อีกทั้งปัจจัยความเชื่อมั่นในการซื้อของผู้บริโภคยังไม่ชัดเท่าใด ต้องรอดูอีกทีประมาณกลางปี แต่ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าที่เห็นของจากนิตยสารต่างประเทศอยู่พอสมควร เนื่องจากโน้ตบุ๊คของแอลจีจะเน้นการออกแบบที่เบา บางและกระทัดรัด รวมทั้งได้รับรางวัลหลายรางวัลด้วย แต่จะเอาเข้ามาหรือไมก็ต้องอยู่ที่ปัจจัยของตลาด เพราะโน้ตบุ๊คแอลจีอยู่ในระดับกลางถึงบน มีราคาค่อนข้างสูง 35,000 บาทขึ้นไป ขณะที่ในตลาดเมืองไทยเราเห็นราคาเริ่มใต้น 19,900 บาท ค่อนข้างน่ากลัว อย่างไรก็ตาม แอลจีเชื่อว่า ภาวะราคาโน้ตบุ๊คแบบนี้ น่าจะมาจากยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีโพรเซสเซอร์จากอินเทล เพนเทียม เอ็ม หรือ คอร์ ดูโอ มาเป็นแบบ คอร์ทู ดูโอ ที่เป็นเทคโนโลยีดูอัลคอร์ หรือ ควอดคอร์ ทำให้ผู้ผลิตต่างเร่งเคลียร์ของออกจากสต็อกกันอยู่ เราก็รอให้เขาเคลียร์ของกันเรียบร้อยก่อนค่อยเอาโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่เข้ามา เฉพาะจอแอลซีดีอย่างเดียวที่ซื้อขายกันในตลาดจะอยู่ที่ระดับราคา 5-6 พันบาท หากรวมเข้าไปในราคาโน้ตบุ๊คราคาหมื่นปลายๆ ก็จะดูว่าถูกเกินจริง ขณะนี้ ก็แหย่ตลาดไปก่อนด้วยกระแสจากนิตยสาร  IT Exclusive: ตลาดจอแอลซีดีมอนิเตอร์ของแอลจีปีนี้ จะเป็นอย่างไร และมีกลยุทธ์การทำตลาดอย่างไร? ศุภวัฒน์: เรามองว่า เนื่องจากตลาดพีซีรวมของไทย (PC Unit Shipment) มีฐานอยู่ประมาณ 1.1 ล้านเครื่อง ปีนี้ ก็น่าจะไปถึง 1.3 ล้านเครื่อง จากอัตราการเติบโต 7% โดยตลาดหลักๆ น่าจะมาจากการซื้อจอมอนิเตอร์ทดแทน (Replacement) จอซีอาร์ทีแบบเก่าที่ในกรุงเทพฯ แทบจะไม่มีวางขายให้เห็นแล้ว จอซีอาร์ทีขนาด 15 นิ้ว ราคาก็แพงอยู่ที่ 3,500 – 3,700 บาท ขณะที่จอแอลซีดีในขนาดเท่ากันอยู่ที่ราคา 5,000 บาท โดยคนที่เห็นราคาแบบนี้ ก็จะหันไปซื้อแอลซีดี เพราะราคาแทบไม่ต่างกันเพิ่มเงินพันกว่าบาทได้เลย แต่ถ้าเป็นจอ 17 นิ้ว คนที่จะซื้อคงต้องดูยอดสะสมของจอซีอาร์ทีในตลาดมีประมาณ 3 ล้านจอ ก็น่าจะใกล้ได้เวลาเปลี่ยนจอแล้ว ส่วนกลุ่มที่มาจากการคาดการณ์ของตลาด 9 แสนจอที่เป็นของใหม่ แต่ตลาด Replacement ยังไม่มีใครพูดถึงเลย กลยุทธ์ของแอลจีในปี 2550 ที่จะทำ คือ การโปรโมทให้ลูกค้าเปลี่ยนจากจอซีอาร์ทีเป็นจอแอลซีดีของแอลจี และปัจจุบันนี้ เมื่อคุณภาพของจอแอลซีดีแอลจีเป็นที่ยอมรับแล้วว่า จอแอลซีดีไม่ได้ด้อยกว่าใคร เราลงทุนไปมากในเรื่องการออกแบบ ดูจาก ตู้เย็นที่มีของชวารอฟสกี้ และมือถือแอลจี ช็อกโกแลต หรือ ปราดา (Prada) เช่นเดียวกับจอแอลซีที่มีการออกแบบ อาทิ แฟนตาซี หรือ ตระกูล LX60 ที่มีการออกแบบเน้นแสดงถึงเอกลักษณ์ของผู้ใช้งาน ดังนั้น เราจะทำเป็น 2 เรื่อง ถ้าเป็นสินค้าโลว์เอนด์เราจะบุกไปที่อาฟเตอร์มาร์เก็ต หรือ เครื่องทดแทนจอซีอาร์ที ส่วนที่เป็นกลุ่มระดับกลางถึงกลุ่มบน เราจะเน้น อาทิ รุ่น แฟนตาซี หรือ ตระกูล LX60 จะเห็นได้ว่า ภาพตลาดมอนิเตอร์เราผลักดันขายได้ทุกรุ่น ไม่เน้นรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เพราะตลาดเปิดกว้างสำหรับจอแอลซีดีค่อนข้างมาก ส่วนอีกกระแสที่มาจากต่างประเทศ และโรงงานที่ผลิต คือ จอไวดสกรีน หรือ จอกว้าง จะเข้ามาก็จะเกิดตลาดกลุ่มใหม่ใช้เพื่อความบันเทิงและทำงานตั้งแต่จอขนาด 19- 24 นิ้ว หากมากกว่านี้จะเป็นแอลซีดีทีวี จอแอลซีดีจะเป็นส่วนหนึ่งของบ้านพักอาศัย เมื่อพีซีเข้าทำหน้าที่กลายเป็นศูนย์กลางความบันเทิงในบ้าน (Media Center) สำหรับการทำโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์และวิถีชีวิตของคนกรุงที่เปลี่ยนจากการอยู่บ้านมาเป็นอาศัยในคอนโดมิเนียม ทำให้ต้องคำนึงถึงการประหยัดเนื้อที่ จะเห็นคนเริ่มดูทีวีจากคอมพิวเตอร์และทำงานไปพร้อมกัน ขณะที่จอไวด์สกรีนเหล่านี้ ก็เหมาะกับการดูภาพยนตร์จากแผ่นดีวีดี ที่ปัจจุบันเป็นแบบไวด์สกรีนกันหมดแล้ว ส่วนกลุ่มภาครัฐจอภาพของพีซีก็คงต้องเสื่อสภาพไปตามกาลเวลา ก็จะเกิดโครงการจัดซื้อใหม่ๆ มากขึ้น 
ทั้งหมดนี้ รวมถึงเครื่องที่ต้องเปลี่ยนจอภาพ แม้แต่สถานบันเทิง โรงแรม หรือ รถโดยสารก็หันมาใช้จอแอลซีดีมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่จะใช้จอซีอาร์ทีเดิมก็เปลี่ยนมาเป็นแอลซีดี อย่างไรก็ตาม แอลจีกำลังศึกษาตลาดเช่นกันว่า จอแอลซีดีทีวีขนาดเล็ก 19-21 นิ้ว เมืองไทยมีตลาดหรือไม่ ถ้ามีความต้องการก็อาจจะเอาเข้ามาทำตลาดด้วย เพราะจอแอลซีดีทีวีเมืองไทยถ้าจะขายได้ก็ต้องใหญ่เกิน 37 นิ้ว ขึ้นไป เพราะว่า กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อจะเข้ามา แต่กลุ่มกำลังซื้อแอลซีดีทีวีขนาด 19-21 นิ้วยังเห็นไม่ชัด ปลายปี 2550 คงจะเห็นภาพชัดมากขึ้น IT Exclusive: จะมีสงครามราคาจอแอลซีดีเกิดขึ้นหรือไม่? ศุภวัฒน์: แอลจีเราไม่เริ่มทำสงครามราคาก่อน แต่ถ้าในตลาดไม่มีปัจจัยบวกเลยมีแต่ปัจจัยลบโอกาสเจอสงครามราคาก็เป็นไปได้ แต่เชื่อว่า จะเกิดกับตลาดล่างๆ มากกว่า คนไทยเวลาซื้อก็มีดูเรื่องคุณภาพ การรับประกันและบริการด้วย ทำให้จุดนี้ แต่ละรายมีความแตกต่างเรื่องราคาอยู่ แต่สงครามราคาคงเกิดลำบากในขณะนี้ เพราะมีกำไรน้อยคงไม่ทำกัน นอกจากนี้ แอลจียังมีส่วนเพิ่มมา คือ เราให้จอมี High Contract Ratio 3000: 1 เทียบเท่าแอลซีดีทีวีเลย จึงทำให้ดูหนัง เล่นเกมคอมพิวเตอร์หรือ ความบันเทิงได้เต็มที่ IT Exclusive: ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ของแอลจีในปี 2550 มีอะไรบ้าง? ศุภวัฒน์: กลุ่มไอทีคงเป็นจอที่เป็นไฮไลท์ด้วยไวด์สกรีน และ High Contract Ratio 3000:1 ส่วนที่เป็น ODD แอลจีเป็นผู้นำอันดับ 1 ของโลกมา 9 ปี ติดต่อกัน มีส่วนแบ่งการตลาด 35% จึงเป็นข้อได้เปรียบของแอลจีที่อยู่ในตลาดนี้ มานาน ในการพัฒนาออปติคอลไดร์ฟ เรามองว่า อนาคตตัวเอ็กซ์เทอนัล ไดร์ฟ จะมีคนใช้มากขึ้น เพราะคนใช้พีซีสะดวกในการพกพา ใช้ได้หลายเครื่อง แต่ที่เราทำรวมกับ บริษัท เนโร (Nero) ที่ทำซอฟต์แวร์เบิร์นแผ่นซีดี-ดีวีดี คือ “Secure Disc” ใช้เวลา 6 เดือนพัฒนาขึ้นมา  ก่อนหน้านี้ เวลาที่เราทำแผ่นซีดีขึ้นมา เมื่อเขียนข้อมูลลงแผ่นไปแล้ว เราม่าสามารถรู้ได้เลยว่า ใครจะเอาข้อมูลในแผ่นเราไปก็อปปี้บ้าง หรือ เอาไปดัดแปลงไม่มีทางรู้ได้ แต่การที่เราทำผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ขึ้นมา ก็เพื่อใส่พาสเวิร์ด หรือ การเขียน และกู้ข้อมูลได้ ทำให้ข้อมูลในแผ่นปลอดภัยมากขึ้น หากแผ่นเป็นรอยตรงบริเวณข้อมูลสำคัญ ยังมีแบ็กอัพข้อมูลชุดเดียวกันอยุ่ในแผ่นด้วย โดยเสริมกับความปลอดภัยจากการใส่พาสเวิร์ด เมื่อมีการเขียนข้อมูล ทั้งนี้“Secure Disc” แอลจีจะนำไปเปิดตัวในงานคอมมาร์ตไทยแลนด์ 2007 ด้วย IT Exclusive: แอลจีที่มีแต่จอภาพจะแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นที่เป็นบริษัทพีซีอย่างไรในตลาดเครื่องทดแทน? ศุภวัฒน์: คนที่ผลิตพีซีมีอยู่ในบ้านเราไม่กี่ยี่ห้อ แต่ความจริงผู้ผลิตพีซีที่เป็นโลคัลแบรนด์ก็ยังมีความต้องการจอแอลซีดีจากแอลจีเช่นกัน เวลาขายพีซีแล้วเขาจะขายจอเป็นยี่ห้ออื่น ในความได้เปรียบเรื่องราคา คอมพิวเตอร์ประกอบ หรือ โลคัลแบรนด์ ก็มีราคาที่ดีกว่าอินเตอร์แบรนด์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มนี้ เริ่มเข้ามากินตลาดมากขึ้น แม้ตลาดพีซีเติบโตน้อยโน้ตบุ๊คเติบโตมากกว่าก็ตาม แม้ตลาดพีซีจะมีจำนวนยูนิตที่ลดลง แต่มีมูลค่าเติบโตมากขึ้นเนื่องจากผู้ซื้อต้องการเครื่องที่สเปกสูงขึ้น ทั้งแรม ฮาร์ดดิสก์ หรือ การ์ดจอภาพ เช่นเดียวกับตลาดคอมพิวเตอร์ประกอบที่จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อเครื่องไฮเอนด์มากขึ้น อาทิ แรม 2 GB จากเดิมปกติ 512 MB เพื่อรองรับ วินโดวส์ วิสต้า รวมถึงตลาดเกมคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะเกมใหม่กินทรัพยากรเครื่องสูง IT Exclusive: การที่เป็นบริษัทที่มีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลากหลาย จะมีการผสานผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่นๆ กับสินค้าไอที ออกจำหน่ายหรือไม่? ศุภวัฒน์: ที่เราทำจะเป็นกิจกรรมในงานคอมเวิลด์ 2007 ที่ออกโปรโมชันซื้อแอลซีดีทีวี 50 นิ้ว แถมจอแอลซีดีมอนิเตอร์แฟนตาซี เป็นต้น หรือ เมื่อซื้อจอแอลซีดีได้คูปองแลกซื้อจอแอลซีดีทีวี แต่ภาพรวมไม่ได้ทำตลอด แอลจีมีนโยบายนานา ชาติผูก หรือ ครอบแคมเปญต่างๆ ไว้ แต่เรามองว่า หากลูกค้าซื้อสินค้าแอลจี แล้วซื้อไปเรื่อยๆ จะมีมูลค่ามากขึ้น เราไม่ได้บังคับให้ลูกค้าซื้อโน่นซื้อนี่จนครบจำนวนจึงจะได้ถูก เราไม่ทำ เพราะเป็นการยัดเยียดเกินไป เราอยากให้เขาซื้อเพราะอยากใช้ต้องการเมื่อใด แอลจีมีสินค้าตอบสนองให้เสมอ IT Exclusive: การเป็นยี่ห้อจากเกาหลีใต้ ผู้บริโภคยอมรับมากเพียงใด ในขณะนี้? ศุภวัฒน์: ดูจากตลาดจอมอนิเตอร์ได้ว่า 2 อันดับ ที่นำอยู่ในเวลานี้ คือ ซัมซุงและแอลจี 2 แบรนด์นี้ รวมกันก็เป็นที่ยอมรับ หากคนได้ลองใช้ก็จะรู้ สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยหยุด คือ การบริการ เรามีศูนย์บริการ 10 สาขา ในหัวเมืองสำคัญ อีกทั้งมีศูนย์ที่เป็นตัวแทนแอลจีที่ได้รับการแต่ตั้งแบบเป็นทางการอยู่ทั่วประเทศ ที่ได้รับอนุญาตให้ซ่อมสินค้าแอลจี เป็นการการันตีว่า ในระยะเวลารับประกันโอกาสที่ลูกค้าจะเจอของไม่ดียากมาก หากมีจริงเราก็มีของเปลี่ยนให้ คนซื้อแอลจีไม่ใช่มีแค่สินค้าราคาสมเหตุสมผล แต่ยังได้ความสบายใจกลับไปด้วย สินค้าหลายกลุ่มที่เป็นแบรนด์เกาหลีมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาก เมื่อพูดถึงคุณค่าขาองชื่อสินค้าก็ดีขึ้น เพราะแบรนด์เกาหลีเองก็พยายามพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าดียิ่งขึ้น มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้า มีการบริการที่รวดเร็ว ในตลาด ขณะนี้ กลุ่มคู่แข่งจากไต้หวัด หรือจีนก็พยายามต่อสู้ในตลาด ทุกวันนี้ ต้องมาลงทุนในด้านการบริการ เรื่องนี้ทำกันไม่ง่ายเพราะต้องทำต่อเนื่อง การที่แอลจีอยู่ในเมืองไทยหลายปี เราจึงมีการลงทุนต่อเนื่องและกลายเป็นปราการสำคัญที่คู่แข่งต้องฝ่ายเข้ามา โดยผลิตภัณฑ์ของแอลจีที่ทำตลาด เรามีการลงทุนในส่วนของโรงงานผลิตในประเทศไทยด้วย แอลซีดีทีวีเริ่มทำแล้ว ส่วนแอลซีดีมอนิเตอร์จะตามมา เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า เป็นของผลิตในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งของ อะไหล่ การซ่อม การสนับสนุนตลาดค่อนข้างพร้อมกว่าคู่แข่งที่นำเข้าเพียงอย่างเดียว และฝากคนอื่นมาซ่อมให้แทน ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่พิสูจน์การที่แอลจี และซัมซุงผลัดกันเป็นที่ 1 และที่สอบเหมือนทุกวันนี้  IT Exclusive: อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์บ้าง? ศุภวัฒน์: วันนี้ สินค้าแอลจีได้มีการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการออกแบบจนเป็นที่ยอมรับและได้รางวัลต่างๆ มากมาย รวมทั้งสิ่งให้ประโยชน์กับลูกค้า คือ การเข้าถึงสินค้า เราพยายามเพิ่มตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น เพิ่มสัญลักษณ์ให้ลูกค้าเห็น มีการตกแต่งร้าน ให้ลูกค้าหาสินค้าง่ายขึ้น เพื่อจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น จอแอลซีดี High Contract Ratio 3000:1 ตัวซิเคียวดิสก์ เรื่องของไดร์ฟ ที่มีบริการ Hot Swap หากซื้อไปภายใน 1 เดือนเสีย เราเปลี่ยนตัวใหม่ให้ หากเกิน 1 เดือนเรามีตัวสำรองในสต๊อกเปลี่ยน ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอซ่อม เพราะไดร์ฟตัวหนึ่งมีราคาไม่กี่พันบาท แต่ค่ารถแท็กซี่ที่ลูกค้านั่งเพื่อเอาของมาเปลี่ยนไม่คุ้มกันกับราคาไดร์ฟที่ซื้อไปแอลจีก็เลือกที่จะทำตรงนี้ให้ จอแอลซีดีของระดับกลางถึงบนเรารับประกันว่า ภายใน 7 วัน ที่ซื้อไปจอจะไม่มี จุด หรือ Dead Pixel หากลูกค้าหาเจอสามารถเอาของมาเปลี่ยนได้ทันที หมายความว่า เราให้มากกว่าที่ตลาดให้ ที่ให้ไม่เกิน 3 จุด หากเกิน 3 จุดไม่รับเปลี่ยน หรือ ลูกค้าจะลองทดสอบที่ร้านค้าเลยก็ได้ เราเห็นบ่อยครั้งที่เมื่อลูกค้าซื้อแล้วขอทดลองจะทุลักทุเล เราให้ไปก่อนถ้ามีจุดค่อยเอามาเปลี่ยน เสียบปลั๊กไฟติดก็พอเสียค่อยเอามาเปลี่ยน ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่เราอยากฝากให้ลูกค้าสบายใจ
บทความจาก : ไทยรัฐ | 
