ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กับดักทางการเงินที่พบว่ามีผู้พลัดตกลงไปเป็นประจำ คือการละเลยการวางแผนการเงิน หรือบางคนวางแผนการเงินแล้วแต่ไม่อดทนกับการเดินตามแผน อีกไม่น้อยที่ไม่จัดงบการเงิน ที่น่าห่วงที่สุดคือไม่มีเงินกองทุนฉุกเฉินของตัวเอง
แย่ยิ่งกว่านั้นคือพวกที่ใช้บัตรเครดิตเป็นแหล่งหมุนเงิน หรือบางคนก็หลงไปติดกับเงินกู้เงินปลอดดอกเบี้ย แต่ที่ดูเป็นกับดักของคนหมู่มากในทุกวันนี้คือการที่ใช้ก่อนออมทีหลัง บางคนทำท่าจะไปได้สวย ออมอย่างดิบดีแต่กลับถอนเงินเพื่อเกษียณมาใช้ก่อน
หากมองในแง่ของการลงทุน ก็จะพบว่ามีกับดักมากมายที่ทุกคนติดอยู่ เช่นที่คนส่วนมากเป็นคือ ไม่กระจายการลงทุน และอีกไม่น้อยที่ไม่ใส่ใจค่าธรรมเนียมการลงทุน หรือบางคนก็รับความเสี่ยงมากหรือน้อยเกินไป จนไม่เหมาะกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ และที่เห็นบ่อยครั้งคือ ปล่อยให้สถานการณ์รายวันกระทบการตัดสินใจลงทุนระยะยาว ขณะเดียวกัน ยังพบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช้ประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุน
ยังมีหลุมพรางทางการเงินอีกหลายอย่าง เช่น ไม่หมั่นตรวจสอบเครดิตทางการเงินของตัวเอง หรือบางคนชอบทำธุรกรรมการเงินมากเกินไปจนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมมากโดยไม่รู้ตัว
จากการสำรวจความเห็นของบรรดาคนในแวดวงการเงิน ก็พบว่า ล้วนแต่เคยมีประสบการณ์การติดกับดักการเงินมาบ้างแล้วทั้งสิ้น ใครติดกับดักอะไร หรือตกหลุมพรางไหน ตามไปดูพร้อมๆ กัน แต่พบว่าไม่มีใครยอมให้ตัวเองจมอยู่ในกับดักนั้นตลอดไป
"อัจฉรา" ใช้ก่อนออมทีหลัง
"อัจฉรา โยมสินธ์"อาจารย์ภาควิชาการเงิน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง"ธรรมะพารวย"บอกว่าเธอเองก็เคยตกมาหลายหลุม ตั้งแต่ละเลยการวางแผนการเงิน ไม่ทำงบการเงิน ใช้ก่อนออมทีหลัง ไม่กระจายการลงทุน ไม่ใส่ใจค่าธรรมเนียมการลงทุน ไม่สนใจความเสี่ยง รวมทั้งไม่ใช้ประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุน
"สมัยที่เพิ่งเรียนจบ และเริ่มทำงานใหม่ๆ จะใช้เงินแบบไม่วางแผนเพราะคิดว่าแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มีเงินเข้าบัญชีแล้ว เลยไม่ค่อยกังวลว่าจะไม่มีสตางค์ใช้ อยากใช้อะไร อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ไม่คิดมาก ใช้ชีวิตสนุกสนานไปเรื่อยเปื่อย สะสมข้าวของไร้สาระเต็มไปหมด เงินไม่พอก็ขอที่บ้านเพิ่ม ช่วงนั้นเลยมีเงินเก็บน้อยมาก ซึ่งก็เป็นเงินเหลือจากการใช้จ่าย โดยเงินออมทั้งหมดก็จะฝากธนาคารไว้แบบไม่ใส่ใจ จำได้ว่าตอนนั้นดอกเบี้ยเงินฝาก 10% กว่าเราก็แฮปปี้แล้ว"
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เริ่มรู้ตัวว่าเรากำลังตกหลุมพรางหรือติดกับดักทางการเงินอยู่ก็คือ ตอนที่ได้เลือกเรียนวิชา Personal Financial Planning หรือการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ช่วงที่เรียน MBA ที่สหรัฐอเมริกา ตอนแรกก็งงว่ามีวิชาแบบนี้ด้วยหรือ แล้วอาจารย์ท่านจะสอนอะไรเราบ้าง มีข้อสงสัยเต็มหัวไปหมด เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะต้องเรียนกันเป็นเทอมๆ พอได้เรียนไปเรื่อยๆ ก็อึ้งว่าฝรั่งนั้นคิดเรื่องเงินๆ ทองๆ กันละเอียด รอบคอบและวางแผนล่วงหน้ากันยาวนานตลอดช่วงชีวิตเลย รวมทั้งยังได้รู้ ได้เข้าใจว่าทางเลือกสำหรับการออมการลงทุนมีเยอะแยะมากมาย เลยกลายเป็นเรื่องท้าทายมากที่เราจะต้องหาทางเลือกที่พอเหมาะพอดีกับตัวเราให้เจอ
จากนั้นก็เลยเริ่มจัดการตัวเอง ช่วงแรกจะรู้สึกยุ่งยาก ก็ทำบ้าง ลืมบ้าง พออายุมากขึ้น ระบบเริ่มลงตัวมากขึ้น จึงได้บทเรียนสำคัญว่าการทำความรู้จักกับตัวเองผ่านการวางแผนทางการเงิน ทำให้ต้องคิดไกลๆ คิดยาวๆ และยังช่วยให้เรามีพลังที่จะทำงานทุกวัน เพราะเรามีเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึงเพื่อตัวเราเองในอนาคต เป้าหมายง่ายๆ ในใจตอนนี้ก็คือ เราต้องสบายวันนี้ เพื่อที่จะสบายวันหน้า
"เด็กๆ สมัยนี้โชคดีเพราะหลายหน่วยงานเห็นความสำคัญของการให้ความรู้ทางการเงินส่วนบุคคล รวมทั้งทางเลือกในการลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสะดวกสบายในการวางแผนการเงินในปัจจุบันจึงพร้อมเสิร์ฟทุกที่ทุกเวลา ใครอยากสบายทั้งในวันนี้และวันข้างหน้าก็ต้องรีบเช็คว่าเราตกหลุมพรางทางการเงินอยู่หรือเปล่า แล้วคงต้องรีบหาทางออกจากหลุมพรางเหล่านั้นให้เร็วที่สุด"
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|