หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ ผ้าพันคอราคาถูก ราคาส่ง เชียงใหม่ ลำพูน

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ห้องแก๋งโฮ๊ะ
เว็บบอร์ด » ห้องแก๋งโฮ๊ะ
รายละเอียดของห้อง : พูดคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป, สัพเพเหระ, อยากถาม อยากตอบ
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
เพจหมอ ค้าน ปชช.ร่วมจ่ายบัตรทอง ชี้แค่ จ่าย 10% ก็หนักแล้ว

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
เพจหมอ ค้าน ปชช.ร่วมจ่ายบัตรทอง ชี้แค่ จ่าย 10% ก็หนักแล้ว
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 26 ธ.ค. 58 เวลา 11:58:19 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 

 

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.58 แอดมินหมอเพจ “เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล” ค้าน “ร่วมจ่ายบัตรทอง” ชี้ คนจนควักค่ารักษาแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็เดือดร้อนหนักแล้ว ชี้ปัจจุบันประชาชนก็ร่วมจ่ายโครงการนี้กันอยู่แล้วในรูปแบบของภาษี  และตบท้ายบทความว่า ยินดีให้เก็บภาษีเพิ่ม หากนำไปเพิ่มงบในนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคนี้  โดยโพสต์ข้อความดังนี้

"#‎บัตรเดียวทำประเทศถังแตก‬
ยาวมากขอบคุณล่วงหน้าที่อ่านจบ

วันสองวันนี้มีข่าวจาก รมต. สาธารณสุข
กล่าวเกี่ยวกับโครงการบัตรทอง
โดยในเนื้อข่าวมีความว่า

"งบฯมาจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว 
ซึ่งแนวโน้มการใช้งบประมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 16-17% คิดเป็น 4.6% ของGDP"

และ

"ประชารัฐจะต้องร่วมสร้างความมั่นคง
และยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ว่าจะดำเนินการแบบไหน อย่างไร 
จะให้รัฐบาลรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ไหว 
ใครจะช่วยจ่ายระบบอย่างไรต้องมาหารือร่วมกัน"
.
เป็นอีกครั้งที่ต้องขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ 
ใครไม่เห็นด้วยตรงไหน ร่วมแสดงความเห็นกันได้
(หลังอ่านจนจบนะครับ...)
=======================================
‪#‎ขอคุยกันแบบผู้บริหาร‬

ในระดับภาพรวมของประเทศ 
สิ่งที่ผมคิดว่า คงไม่มีใครเถียงก็คือว่า
งบประมาณโครงการนี้มันต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 
คนไข้อายุยืนยาวขึ้น 
คนไข้มากขึ้นเรื่อย ๆ 
ยารักษามากขึ้น (อาจจะลดได้ในบางอย่าง
แต่ภาพรวมก็น่าจะเพิ่มขึ้น)
ค่าหยูกค่ายา เงินเดือนคนทำงานมากขึ้น
งบมันก็ต้องเพิ่มขึ้น แน่นอน 
.
คำถามสำคัญคงอยู่ที่ว่า
โครงการนี้ คุ้มที่จะทำต่อไหม ?
.
คำตอบก็คือ น่าจะคุ้มที่จะทำต่อ
แม้จะมีคนจำนวนหนึ่งบอกว่า 
ต้องปรับเปลี่ยน แต่(ยัง) ไม่มีใครบอกว่า ยกเลิก

ดังนั้นปัญหาที่เป็นหัวใจสำคัญเลยก็คือ
เงินไม่พอ ...

จากปัญหานี้

ผมตอบได้เต็มปากเต็มคำว่า
ไม่เห็นด้วยกับวิธีการแก้ปัญหาด้วยการ ร่วมจ่าย
ณ ที่จุดบริการ ไม่ว่าจะเป็น 10, 20, หรือ 30%

(คนไข้ผม จ่ายยา สามเดือน สามพันบาท
จ่ายร่วม 10% = 300
จ่ายร่วม 20% = 600
จ่ายร่วม 30% = 900
แต่ ป้าจะมา รพ.ที ยังต้องรอ รถเมล์ฟรี
มารพ. หนึ่งวันรายได้หายไป 300 
ยังคิดแล้วคิดอีก

คนไข้ผม ขับวิน มอเตอร์ไซค์
เกิดกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน
ค่ารักษา 300,000 (อ่านว่า สามแสน) บาท
จ่ายร่วม 10% = 30,000 ..
ไม่อยากคิดต่อเลย )
.
ในขณะเดียวกัน ผมเห็นด้วยกับการร่วมจ่าย
ในวิธีปฏิบัติที่ทำกันอยู่ ณ ปัจจุบัน 
นั่นก็คือใช้ภาษีที่ทุกคนร่วมกันจ่ายอยู่แล้ว 
ย้ำว่า ทุกคน ร่วมจ่ายอยู่แล้ว 
.
ทุกคนในประเทศไทย ร่วมกันจ่ายภาษี
ทั้งทางตรง และทางอ้อม ไม่ได้มีใครได้รับการยกเว้น
ยากจนแค่ไหนก็ยังต้องจ่าย ทุกครั้งที่ซื้อสินค้าต่าง ๆ
เงินจำนวนนี้แหละ ที่ผมถือว่าเป็นการ ร่วมจ่าย แล้ว

ใครที่เข้าใจว่า มีแต่มนุษย์เงินเดือน
หรือ ข้าราชการเท่านั้นที่จ่ายภาษี 
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องครับ

และหากงบประมาณไม่พอ สำหรับโครงการนี้
ผมถือว่าเป็นหน้าที่ของ รัฐบาล ว่า
จะหางบประมาณเพิ่มจากไหน

หากผมเป็น รมต. สาธารณสุข 
ผมไม่ร้องเรียกให้ ประชาชนร่วมจ่าย
แต่จะลุกขึ้นร้องต่อ รัฐบาลว่า 
หน้าที่ที่จะใช้เงินอย่างคุ้มค่า 
หน้าที่ที่จะรักษาชีวิตประชาชน 
หน้าที่ที่จะดูแลคุณภาพชีวิตให้ประชาชน
เป็นหน้าที่ของผม 
.
ส่วนหน้าที่ของคุณ ผู้เป็นรัฐบาลก็คือ 
หางบประมาณมาให้ผมใช้
ตราบใดที่ผมยังใช้มันได้อย่างสมเหตุสมผล
.
งบไหน เรื่องใด สำคัญกว่ากัน 
คุ้มค่า คุ้มราคา ได้ประโยชน์มากกว่ากัน
คุณต้องทำหน้าที่ชั่งตวงวัด
หาก กล้าหาญ และกลัารับผิดชอบ
ก็บอกออกมาเลยว่า เรื่องไหนมันสำคัญกว่ากัน 
งบประมาณไหน ที่รัฐบาลเห็นว่าสำคัญกว่าเรื่องนี้
ก็บอกออกมา

========================================

‪#‎ขอคุยกันแบบประชาชนคนธรรมดาด้วยกัน‬

ในฐานะผู้ให้บริการ 
โครงการนี้ มักจะมีคนตั้งข้อสังเกตว่า

1. คนเราได้ของฟรี 
เจ็บป่วยนิดหน่อย ก็มาขอยา 
มาขอยาฟรี ๆ มาทีขนยาเป็นกระสอบ
ได้ไปยังเอาไปทิ้งไปขว้างไม่กินอีก

- ความจริงก็คือ เจอเหมือนกันนะครับ
คนไข้ประเภทนี้ มาทีขอยานวดเพิ่ม หน่อย
ขอยาหยอดตาหน่อยนะหมอ 
.
แต่ส่วนตัวผมเจอน้อยมาก ๆ 
สัปดาห์หนึ่งเจอคนไข้ประมาณ 3-400 คน
คนไข้แบบนี้น่าจะมีไม่ถึง 10 คน
นับเพิ่มคนที่ป่วยอย่างอื่นแล้วขอยาแถมบ้าง
ก็อีกสัก 10 คนก็แล้วกัน 
.
ส่วนที่เหลือนั้นเจ็บจริง 
ไม่มีการใช้สลิงแต่อย่างใด

และส่วนใหญ่ที่ผมเจอก็คือ
.
หนึ่ง คนไข้อดทนจนอาการทรุด
แล้วจึงมาหาหมอ เพราะไม่ไหวแล้วจริง ๆ

สอง คนไข้ซื้อยากินเอง 
หรือ ไปหาหมอคลินิกมาก่อน
แล้วถ้าไม่หายจริง ๆ จึงมา รพ. 
.
เหตุผลจริง ๆ อาจจะเป็นเพราะมันต้องรอนาน
แต่หลายคนก็บอกว่า เพราะเกรงใจหมอ
ถ้าไม่จำเป็น พอดูแลตัวเองได้ พอจ่ายได้ก็ไปคลินิก
แต่ไม่ไหวจริง ๆ เลยมาหาหมอ

สาม คนไข้จะเก็บยาไว้ดีมาก
เรียกว่าเก็บกินทุกเม็ด 
โดย ปกติผมจ่ายให้เหลือเกินวันนัดไว้นิดหน่อย
เวลาผ่านไป คนไข้มักจะเป็นคนบอกเองว่า
คราวนี้ ตัวนี้หมอไม่ต้องให้นะ เพราะเหลือเยอะ
คราวนี้ ยาตัวนี้ให้แค่.. ก็พอ
เสียดาย เก็บไว้ให้คนอื่นบ้าง 
.
คำถามคือ คนจำนวนหนึ่งซึ่งน้อยมาก
จากประสบการณ์ของผม ทำให้เราถึงขึ้น
ต้องเปลี่ยนแปลงระบบเลยเหรอ ?
...

------

2. พวกไม่ดูแลตัวเอง กินเหล้า สูบบุหรี่
แล้วมาใช้ของฟรีแบบนี้ ถูกต้องที่ไหน ?
ต้องเก็บเงินจากพวกนี้งดการใช้สิทธิ
หรือ โรคใด ๆ ที่เกิดจากรนหาที่เอง 
น่าจะระบุไปเลยว่า ห้ามใช้สิทธิ

- อันนี้เป็นแนวทางที่น่าสนใจแต่ทำยากมาก
.
ปัจจุบัน มีบางภาวะ/โรค ที่ เราให้คนไข้
ออกค่าใช้จ่ายเองอยู่เหมือนกัน 
นั่นก็คือ คนที่ไปฉีดยาเพิ่มขนาดอวัยวะเพศมา
แล้วต้องการผ่าตัดแก้ไข เพราะเน่า หรือ ติดเชื้อ
หรืออะไรก็ตามทีี ... ต้องจ่ายเงินค่ารักษา
ค่าผ่าตัดเองทั้งหมด 
.
แต่ภาวะ อื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
ที่จะบอกว่า อะไรคือ การรนหาที่เอง 
คนกินเหล้าทุกคน ไม่ได้ต้องเป็นตับแข็ง
.
กินเหล้าแล้วตับอักเสบ 
.. ต้องจ่ายเงินเองเลยไหม ?
เขาสามารถแก้ตัว 
หยุดเหล้าแล้วกลับมาปกติได้นะ 
แ่ต่ระหว่างนี้ให้เขามาหาหมอ
แล้วต้องจ่ายค่ายา .. เขาอาจจะเลือกไม่มาดีกว่า
ผลคือ .. เป็นมากขึ้น มากขึ้นหรือเปล่า ?
.
กินเหล้า แล้วตับแข็ง 
เขาสามารถดูแลตัวเอง กินยาสม่ำเสมอ
มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นะ 
แต่ถ้าเขาต้องมาเจอหมอ แล้วเสียค่ายา
บางคนอาจจะเลือก ทางอื่นเสียดีกว่า 
.
หรือต้องแค่ไหน กินกี่ครั้ง รักษากี่ครั้ง
มีสิทธิแก้ตัวได้กี่ครั้ง จึงจะหมดสิทธิ
ในการใช้บัตรทอง 
.
หรือ จะพิสูจน์ยังไงดีว่า 
คนไข้เลิกกินหรือยังไม่เลิกเหล้า
ถามกี่ครั้ง ก็บอกว่าเลิกแล้ว 
แต่ค่าตับไม่เคยดีขึ้นอย่างนี้ ก็ต้องจ่ายค่ายาเอง
หรือยังไง ? หมอสามารถวินิจฉัยได้ทุกครั้ง เหรอ ?
ไม่จริงหรอก แล้วจะเอาอะไรมาตัดสิน

อันนี้คือโรคเดียว ยังมีโรคอื่นอีก
ที่น่าปวดหัวอีกมากมาย 
เบาหวาน เรื่องอาหารการกิน 
จะกำหนดยังไงเหรอ ? แบบไหนไม่ดูแลตัวเอง
แบบไหนดูแลตัวเองดีแล้ว อนุญาตให้ใช้สิทธิได้

3. บางคนไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่เคยใช้ 
และ คิดว่าคงไม่มีทางต้องใช้
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม 
.
อยากบอกว่า 
.
ผมมีคนไข้ไม่น้อย 
ที่พอลูกออกจากราชการปุ๊ป 
พ่อแม่หมดสิทธิเบิกได้
ก็รับภาระค่ายาไม่ไหว 
ต้องย้ายมารับยาด้วยสิทธิบัตรทอง
.
ผมมีคนไข้ รักษามะเร็ง จ่ายเงินเอง
แล้วหมดไปหลายล้าน 
จนต้องมาใช้สิทธิบัตรทองในบั้นปลาย
.
กรณีที่เจอบ่อย มาก ก็คือ
พ่อแม่บางคนไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ
มาเจ็บที เข้า รพ.เอกชน สามวัน
ค่าใช้จ่ายหมดไปสามแสน 
ถ้าลูกพาย้าย รพ. ไม่ทัน
คาดว่า จะถึงขั้นล้มละลาย 
.
สิทธินี้เปรียบไปแล้ว 
เสมือนเป็น ประกันสุขภาพ อีกชั้น
ที่ รัฐ มอบไว้ให้กับคนไทยทุกคน 
คุณไม่รู้หรอกว่า วันไหนที่คุณต้องใช้
แต่คุณต้องรู้ว่า มันสำคัญกับคุณ
คุณจะมีเงินมีทอง ซื้อประกันเอง
นั่นเป็นเรื่องดี นั่นเป็นประกันหนึ่งชั้นให้ตัวคุณเอง
.
แต่นี่คือ ประกันอีกชั้น
ที่ผมในฐานะประชาชน
เห็นว่า ผมก็มีสิทธิพิทักษ์รักษาไว้
ให้กับผมเอง ให้กับคุณ ให้กับทุกคน

สรุป ..

สิ่งที่ผมในฐานะประชาชนจะทำ
เมื่อรู้ว่า งบประมาณสำหรับโครงการนี้มีไม่พอ
ก็คือ จะยืนขึ้นบอกรัฐบาลว่า 
.
ผมรู้ว่า ผมมีหน้าที่ต้องดูแลตัวเอง
ผมก็จะพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดี 
และจะช่วยตัวเองเท่าที่ สภาพตัวเอง
เงื่อนไขชีวิต ของตัวเองจะทำได้
.
แต่หน้าที่ดูแลประชาชนก็ยังเป็นของท่าน
เงินท่านไม่พอเหรอ เก็บภาษีผมเพิ่มขึ้นสิ
ผมยินดีจะจ่ายเงินเพิ่ม 
แต่ในข้อแม้ที่ต้องเป็นการจ่ายที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการใช้จ่ายในนโยบายนี้นะ 
ไม่ใช่สำหรับ ....
ไม่ใช่สำหรับ ....
ไม่ใช่สำหรับ ....

ด้วยความเคารพครับ"


 
#บัตรเดียวทำประเทศถังแตกยาวมากขอบคุณล่วงหน้าที่อ่านจบ วันสองวันนี้มีข่าวจาก รมต. สาธารณสุขกล่าวเกี่ยวกับโครงการบัตรท...

Posted by เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล on 25 ธันวาคม 2015

 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1381

แสดงความคิดเห็น โดย ตนข่าว IP: Hide ip , วันที่ 26 ธ.ค. 58 เวลา 11:58:19
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี