หัวเรือ Wire-line Broadband ลั่นปี 53 รุกทุกพื้นที่ เล็งทุ่มงบ 5 พันล้าน ขยายโอกาสเข้าถึงลูกค้า มั่นใจธุรกิจโตทุกไตรมาส ไม่ต่ำกว่า 10%...

ท่ามกลางวิวัฒนาการที่หมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มุนษย์ต้องการและเสพย์ติดเทคโนโลยีมากขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะดังกล่าวกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เจ้าของสินค้าและผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง เร่งคิดค้นและพัฒนาธุรกิจของตนให้สอดคล้องกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับ “นนท์ อิงคุนานนท์” ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศครองตำแหน่งผู้นำธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ด้วยกลยุทธ์แบบคอนเวอร์เจนซ์เอกลักษณ์ของกลุ่มทรู เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า เชิญติดตามได้ ณ บัดนี้...

นนท์ อิงคุนานนท์

IT Digest: ความเป็นมาในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของทรู มีจุดเริ่มต้นอย่างไร

นนท์: ในอดีตทรูใช้ชื่อเทเลคอมเอเชียในการให้บริการอินเทอร์เน็ตภายในประเทศไทย โดยได้รับ ISP License จาก กสท และให้บริการภายใต้แบรนด์เอเชียอินโฟร์เน็ต จนกระทั่งปี 2547 เราจึงเปลี่ยนแปลงธุรกกิจทั้งกลุ่มเป็นกลุ่มทรู ภายใต้บริการที่หลากหลาย ส่วนของทรูไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อยู่ในกลุ่มธุรกิจของทรูออนไลน์ การให้บริการอินเทอร์เน้ตที่เป็น ISP License ก็จะอยู่ในกลุ่มของทรูอินเทอร์เน็ต ที่ให้บริการเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ความเร็ว 14.4k 23.6k  และ 56k จนถึงช่วงปลายปี 2544 ที่บรอดแบนด์จากต่างประเทศเริ่มเปิดให้บริการ เราจึงเริ่มให้บริการเป็นรายที่ 3 ของตลาดในขณะนั้น โดยช่วงดังกล่าว ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์ลิ้งค์เพียงไม่กี่พันราย ส่วนใหญ่จะอยู่ภาคธุรกิจ แต่ทรูกำหนดกลยุทธ์ในการเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้ตามบ้าน ด้วยการตั้งเป้าให้เทคโนโลยีเข้าถึงบุคคลทั่วไป โดยเน้นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล กระทั่งมีลูกค้าให้ความสนใจใช้งานเป็นจำนวนมากกว่าแสนรายภายในระยะเวลา 2 ปี

ทรูจึงถือเป็นผู้นำรายแรกที่ทำตลาดอินเทอร์เน็ตเพื่อผู้ใช้ตามบ้าน ปัจจุบัน ครบรอบ 8 ปีที่ทรูดำเนินธุรกิจด้านดังกล่าว ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 670,000 หลังคาเรือน โดย 90% อาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ขณะเดียวกัน เราก็เริ่มขยายพื้นที่ให้บริการออกไปยังเขตต่างจังหวัด 6 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น นครราชสีมา พัทยา และภูเก็ต โดยได้การตอบรับดีพอสมควร

IT Digest: ทรูใช้แนวคิดใดในการพัฒนาบริการ

นนท์: การเปิดบริการและแพ็คเกจใหม่ของทรู จะเน้นกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ ให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถดูทรูวิชั่นส์ฟรี ผ่านแพ็คเกจทรูไลฟ์ฟรีวิว 40 ช่อง โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม เพียงใช้บริการไฮสปีดอินเทอร์เน็ตความเร็วตั้งแต่ 3-16Mbps ของทรู ภายใต้แนวคิดเล่นเน็ตแรงดูหนังชัด ส่วนการให้บริการหรือวางตำแหน่งของทรูไฮสปีดอินเทอร์เน็ตนั้น เราตั้งเป้าพัฒนาด้านต่างๆ อาทิ การให้บริการอินเทอร์เน็ตขั้นสูง ด้วยความเร็วสูงสุด 16Mbps ภายในประเทศ  จากการเปิดตัวความเร็ว 8Mbps ในช่วงต้นปี 2552 ที่ผ่านมา มีผู้สนใจทดลองใช้ประมาณ 3 หมื่นราย ทดสอบความเร็ว 12Mbps มีผู้ทดสอบอีกประมาณ 16,000 ราย ส่วนความต้องการของลูกค้าตลาดระดับบนก็ยังคงมีความต้องการจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทรูพัฒนาแพ็คเกจ 16Mbps ขณะที่ ความเร็ว 3Mbps เราก็ไม่ได้ปรับขึ้นราคา ยังเริ่มที่ 599 บาทต่อเดือนเช่นเดิม

เมื่อพัฒนาความเร็วในการให้บริการ เราก็จำเป็นต้องพัฒนาหลายอย่างตามไป อาทิ 1.อินเตอร์เนชันแนลเกตเวย์ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 ที่ผ่านมา เราขยายธุรกิจดังกล่าวแล้วกว่า 100% เพื่อรองรับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น 2.ในส่วนของพื้นที่ที่เคยมีปัญหา ทั้งการไม่สามารถใช้บริการได้หรือความเร็วต่ำ เราก็ลงทุนเพิ่มอีก 1,500 โหนดภายในปีนี้ โดยคิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อเข้าใกล้ผู้บริโภคยิ่งขึ้น ทำให้สายสั้นลงและอินเทอร์เน็ตมีความเร็วเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ภายในช่วง 2 ปีต่อไป เราอาจมีการลงทุนอีกกว่า 3,500-5,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการเข้าถึงทั้งในกทม.และปริมณฑล และเพิ่มเทคโนโลยีฟิกซ์บรอดแบนด์ ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตภายในบ้านมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5-10 เท่า

IT Digest: ความแตกต่างในการให้บริการของทรูจากคู่แข่งขันคืออะไร

นนท์: ความแตกต่างของทรูและผู้ให้บริการรายอื่น คือ บริการหลังการขาย ถือเป็นจุดเด่นของทรูในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เราเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว อาทิ ช่างติดตั้ง และพนักงานให้บริการทางโทรศัพท์ นอกจากนี้ ยังรวมหมายเลขคอลเซ็นเตอร์เป็น 1686 เบอร์เดียว เพื่อความสะดวกแก่ลูกค้าทั่วประเทศในการใช้บริการ โดยสามารถโทรได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อตรวจสอบพื้นที่ให้บริการภายหลังจากลูกค้ามาติดต่อ หากพบว่าอยู่ในพื้นที่ให้บริการ ก็จะนัดภายใน 3 วันเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ทันที

นอกจากนี้ ท่อที่วิ่งไปยังอินเตอร์เนชันแนลเกตเวย์ยังมีขนาดใหญ่ แบ็คอัพได้ถึง 100% เนื่องจาก เราใช้อินเตอร์เนชันแนลเกตเวย์ 2 รายเท่าๆ กัน ได้แก่ CAT ที่เป็นผู้ให้บริการเดิม และ TIG หรือ True Internet Gateway บริษัทในเครือกลุ่มทรู ด้วยปริมาณเท่ากัน ทำให้ทรูมีวงจรอินเตอร์เนชันแนลเกตเวย์ที่ไปต่างประเทศใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถึง 20Mbps จึงสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากขึ้น

IT Digest: จากการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทรูพบอะไรบ้าง

นนท์: จากการสำรวจพบว่า ลูกค้า 30% นิยมอัพโหลดและดาวน์โหลดภาพยนตร์ ที่เรียกว่า วีดิโอแชร์ริ่ง โดยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกว่าลูกค้าทั่วไป ด้วยความเร็วในการอัพโหลดที่รวดเร็วสำหรับการแชร์วีดิโอ โดยทรูก็มีแพ็คเกจรองรับความต้องการดังกล่าว โดยเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่มีความเร็วในการอัพโหลดให้ถึง 1Mbps หากแบ่งระดับแพ็คเกจการให้บริการอาจแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ แพ็คเกจบริการทั่วไปที่ความเร็ว 3Mbps และพรีเมี่ยมแพ็คเกจที่ให้ความเร็วในการอัพโหลดข้อมูล ทั้งการใช้งานในประเทศและต่างประเทศ ด้วยวงจรการใช้งานที่ขยายเพื่อรองรับตามความต้องการมากขึ้นอีก 1 เท่าตัว

เรายังคงยึดหลักยุทธศาสาตร์ในการทำตลาดเหมือนเดิมเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยการให้บริการแบบคอนเวอร์เจนซ์ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายไม่สูงขึ้น ลูกค้าที่ใช้บริการทุกแพ็คเกจของทรูจะสามารถใช้บริการ Wi-Fi ขั้นต่ำ 2 เมกกะบิตได้ฟรี ด้วยจุดให้บริการมากกว่า 17,000 จุด ใน กทม. มากกว่า 15,000 จุด ตามศูนย์การค้าชั้นนำและถนน นอกจากนี้ เรายังให้บริการในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกด้วย

IT Digest: ทรูมีความพร้อมเพียงใดในการทำตลาดไฮสปีดอินเทอร์เน็ต

นนท์: การทำตลาด 16Mbps ทำให้พื้นที่ให้บริการของทรูใกล้ชุมสายมากขึ้น เนื่องจาก ความเร็วอินเทอร์เน็ตดังกล่าวเป็นความต้องการสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับสูง ทรูจึงร่วมมือกับแสนสิริ เปิดให้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็ว 16Mbps ณ โครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ล่าสุด เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของผู้บริโภค เราจึงเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็ว 30Mbps ด้วยเทคโนโลยี VDSL2 ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ ทั่วไปเป็นเทคโนโลยี ASDL2+ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 50Mbps แต่ความต้องการของลูกค้าในขณะนี้ยังไม่ต้องการความเร็วสูงถึงระดับดังกล่าว เบื้องต้น ทรูจึงให้บริการอยู่ที่ 30Mbps ด้วยค่าบริการประมาณ 4 พันกว่าบาทต่อเดือน โดยลูกค้าที่ใช้ความเร็วในระดับดังกล่าว เป็นกลุ่มนักธุรกิจและชาวต่างชาติ ที่นิยมใช้ดาวน์โหลดและชมภาพยนตร์ความละเอียดสูงแบบ HD รวมถึง เนื้อหาอื่นๆ ประเภท HD

IT Digest: ใช้กลยุทธ์ใดในการรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

นนท์: ด้วยบริการที่หลากหลายทั้งกลุ่มทรูวิชั่นส์ ทรูออนไลน์ ทรูมูฟ ทรูคอนเวอร์เจนซ์ ส่งผลให้เรามีกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย เราจึงต้องผลิตสินค้าและบริการ รวมถึง ราคาให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยการเก็บข้อมูลและสำรวจตลาดในทุกไตรมาส เพื่อตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าแต่ละกลุ่ม

ความเร็วอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศที่สูง 50Mbps หรือ 100Mbps มีเป้าหมายเพื่อรองรับเนื้อหาประเภท HD เป็นหลัก เนื่องจาก เนื้อหาประเภทดังกล่าวเป็นหน่วยข้อมูลขนาดใหญ่มาก คาดว่า อีกไม่นานประเทศไทยก็จะมีเนื้อหาประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้น และไม่ได้มีเพียงแค่ ภาพยนตร์ HD แต่ยังรวมถึง Music HD หรือ HD Radio ที่จำเป็นต้องใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตเริ่มต้นที่ 6-8Mbps

IT Digest: พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคในปัจจุบันมีลักษณะเป็นอย่างไร

นนท์: ในความเป็นจริงลูกค้าไม่ได้วิ่งตามเทคโนโลยี แต่ให้ความสนใจเนื้อหาที่ตนเองจะได้รับมากกว่า แต่การสร้างสรรเนื้อหาต่างๆ มักจะพัฒนาและได้รับความนิยมจากต่างประเทศ โดยความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้ทั่วไปอยู่ที่ 3Mbps ส่วนกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมตามไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ จะต้องการความเร็วที่ 8Mbps ขึ้นไป ซึ่งทรูมีทางเลือกที่หลากหลายไว้รองรับความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มอยู่แล้ว หากกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่ใช้ความเร็ว 3Mbps และใช้มาระยะหนึ่ง อาจต้องการเพิ่มความเร็วเป็น 4Mbps หรือมากขึ้นตามลำดับก็สามารถทำได้ โดยจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่ 3Mbps 4Mbps 5Mbps 8Mbps 12Mbps 16Mbps และล่าสุด 30Mbps เฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ

ส่วนพื้นที่ให้บริการรอบนอก กทม. นั้น อาจยังมีความเร็วอยู่ที่ 1Mbps บ้าง แต่เราก็พยายามจะขยายพื้นที่ให้บริการออกไปให้กว้างและครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึง เปลี่ยนอุปกรณ์ของลูกค้าให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความเร็ว ในฐานะผู้ให้บริการ เชื่อว่า สิ่งเหล้านี้ถือเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องพัฒนาและขยายต่อไป

IT Digest: ปัจจุบัน ภาวะการแข่งขันของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นไปในทิศทางใด

นนท์: ภายในปี 2552 นี้ การแข่งขันส่วนของบรอดแบนด์มีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่จะเน้นการแข่งขันในส่วนของพื้นที่ต่างจังหวัด แต่จากการปรับลดราคาให้บริการ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ใช้บริการ ยอมรับว่า ยังมีพื้นที่บางส่วนในกทม.ที่ทรูยังเข้าไม่ถึง ทำให้คู่แข่งขันได้ส่วนแบ่งจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไป เชื่อว่า การแข่งขัน ASDL บรอดแบรนด์ภายในปีนี้จะรักษาระดับทั้งราคาและความเร็วในระดับปัจจุบัน ส่วนการแข่งขันภายในปี 2553 อาจเพิ่มการแข่งขันด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายพื้นที่ให้บริการไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นเช่นกัน

ทรูไม่ได้เน้นการออกสินค้าและบริการใหม่ตลอดเวลา แต่เราทำอย่างต่อเนื่องและนำเสนอตามความเป็นจริง ภายใต้เป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านคุณภาพและการให้บริการ เพราะลูกค้าไม่ได้ต้องการสินค้าราคาถูกหรือแพงจนเกินไป แต่เทียบจากคุณภาพและบริการเป็นหลัก ด้วยช้อปกว่า 70 แห่ง คอลลเซ็นเตอร์ที่สามารถรองรับการใช้งานได้มากขึ้นภายใต้หมายเลข 4 หลักของทรู

IT Digest: ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา และที่คาดการณ์ในปี 2552 เป็นอย่างไร

นนท์: ในปีนี้เราตั้งเป้าการเติบโตทางธุรกิจไว้ที่ 10% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 600-700 ล้านบาท จาก 2 ไตรมาสที่ผ่านมา คือ ไตรมาสที่ 1 และ 2/2552 เราก็เติบโตประมาณ 10% ถือว่าอัตราการเติบโตยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ภาวะเศรษฐกิจยังคงผันผวน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการด้านธุรกิจบรอดแบนด์ภายในปีนี้ของบริษัทฯ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท ไม่รวมธุรกิจด้านเกตเวย์ที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ แม้ผลประกอบการกลุ่มโทรศัพท์หมายเลขพื้นฐาน หรือเบอร์บ้านจะลดลง ประมาณ 10%

IT Digest: ทิศทางการให้บริการไฮสปีดอินเทอร์เน็ตของทรูในอนาคต

นนท์: เราพยายามขยายพื้นที่ให้บริการในกทม.มากขึ้น จากหมายเลขพื้นฐานกว่า 1.8 ล้านเลขหมาย โดยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพียง 6-7 แสนเลขหมายเท่านั้น คิดเป็นอัตราเพียง 1 ใน 3 ของเลขหมายทั้งหมด ดังนั้น จำนวนลูกค้าอีกกว่า 2 ใน 3 ส่วน จึงถือเป็นกลุ่มที่ทรูต้องเร่งขยายบริการ ส่วนกลุ่มผู้ใช้รายใหม่ที่ไม่มีหมายเลขทรู เราก็ติดตั้งให้ใหม่ทันที ด้วยไลเซ่นส์ใหม่ที่เราสามารถทำได้ เรียกว่า จะเน้นการขยายบริการในพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่ไปพร้อมกัน ในส่วนของพื้นที่ต่างจังหวัด แน่นอนว่าเราต้องไปแน่ เทคโนโลยีที่ใช้สมควรจะเป็นประเภทใด เราก็จะดำเนินการต่อไป

IT Digest: ฝากอะไรถึงผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์

นนท์: ขณะนี้เราให้บริการครบรอบ 8 ปี มีทั้งการลองผิดลองถูก เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ทำให้มีประสบการณ์มากขึ้นหรือมีปัญหาในบางพื้นที่ โดยในพื้นที่ที่เรามีสายโทรศัพท์อยู่แล้วก็อาจได้รับการบริการที่รวดเร็วกว่า แต่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีสายโทรศัพท์และพื้นที่ต่างจังหวัดเราก็ไม่หยุดดำเนินการ เรามีการลงทุนใหม่เพื่อขยายบริการอีกกว่า 1,500 โหนด

อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2553 ทรูจะขยายพื้นที่ให้บริการมากขึ้น ส่วนผู้ที่อยู่ภายในกทม.และยังไม่มีหมายเลขพื้นฐานของทรู ตอนนี้เราก็ติดตั้งให้ฟรี เพียงสมัครบริการอินเทอร์เน็ตใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าบริการในการเปิดหมายเลขแต่อย่างใด นอกจากนี้ ลูกค้าที่ใช้บริการอื่นๆ ในกลุ่มทรู ก็ยังมีสิทธิ์ใช้บริการคอนเวอร์เจนซ์อื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตนเอง