นักวิชาการชี้แนวคิด “เทเลคอมพูล” ควรมีประชาพิจารณ์ชี้ให้ชัดว่าการรวมโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก 10 โครงข่ายใหญ่แล้วประชาชนได้อะไร รัฐได้หรือเสีย กลไกการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมจริงหรือไม่ ด้านดีแทคประสานเสียงหวังเห็นมิติใหม่โทรคมนาคมไทย ส่วน กฟผ.พร้อมหนุนนโยบาย คมช.แต่ให้เอกชนเช่าแล้ว 90% กรณีแนวคิดการจัดคณะกรรมการร่วมผนึกโครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศในลักษณะของเทเลคอม พูล (Telecom Pool) ในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งที่รัฐเป็นเจ้าของ และถือหุ้น 100% ในทีโอทีและ กสท พร้อมผนึกโครงข่ายเคเบิลใยแก้วของ 3 การไฟฟ้าฯ และ 5 เอกชนผู้ให้บริการโทร คมนาคมรวมเป็น 10 โครงข่ายไฟเบอร์ออปติกแล้วทำหน้าที่บริหารโครงข่ายโทรคมนาคมของชาติ นายอานุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการอิสระด้านโทรคมนาคม กล่าวว่าการรวมกันระหว่าง บริษัท ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ถือเป็นเรื่องที่ดีในแง่ของลดการลงทุนซ้ำซ้อน แต่หากพูดถึงการรวมกันเป็นเทเลคอมพูลด้วยการดึงของเอกชนเข้ามาบริหารจัดการด้วย หรือให้มีโครงข่ายหลักเดียวของประเทศ ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า การทำลักษณะนี้จะเกิดประโยชน์อย่างไร มีการป้องกันการแทรกแซงจากการเมืองหรือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้หรือไม่ ซึ่งก่อนที่จะดำเนินการรวมโครงข่ายทีโอที และ กสท ควรที่จะปรับองค์กรตัวเองให้มีความชัดเจนในเรื่องประสิทธิภาพองค์กร การบริหาร และบุคลากร ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะสร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือการสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง “แนวคิดที่ออกมามีคำถามอยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องโครงข่ายของชาติ และประชาชน ที่รวมแล้วจะได้อะไร เพราะมันไม่เกี่ยวกันเลย แต่ถ้าเอามาเพื่อแก้ไขด้านบริหารจัดการ ลดการลงทุน มาสร้างกลไกเชิงพาณิชย์ในมุมใหม่ก็ถือว่ายอมรับได้ เพราะที่ผ่านมาทั้งสององค์กรทำได้ แต่ถูกการเมืองแทรกแซง ผู้บริหารคอยเอาใจบอร์ด พนักงานทำงานแบบขาดประสิทธิภาพ จึงทำให้องค์กรเกิดความล้มเหลว ซึ่งบอร์ดที่เข้ามาควรจะแก้ไขในเรื่องนี้ด้วย เพราะหากรวมไปแล้วยังเป็นอยู่ในลักษณะเดิม บริหารจัดการไม่เป็น ทุกอย่างก็ไม่ต่างไปจากเดิม” ส่วนการแก้ไขสัมปทานหรือยกเลิกประเด็นนี้ต้องศึกษาให้รัดกุมรอบคอบเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการเก็บส่วนแบ่งรายได้เข้ากระทรวงการคลังที่หายไป ข้อตกลงกับเอกชนในเรื่องสิทธิการใช้โครงข่าย ซึ่งประเด็นเหล่านี้คู่สัญญาทุกรายต่างต้องหาข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ตัวเองมากที่สุด เขายังกล่าวอีกว่า แนวคิดนี้จะเป็นการกระแสสังคมหรือไม่ อย่างกรณีการซื้อดาวเทียม ตอนแรกรัฐบาลมีท่าทีที่จะซื้อคืน แต่ตอนนี้เงียบไป จึงทำให้เกิดคำถามในใจขึ้นมาไม่ต่างกัน ซึ่งการที่รัฐจะนำโครงข่ายมาดูแลบริหารจัดการเอง ในมุมมองส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยโดยตรง เพราะไม่มีใครสามารถดูแลจัดการได้ และถ้าพูดถึงเรื่องความมั่นคง ก็เป็นเพียงเรื่องของการป้องกัน ซึ่งเรื่องนี้ยังมีอีกหลากหลายประเด็นคำถามกับแนวคิดที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรจะตั้งเวทีเปิดประชาพิจารณ์สอบถามประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าเห็นด้วยกับแนวคิดหรือไม่ เพราะบางประเด็นของแนวคิดที่เสนออกมาเหมือนเป็นการโยนหินถามทาง “ดีแทค” พร้อมร่วมมือ นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพาณิชย์ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนให้เกิดขึ้นโดยขั้นตอนกรอบเวลาของคณะทำงาน มีระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ไม่ควรยืดเยื้อออกไปนาน เพราะหากปล่อยไปจนหมดเวลาการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ขั้นตอนแก้ไขอาจจะต้องกลับไปเริ่มใหม่ เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่จากการเลือกตั้ง อาจจะไม่เห็นด้วย หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไข ยกเลิกได้ “เป็นเรื่องดีในการแก้ไขในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศ โดยวันนี้เป็นการพูดถึงเรื่องของอนาคต และเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยแท้จริงจากมุมอื่นๆ ของรัฐบาลที่จะพูดแต่เรื่องเก่า และการตรวจสอบ” ขณะเดียวกัน คณะทำงานจะต้องหาทีมที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานด้วยเพื่อให้กรอบแนวคิดและความชัดเจนออกมาเป็นรูปธรรม สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นขั้นตอน มีมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น ส่วนประเด็นการยกเลิกสัมปทาน นายธนากล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ แต่จากที่ได้เห็นถึงแนวคิดและข้อเสนอ ในภาพรวมมีความน่าสนใจในเรื่องของความเป็นธรรมและเท่าเทียมในการแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมเกิดมิติใหม่ในการแข่งขันได้ โดยดีแทคก็พร้อมที่นำเสนอข้อมูลแนวทางประกอบการพิจารณาด้วย นายศาสตรา โตอ่อน อาจารคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เพราะเคยได้มีการพูดคุยกับนายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ ในมุมมองการแก้ไขปัญหาโทรคมนาคมของชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการแทรกแซงทางการเมือง และระบบการกำกับดูแลของ กทช.ที่ล้มเหลว เอกชนเข้ามามีบทบาทในการควบคุม กทช.จนทำให้ ทีโอที และ กสท เสียประโยชน์ในการแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยนั้นควรมีระบบการดูแลโทรคมนาคมให้เข้มแข็ง มากกว่าการปล่อยให้เสรี เหมือนกับประเทศที่มีกรอบกฎหมายควบุคมชัดเจน ซึ่งประเทศไทยยังมีข้อด้อย และเป็นประเทศที่ยังเล็ก และอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้นจึงไม่ควรนำเอาแนวทางของต่างประเทศมายึดติดเกินไป กฟผ.พร้อมคืนใบอนุญาต กทช. นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องเทเลคอมพูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากจะมีการดำเนินการจริงคาดว่าจะเป็นการเรียกคืนใบอนุญาตที่ก่อนหน้านี้ กฟผ.ได้รับจาก กทช.) ที่ปัจจุบันได้ให้เอกชนหลายรายเช่าดำเนินการไปแล้ว “การยึดคืนในที่นี้คงหมายถึงการยึดใบอนุญาต เพราะถ้าจะยึดคืนระบบที่พ่วงสายส่งคงทำไม่ได้ ซึ่งยอมรับว่าในแง่ปฏิบัติก็อาจมีปัญหาตรงที่เราได้ให้เอกชนเช่าไปดำเนินการทั้งหมดแล้วและแต่ละรายก็มีอายุสัญญาไม่เท่ากันซึ่งหากจะยึดคืนคงจะต้องรอให้สัญญาหมดก่อนหรือไม่คงจะต้องมาดูอีกครั้งหนึ่ง” ทั้งนี้ ไฟเบอร์ออฟติกของ กฟผ.นั้นจะฝังอยู่ในสายไฟที่มีทั้งทั้งประเทศ โดยที่ผ่านมา กฟผ.ได้นำมีการใช้ในการสื่อสารภายในองค์กร กฟผ.ทั้งหมดประมาณ 10% แต่ต่อมาได้เห็นว่าจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประเทศชาติจะไม่ต้องลงทุนเพิ่มจึงได้ขอใบอนุญาตจาก กทช.ในการเปิดให้เอกชนเช่าดำเนินการที่เหลือ 90% อาทิ กสท ทีโอที และเอกชนต่างๆ นายไกรสีห์ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.กฟผ.นั้นจะไม่เปิดทางให้ กฟผ.ดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจสื่อสาร แต่ที่ผ่านมาได้ขอ กทช.เพื่อให้เกิดการใช้ทรพัย์สินของประเทศให้คุ้มค่า โดย กทช.ได้อนุมัติใบอนุญาตประเภทที่ 3 คือ เปิดให้เช่าซึ่งไม่ใช่เพียง กฟผ.รายเดียวเท่านั้นที่ทำการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าสว่นภูมิภาค หรือ กฟภ.เองก็ทำเช่นเดียวกันนี้ Company Related Links : กทช. TOT กสท ICT
|