• บ้านสวนพลู กับการจัดการไฟป่า สู่รางวัลลูกโลกสีเขียว #อุทัยธานี |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 15 พ.ค. 64 เวลา 22:34:07 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ถอดประสบการณ์ต้นแบบชุมชนบ้านสวนพลู กับการจัดการไฟป่าทั้งระบบและจัดการป่าอย่างยั่งยืน สู่รางวัลลูกโลกสีเขียว
นายสุวิน ชักนำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 บ้านสวนพลู ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีได้เล่าประสบการณ์ในการทำงานด้านการจัดการกับปัญหาไฟป่าในพื้นที่ว่า ไฟป่าเกิดขึ้นทุกปี แต่ปีนี้หนักหน่อยมีไฟขึ้นเกือบทุกที่ ดับไปก็ยังมีอีกพยายามประชาสัมพันธ์และมีบางกลุ่มล่าสัตว์ ตีผึ้ง ได้ผึ้งแล้วก็ทิ้งเชื้อไฟไว้ในแนวกันไฟที่ชาวบ้านทำไว้ ชาวบ้านจะไปช่วยกันดับไฟตลอด เวลาเกิดไฟป่าก็จะประกาศเสียงตามสายและส่งไปที่ไลน์กลุ่มของตำบล ทุกปีจะมีการทำแนวกันไฟ ทำฝายชะลอน้ำ และปลูกป่าเสริมที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ร่วมมือกันทำ ทั้งนี้บ้านสวนพลู แบ่งเขตการปกครองออกจากบ้านทัพหลวง มาตั้งเป็นบ้านสวนพลู หมู่ที่ 5 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีประชากร 576 คน 175 ครัวเรือน ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพดเป็นหลัก ตั้งบ้านเรือนเกาะกลุ่มเรียงรายอยู่สองข้างทาง ซึ่งมีคนทั้งพื้นที่เดิมและกลุ่มที่อพยพเข้ามาภายหลัง แต่สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษเดียวกัน คือ ลาวเวียงจันทน์ที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่แถบภาคกลางตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์กว่า 200 ปีมาแล้ว พวกเขาเรียกตัวเองว่า “ลาวกา” หากคนทั่วไปรู้จักกันในนาม “ลาวครั่ง” ตามเอกลักษณ์การใช้ครั่งย้อมเส้นไหมเป็นสีแดงทอผ้าตีนจก
บ้านสวนพลู มีพื้นที่ป่าชุมชนประมาณ 6,300 ไร่ เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ สภาพพื้นที่เป็นแนวเทือกเขาหินปูนที่สลับซับซ้อนทั้งเขาตำแย เขาราวเทียน เขาไม้รวก เขาพุกอีควาย ฯลฯ ทอดยาวโอบล้อมบ้านสวนพลู พื้นที่ดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนกับกรมป่าไม้เมื่อปี พ.ศ.2560 แล้ว จำนวน 457 ไร่ ป่าแห่งนี้มีลัษณะป่า 3 ประเภทปะปนกันอยู่ คือ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าไผ่ โดยในผืนป่ายังคงมีต้นตะเคียนทอง ยาง มะค่า ไม้แดง ไม้ประดู่ ฯลฯ ซึ่งเป็นไม้ใหญ่ที่มีอายุนับร้อยปีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนป่าพื้นล่างมีพืชผักหลายชนิดที่เป็นอาหารของคนในตำบลทัพหลวง เช่น เห็ดโคน หน่อไม้ ผักหวาน เห็ดไผ่ เห็ดรวก เห็ดเผาะ หน่อไม้รวก หน่อไม้ไผ่นวล หน่อไม้ไผ่ป่า ฯลฯ ป่าแห่งนี้ยังมีประโยชน์แก่คนทั้งตำบลทัพหลวงทั้งตำบล“หน้าฝนได้กินหน่อไม้ เห็ดชนิดต่างๆ ส่วนหน้าแล้งก็ได้กินผักหวาน” ป่าผืนนี้จึงเป็นทั้งแหล่งอาหารและแหล่งสร้างรายได้เล็กๆน้อยๆ ให้กับคนที่นี่ และยังเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญชุมชนอีกด้วย ดังนั้นคนที่นี่จึงถือว่า “ใครที่มาใช้ประโยชน์ ก็ต้องมาช่วยเวลามีไฟป่า ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจมาช่วยกันอย่างแข็งขัน
“ชุมชนบ้านสวนพลู เป็นชุมชนต้นแบบในเรื่องการดูแลจัดการป่าอย่างยั่งยืนในพื้นที่ภาคกลางคนในชุมชนที่นี่ร่วมกันดูแลมากว่า 40 ปี แล้วการดูแลป่าทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว ก่อนปี 2528 พ่อผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน (ประมาณ 2521) ต่อมารุ่นผู้ใหญ่สมบูญ จนมาถึงรุ่นผมเป็นผู้ใหญ่บ้านมา18 ปี แล้ว แต่ไม่ได้มีรูปแบบการจัดการมากมาย ก็ทำแบบช่วยๆ กัน หลังๆ มา ก็มีคณะต่างๆ มาศึกษาดูงานป่าต้นน้ำ ดูการทำประปาภูเขา มาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้นำมาบ้าง จังหวัดพามาบ้าง จนชุมชนได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว เมื่อปี 2545” ผู้ใหญ่สุวิน กล่าวย้ำและว่า ชาวบ้านสวนพลูมีการตั้งกฎระเบียบชุมชนในการดูแลและจัดการป่า ที่ให้คนในชุมชนปฏิบัติร่วมกัน และคนนอกชุมชนเคารพและปฏิบัติตามด้วย นอกจากนี้ยังการจัดตั้งคณะกรรมการป่าชุมชน ขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อปี พ.ศ.2560 ประกอบไปด้วย คนในชุมชน จำนวน 15 คน เพื่อเป็นตัวแทนดูแลประสานงานเรื่องการจัดใช้และการดูแลทรัพยากรของชุมชนด้วย ส่วนในด้านการจัดการไฟป่า ชุมชนได้มีการจัดการทั้งระบบหลากหลายรูปแบบ ทั้งร่วมกันทำแนวกันไฟทุกๆ ปี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม โดยจะมีคณะกรรมการป่าชุมชนเป็นหลักและคนในชุมชนทุกหลังคาเรือน โดยจะทำแนวกันไฟล้อมตีนเขาไว้ ไม่ให้ไฟไหม้ลามเข้าไปในป่า ชุมชนแห่งนี้มีความรักและความห่วงใยต่อป่าผืนนี้อย่างมาก เพราะป่าคือชีวิตของพวกเขา
นอกจากนี้ก็ร่วมกันดับไฟป่า ผู้ใหญ่บ้านจะเป็นคนประกาศเสียงตามสายให้ตัวแทนแต่ละครัวเรือนที่ยังมีแรง และไม่แก่มากนัก ช่วยกันไปดับไฟ ส่วนคนแก่หรือคนที่ไปช่วยดับไฟไม่ไหวจะคอยช่วยกันทำอาหารให้กับคนที่ไปดับไฟกินหลังจากที่ช่วยกันดับไฟเสร็จ หากในชุมชนรับมือกันเองไม่ไหว ผู้นำก็จะส่งข่าวไปทางไลน์กลุ่มของตำบล แจ้งข่าวให้ชุมชนอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์จากป่าทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้ามาช่วยดับไฟป่าด้วย ขณะเดียวกันก็จะทำฝายกันในช่วงหน้าแล้งของทุกปี จะเป็นการทำฝายใหม่และซ่อมแซมฝายเก่า เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่า เป็นการกักเก็บน้ำไว้ใช้ดับไฟป่าและใช้ในการอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้งด้วย การทำฝายจะทำฝาย 3 ลักษณะ คือ ฝายไม้ไผ่สาน ฝายตะแกรงเหล็ก(ใส่ก้อนหิน) และฝายหินผสมปูน ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ การทำฝายนั้นทำกันมานานแล้ว นอกจากนั้นยังมีกลุ่มพนักงานโรงงานต่างๆ ที่ทำ CSR มาร่วมปลูกป่า ทำฝาย บางครั้งก็มีกลุ่มนักเรียน กศน. มาทำกิจกรรมร่วมกันด้วย ส่วนการปลูกป่าของชุมชนที่นี่เป็นการปลูกในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า ปลูกแซมในป่า แทนพืชเดิม เน้นการปลูกต้นไม้ท้องถิ่นมากกว่าพันธุ์ต่างถิ่น โดยคนในชุมชนและองค์กรภาคีเครือข่ายต่างๆ จะมาช่วยกันปลูกในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ของทุกปี เป็นการสะท้อนความรักและหวงแหนได้ชัดเจนว่า ชุมชนสวนพลูทุกคนร่วมกันปกป้องผืนป่าแห่งนี้ ให้อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำ เป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชนแห่งนี้และคนในตำบลทัพหลวงตลอดไป.
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 336 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 15 พ.ค. 64
เวลา 22:34:07
|