• อากาศร้อน ต้องระวัง! โรคท้องร่วง แพทย์มช.เตือน หลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 08 พ.ค. 68 เวลา 15:39:39 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ศ.นพ.ธเนศ ชิตาพนารักษ์ อาจารย์หน่วยวิชาระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า ช่วงหน้าร้อนของทุกปีมักจะพบผู้ป่วยโรคท้องร่วง ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในปีนี้ที่พบผู้ป่วยโรคท้องร่วง ในพื้นที่ จ.ลำปาง จำนวนมาก กระจายอยู่หลายพื้นที่ ไม่เป็นกลุ่มก้อน โดยเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ได้ออกประกาศเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังการรับประทานอาหาร น้ำและน้ำแข็ง เนื่องจากในช่วงนี้ พบผู้ป่วยโรคท้องร่วงเพิ่มขึ้น ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 25 เม.ย.68 มีผู้ป่วยโรคท้องร่วงถึง 3,237 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 460.84 ต่อแสนประชากร โดยพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.68 ถึงปัจจุบัน
จากการสอบสวนโรคเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วยโรคท้องร่วงไม่ได้เกิดขึ้นเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีความเชื่อมโยงกับการรับประทานอาหารจากแหล่งเดียวกัน สันนิษฐานว่า การระบาดเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ร้อนจัด ทำให้อาหารเสียง่าย และยังไม่พบการระบาดที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของเชื้อโรคในแหล่งน้ำ หรืออาหาร แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน
โดยโรคท้องร่วงที่พบบ่อยในช่วงนี้ มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส เช่น นอร์โรไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล ซัลโมเนลลา หรือปรสิตที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร หรือแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด และสภาพอากาศร้อนชื้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคไต และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคท้องร่วงที่เกิดจากการติดเชื้อ มักจะมีอาการถ่ายเหลว หรือถ่ายบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือเป็นตะคริวที่ท้อง อ่อนเพลีย หรือมีไข้ อาการที่ต้องรีบไปโรงพยาบาล ได้แก่ ถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก ถ่ายเป็นเลือดหรือมีมูกเลือด มีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ไม่มีแรง ปัสสาวะน้อย หน้ามืด เป็นลม ชีพจรเบาและเร็ว หรือมีไข้สูงมาก ทั้งนี้หากผู้ป่วยมีอาการไม่มาก สามารถรักษาเบื้องต้นด้วยตนเองที่บ้านได้ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดหรือสารละลายเกลือแร่ รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมันหรือเผ็ดจัด หลีกเลี่ยงการใช้ยาหยุดถ่าย หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการและทำการรักษา โดยแพทย์จะให้สารน้ำทางเส้นเลือดดำในกรณีขาดน้ำรุนแรง และอาจมีการใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย และต้องเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตวาย เป็นต้น
ศ.นพ.ธเนศ ชิตาพนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงวิธีป้องกันโรคท้องร่วงว่า ประชาชนควรยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ อาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนหยิบจับอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งสกปรก รวมถึงเลือกน้ำดื่ม น้ำแข็งที่สะอาดได้มาตรฐาน มีเครื่องหมาย อย. หรือ GMP หรือดื่มน้ำต้มสุก ผู้ปรุงประกอบอาหารต้องเลือกวัตถุดิบที่สะอาด มีคุณภาพ ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง ไม่แช่วัตถุดิบหรือสิ่งของอื่นในน้ำแข็งบริโภค เพราะอาจจะทำให้มีเชื้อโรคปนเปื้อนได้ สำหรับน้ำดื่มจากเครื่องกรองน้ำหรือตู้กดน้ำ ต้องหมั่นทำความสะอาดและตรวจสอบคุณภาพไส้กรองเป็นประจำ เพื่อความปลอดภัย
เรียบเรียง : นางสาวสมัชญา หน่อหล้า ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร งานประชาสัมพันธ์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 136 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 08 พ.ค. 68
เวลา 15:39:39
|