ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันนี้ แอดมิน นำเรื่องราว เรื่องราวหนึ่งของ คนเล็กๆ ที่ชื่อว่า ลุงพันธุ์ ,ลุงพันธุ์ ยามพิพิธภัณฑ์ลำพูน ที่กำลังเกษียณอายุ เมื่อวานที่ผ่านมา(28ก.ย.61) ดร.เพ็ญ (หน.พิพิธภัณฑ์ จ.ลำพูน ระหว่าง 2543-53) ได้ โพสต์ชื่นชม และ ยกย่อง ลุงพนธุ์ ว่าเป็นคนที่มีความรู้มากๆมาย .. ลองมาอ่านบทความของ ดร.เพ็ญ กันครับ ... สุดยอดจริงๆ แอดมิน โดนใจ โดยเฉพาะคำว่า "ตอนก่อนเกษียณด่านินทาลับหลังกันเกือบตาย พอวันสุดท้ายมาทำตีหน้าซื่อถือช่อดอกไม้ตามมารยาท"
บทความโดย Pensupa Sukkata
วันนี้ใครๆ ก็จัดงานเลี้ยงมุทิตาจิตแด่ผู้เกษียณอายุ ส่วนใหญ่มักเชิดชูความดีงามของผู้บริหารระดับสูง อาทิ อธิบดี ผอ. อธิการบดี คณบดี หรือซี 7 ซี 8 ซี 9 ก็ว่ากันไป ทั้งๆ ที่ตอนก่อนเกษียณด่านินทาลับหลังกันเกือบตาย พอวันสุดท้ายมาทำตีหน้าซื่อถือช่อดอกไม้ตามมารยาท
สำหรับดิฉัน วันนี้ขอสดุดีวีรกรรม ของลุงยามพิพิธภัณฑ์ลำพูนคนหนึ่ง ชื่อ "ประพันธุ์ สุจินนา" (หมายเหตุไม่ได้สะกดผิด ประพันธ์ ที่แปลว่าการเขียน โดยปกติควรไม่มีสระอุ แต่นี่คือชื่อเฉพาะของเขา)
"คุณประพันธุ์" (เป็นคำที่ดิฉันใช้เรียกแกมากกว่าที่จะเรียกว่า "ลุงพันธุ์" เหมือนคนอื่นๆ เรียก เพราะรู้สึกว่าเรียกแบบนี้ทำให้แกดูพอใจกว่า ดูหล่อกว่าเรียกลุงว่างั้นเถอะ) เขาเกิดเดือนพฤศจิกายนเหมือนดิฉัน ทำให้ได้เวลาราชการเพิ่มมาแล้วอีกปี (แต่ดิฉันเกิดหลังแก 7 ปีนะคะ ทว่าเออร์ลี่ไปก่อนหน้าแล้วตั้งแต่ 8 ปีที่ผ่านมา)
การระบุว่าแกเกิดเดือนพฤศจิกายน ก็เพราะอยากจะย้ำ "ธาตุ" หรือ "จริตนิสสัย" ของคนเกิดราศีนี้ว่า ช่างถูกโฉลกกับงานโบราณคดีดีแท้ ชอบคิดชอบค้นคว้า เรื่องลึกลับ ซับซ้อนซ่อนเงื่อน (ดูนักโบราณคดีชื่อดังของสยามสองท่าน คือ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล และอาจารย์ น. ณ ปากน้ำ ล้วนเกิดราศีพิจิกเช่นเดียวกัน)
คุณประพันธุ์ มีตำแหน่งเป็นยาม ทำหน้าที่เฝ้าประจำที่ป้อมหน้าประตูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าผลัดละ 8 ชั่วโมง มียามสลับสับเปลี่ยนกันวันละ 3 ผลัด แต่เราจ้างยาม 4 คน ดังนั้นบางครั้งยามคนหนึ่งๆ ต้องเจอเวรกลางวัน บางครั้งเจอเวรกลางคืน และบางครั้งก็ออกเวรพัก 8 ชั่วโมง
ยามส่วนมากเมื่อเจอเวรรอบดึก (เที่ยงคืนถึงแปดโมงเช้า) มักเกี่ยงงอนแลกเวรกัน เพราะกลัวผี คือพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นเรือนจำเก่า มีลานประหารนักโทษ มีวิญญาณผู้เสียชีวิตหลายร้อยหลายพันคนที่ยังถูกกุมขังอยู่ ตอนดึกๆ มักมีคนเห็นเพชฌฆาตถือดาบแกว่งไกวไปมา หรือไม่ก็เสียงร้องโหยหวน
สมัยดิฉันกินนอนในมิวเซียมที่นั่น (เป็น หน.พิพิธภัณฑ์ระหว่าง 2543-53) ดิฉันมักทำงานจนตีสองทุกคืน เพราะลำพังงานประจำก็มากอยู่แล้ว ยังแถมทำตัวบูรณาการชอบช่วยเหลือเกื้อกูลงานชาวบ้านอีกด้วย จึงต้องนั่งเคลียร์งานจนถึงตีสองทุกคืน ทำให้ทุกครั้งที่ยามผ่านออฟฟิศ เมื่อเห็นดิฉันยังนั่งทำงานจนดึกดื่น จะรู้สึกใจชื้น (ประมาณว่าหายกลัวผีเลย) เพราะมีเพื่อนอยู่ด้วยกัน
คุณประพันธ์ุเป็นคนซอกแซก รู้มาก ช่างจดช่างจำ ช่างอ่านช่างท่อง ความรอบรู้ของเขามากเกินกว่าจะทำหน้าที่ยาม เขารู้ว่าพระพิมพ์ลำพูนทรงอะไร แตกมาจากกรุไหน เมื่อ พ.ศ.อะไร เขารู้ประวัติปูมหลังของเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ว่าใครเป็นลูกศิษย์ครูบารูปไหน เขารู้เรื่องตำนานพื้นบ้านมุขปาฐะ เขาสนใจประวัติศาสตร์โบราณคดีมากเกินกว่าชาวลำพูนทั่วไปเลยทีเดียว
เขาทำหน้าที่ได้ทุกอย่าง ตอนที่ดิฉันซื้อรถรางใหม่ๆ (คันเหลือง ปัจจุบันยกให้เทศบาลเมืองลำพูน เดิมบริหารจัดการโดยพิพิธภัณฑ์) ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่บรรยายนำชมได้เลย กว่าจะฝึกมัคคุเทศก์อาสาได้ เราต้องอาศัยคุณประพันธุ์ ทั้งๆ ที่เป็นยามนี่แหละทำหน้าที่บรรยายนำชมรถราง
คุณประพันธู์ ไม่ได้ทำหน้าที่สักแต่ว่าแค่เฝ้าป้อมยามกินเงินเดือนไปวันๆ แต่เขามีน้ำใจเอื้ออาทรต่อนักท่องเที่ยว เช่น ไม่รังเกียจที่จะให้คนเข้ามากลับรถด้านใน สิ่งที่ดิฉันประทับใจคือ เหตุการณ์หนึ่ง เวลากว่าห้าโมงแล้ว พิพิธภัณฑ์ปิดแล้ว แต่รถสี่ล้อสีฟ้าจากเชียงใหม่เพิ่งมาถึงลำพูน มีนักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ 4 คน ตาลีตาเหลือกวิ่งมาขอความเห็นใจ อยากเข้าชมพิพิธภัณฑ์มาก พวกเขาอุตส่าห์เดินทางไกล นึกไม่ถึงว่ารถฟ้าจะขับช้าได้ใจปานนั้น (ถนนต้นยางแคบและแซงไม่ได้)
คุณประพันธุ์มาขออนุญาตดิฉันเปิดห้องจัดแสดงเพื่อบริการนักท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ นี่! คุณประพันธุ์ ไม่ต้องเลยนะ ไม่ต้องมาตีหน้าเจี๋ยมเจี้ยม คุณก็รู้จักนิสัยของดิฉันดีอยู่แล้ว ว่านิสัยพอๆ กับคุณนั่นแหละ คือเข้าใจหัวอกนักท่องเที่ยว เราไม่เคยทำตัวเป็นไม้บรรทัด มองนาฬิกาให้นักท่องเที่ยวต้องอับอาย เราสามารถยืดหยุ่นได้เสมอ ตรงข้าม เมื่อนึกถึงยามบางคน ยังไม่ทันสี่โมงครึ่ง ดิฉันเห็นเขาบอกนักท่องเที่ยวว่าพิพิธภัณฑ์ปิดแล้ว (ประมาณว่าขี้เกียจรอจนกว่าเขาจะชมเสร็จ พูดง่ายๆ ก็คือแล้งน้ำใจ)
ดิฉันชอบลงพื้นที่สำรวจแหล่งโบราณสถาน โดยให้เกียรติคุณประพันธุ์ร่างเส้นทางเสมอ เพื่อ นำทางพาดิฉันไปสำรวจกู่ต่างๆ
เราห่อข้าวไปกินด้วยกันกลางป่า ริมน้ำ กลางทุ่งนา กลางซากปรักหักพัง ไม่เว้นแต่ละวัน เสียดายที่ดิฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านบ่อสร้าง ไม่งั้นจะเอาลายมือคุณประพันธุ์ที่พล็อตจุดวัดร้างกู่เก่าตามลำน้ำกวง น้ำทา หลายแผ่นมาโชว์ ดิฉันไม่เคยทิ้งกระดาษที่มีลายมือของคุณเลยนะบอกให้
ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ ดิฉันเห็นแววตาแห่งความสุขของคุณประพันธุ์ ฉายโชนว่าเขามีความภาคภูมิใจในชีวิตที่ไม่เสียแรงได้ทำงานในรั้วกรมศิลปากร คือเขาไม่ได้มีศักยภาพเป็นแค่เป็น รปภ. วันๆ เดินตรวจตึกหาสิ่งผิดสังเกตเท่านั้น แต่เขามีคุณค่า เป็นถึงปราชญ์ชาวบ้าน เขาคือผู้ทรงภูมิ คือผู้ที่สามารถชี้ขุมทรัพย์มหาศาลทางโบราณคดี ให้แก่นักโบราณคดีได้
ดิฉันภูมิใจในตัวเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน ดิฉันก็มีความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา คบได้ ไว้ใจได้ วางใจได้ และจำได้เสมอว่าวันที่ดิฉันเออร์ลี่จากพิพิธภัณฑ์ เห็นเขาร้องห่มร้องไห้อาลัยหาดิฉัน
คงไม่ใช่ลูกน้องทุกคนหรอกที่มีอดีตหัวหน้าเช่นดิฉันนั่งอยู่ในหัวใจพวกเขา และดิฉันเองก็ไม่ได้จดจำยามหรือลูกน้องเก่าได้ดีหมดทุกคน
แต่คุณประพันธุ์เป็นคนพิเศษสำหรับดิฉัน ซึ่งเขาจักยังนั่งอยู่ในหัวใจดิฉันตลอดไป
.
หมายเหตุ ดิฉันไม่มีภาพเดี่ยวๆ ชัดๆ ของเขา แต่ช่างเถอะ ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องใบหน้ารูปร่างของเขาหรอกค่ะ จดจำแค่พฤติกรรมของเขาก็พอนะคะ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|