• โรคร้ายจาก PM 2.5 "โรคผิวหนัง เดินหายใจ เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด" |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 31 ม.ค. 62 เวลา 11:08:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ เผยฝุ่นละอองในอากาศเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นทั่วโลกและกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศไทย โดยพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5 ฝุ่นขนาดเล็กมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน) เกินค่ามาตรฐานทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑลและอีกหลายจังหวัด ฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากนี้นอกจากจะทำให้มีปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนังด้วยเช่นกัน
นอกจากฝุ่นขนาดจิ๋วเหล่านี้จะสามารถเข้าสู่กระแสเลือดผ่านการหายใจจนเพิ่มโอกาสการเป็นโรคหัวใจ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังกล่าวว่า PM 2.5 สามารถทำให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เช่น หืดหอบ มีอาการกำเริบ และในระยะยาวจะส่งผลให้ปอดทำงานถดถอย จนอาจก่อให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอด
ทว่าไม่ใช่เพียงผลกระทบที่มีต่อสุขภาวะของประชาชนเท่านั้น แต่งานวิจัยจากต่างประเทศหลายชิ้นและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยพบว่า ฝุ่นละออง PM 2.5 ยังสามารถแทรกผ่านผิวหนังแล้วเข้าไปทำร้ายเซลล์ผิวและความงามบนในหน้าได้อีกด้วย
4 โรคร้ายจาก PM 2.5
1. โรคระบบทางเดินหายใจ PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (ถ้าเทียบให้เห็นภาพคือเล็กกว่าขนาดเม็ดน้ำตาลทราย 1,000 เท่า) และมีค่าความเข้มข้นสูงเกิน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จึงสามารถเข้าไปถึงถุงลมปอด ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ระคายเคือง และเป็นโรคระบบทางเดินหายใจได้
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด การสูดฝุ่นแบบนี้เข้าไปทำให้เลือดข้นได้ และทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
3. โรคผิวหนัง ด้วยอนุภาคของละอองฝุ่น PM 2.5 ที่เล็กมากๆ มักเป็นสารประกอบพวกคาร์บอนที่มีคุณสมบัติละลายได้ดีในน้ำมัน จึงสามารถผ่านเข้าไปยังเซลล์ผิวหนังได้ ทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ผิวในระดับยีน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรค ผิวหนังอักเสบ และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
4. โรคเยื่อบุตาอักเสบ หรืออาการตาแดง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือมลพิษในอากาศ เช่น ฝุ่นควันจาก PM 2.5 เมื่อฝุ่นละอองเข้าสู่เยื่อบุตาจนเกิดการอักเสบ ดาแดง แสบตา คันตา ถ้าไม่รุนแรงมาก อาการจะหายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่การพบแพทย์เพื่อใช้ยาก็จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1156 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 31 ม.ค. 62
เวลา 11:08:01
|