• ทริปของดี ททท เส้นทางภาคเหนือ เชียงใหม่ ลี้ ลำพูน |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 01 ก.ย. 53 เวลา 11:56:17 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ทริปของดี ททท เส้นทางภาคเหนือ เชียงใหม่ – ลี้ – ลำพูน
กลับมาอีกครั้งแล้วกับการช่วยกันกอดเมืองไทยด้วยการออกท่องเที่ยวทั่วไทย คราวนี้เราขึ้นเหนือแอ่ว เชียงใหม่ – ลี้ – ลำพูน เพื่อย้อนรอย 50 ปี ของดี ททท โดยมีอ.คฑา ชินบัญชรนักพยากรณ์ไพ่ยิปซีชื่อดังของเมืองไทยและพรีเซ็นเตอร์คนเก่งของโครงการ “เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล” ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้นำคณะของเราย้อนรอยกัน เราขึ้นเหนือครั้งนี้ด้วยสายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” ซึ่งอาหารและบริการน่าประทับใจเช่นเคย และจุดหมายของเราคือท่าอากาศยานเชียงใหม่
โดยไม่รีรอเราออกจากสนามบินเชียงใหม่เคลื่อนขบวนไปจังหวัดลำพูนกันก่อน เราแวะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวีเพื่อบวงสรวงพระนางผู้ซึ่งเราเชื่อกันว่าเป็นปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชยแห่ง นี้ โดยมีน้องๆ จากโรงเรียนริมปิงทำการแสดงกลองสะบัดชัยเอกลักษณ์ของถิ่นล้านนา และการฟ้อนยองที่มีลักษณะท่าทางอ่อนช้อยของชนเผ่ายองชนพื้นเมืองของลำพูน ซึ่งอพยพมาจากทางพม่า ถึงแม้ฝนจะโปรยปรายบ้างก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแสดงแต่อย่างใด
จากนั้นเราแวะกันที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา ของสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วน สำหรับช่วยเหลือเด็กหญิงที่ยากไร้ในด้านการศึกษา อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเป็นโสเภณีเด็กอีกด้วย โดยเราได้มอบเงินจำนวนหนึ่งและสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ทางน้องนักเรียน และทางโรงเรียนเพื่อประโยชน์ต่างๆ และน้องๆ เองก็ได้ต้อนรับเราด้วยขนมอบที่ทำกันเองอร่อยใช้ได้เลย หากเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวลำพูนก็สามารถแวะช่วยเหลือสนับสนุนทางโรงเรียนได้เลย
ขึ้นเหนือทั้งทีอาหารกลางวันมื้อแรกของทริปจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ข้าวซอย”เรา ได้ลิ้มลองกันที่ร้านบ้านข้าวซอยลำไยลำพูน ซึ่งเป็นร้านต้นตำรับที่ริเริ่มใช้ลำไยอบแห้งปรุงรสในอาหารคาว ข้าวซวยลำไยที่นี่มีทั้ง ไก่ เนื้อ ปลา หมู เข้มข้นทุกชามพลาดไม่ได้เลยทีเดียว
อิ่มท้องแล้วเราออกเดินทัพต่อไปยังวัดสันป่ายางหลวง วัดแห่งแรกในพุทธศาสนาของแคว้นล้านนา ท่านเจ้าอาวาสวัดได้สละเวลามาเล่าประวัติวัดพร้อมทั้งให้พรและพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลภายในพระวิหารพระเขียวโขง วิหารแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่ละเอียดละออและคำนึงถึงหลักทางพระพุทธศาสนา ด้วย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนชั้นหลังคาหรือช่อฟ้าก็สื่อให้รับรู้ได้ถึงหลักธรรมะ ต่างๆ
ซึ่งภายในวิหารนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย (พระเขียวโขง) แกะสลักจากหินแม่น้ำโขง มีสีเขียวอมสีดำเนื้อละเอียด เป็นที่เคารพสักการะบูชาของคนลำพูนเป็นอย่างมาก บริเวณวัดก็ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอีกมากมาย อาทิ พระธาตุ ระฆังหลวง มณฑป พระพุทธรูปหินหยกขาว พระวิหารพระนิลสมุทร รวมถึงพระเครื่องสกุลหริภุญชัยที่หาได้ยากอีกด้วย
จากนั้นเรากลับเข้าตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แวะเยือนวัดศรีดอนมูลหรือวัดครูบาน้อยก่อนเข้าตัวเมือง ท่านเจ้าอาวาสของวัดนี้คือ ครูบาน้อย เตชปญฺโญหรือพระครูสิริศีลสังวรซึ่ง นับเป็นโอกาสดีของคณะเราที่เข้าเยี่ยมชมวัดได้จังหวะที่ท่านเจ้าอาวาสออกมา ทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาให้พอดี ถือเป็นการเสริมมงคลชีวิต เสริมบารมี อิ่มอกอิ่มใจกันถ้วนหน้า
ทริปนี้เราพักกันที่โรงแรมเซ็นทารา ดวงตะวัน เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว การเดินทางจึงสะดวกสบาย แถมไนท์บาซาร์ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวโรงแรม สามารถชอปปิ้งได้อย่างง่ายดาย ช่วงเช้าก็สามารถเพิ่มพลังก่อนออกเดินทางด้วยบุฟเฟ่ห์อาหารเช้าของทางโรงแรมที่มีหลากหลายให้เลือกสรร
วันที่สองของการเดินทางเรามุ่งตรงตะลุยเมืองลี้ จังหวัดลำพูนกันต่อ สถานที่แรกเราแวะไปเยี่ยมชม วัดบ้านปางเป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอลี้ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยครูบาศรีวิชัย (ครูบาศีลธรรม) ซึ่งท่านได้นำพระเณรและชาวบ้านที่ศรัทธาร่วมกันสร้างวัดขึ้น
ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ถือปฏิบัติที่ เคร่งตั้งแต่เป็นสามเณร เป็นผู้มักน้อย ถือสันโดษ เว้นอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ตลอดจนหมาก เมี่ยง บุหรี่ ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจึงเชื่อว่าท่านเป็นภิกษุผู้บริสุทธิ์ หากถวายทานด้วยผู้ถวายจะได้รับอานิสงค์มาก ณ วัดแห่งนี้เราได้พบเห็นปรากฎการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลด กันอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งเมื่อทริปครั้งที่แล้วเราก็ได้เห็นปรากฎการณ์เช่นนี้กัน ณ ปราสาทสัจธรรม ที่จังหวัดชลบุรี เป็นการเริ่มต้นที่เป็นมงคลของทริปลำพูนวันที่สองนี้จริงๆ ภายในวัดมีสถานที่สำคัญเกี่ยวกับครูบาเจ้าศรีวิชัยมากมายให้เราได้ศึกษา เช่น อนุสาวรีย์ครูบาเจ้า องค์พระธาตุ กุฏิไม้และพิพิธภัณฑ์ครูบาเจ้าศรีวิชัย
แล้วเราก็เดินทางต่อไปเพื่อสักการะ “พระพุทธบาท”ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ณ ชุมชนบ้านห้วยต้มชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนปากะยอหรือชนเผ่ากะเหรี่ยง โดยในครั้งนี้เรามีมัคคุเทศก์ตัวน้อย จากโรงเรียนบ้านห้วยต้มแต่ง ชุดประจำเผ่ามาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ต้อนรับการมาเยือนของเหล่าคณะสื่อมวลชนเพื่อเล่าขานความเป็นมาของชุมชนและ สถานที่ต่างๆ ภายในวัด พร้อมทั้งยังมีการแสดงพื้นบ้านให้เราได้ชมกันอีกด้วย
และน้องๆ มัคคุเทศก์ตัวน้อยเหล่านี้ก็ปั่นจักรยานตามไปเป็นไกด์นำบรรยายเยี่ยมชมกันต่อที่พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยนี้มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า
สร้างโดยหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เพื่อเป็นพุทธเจดีย์ของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ อันจะเป็นเจดีย์แห่งภัทรกัปให้คนไทยได้กราบไหว้เป็นแห่งแรกของประเทศไทย
ภายในพระมหาเจดีย์ได้บรรจุพระพุทธรูปจำนวน 84,000 องค์ ทั้งเจดีย์เป็นสีทองเหลืองอร่ามดูงดงามและตระการตายิ่งนัก ชาวบ้านแถบนี้นิยมมาเวียนเทียนกันทุกวันพระที่นี่ และใครที่ไม่มีโอกาสไปกราบไหว้พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองที่ประเทศพม่า หากได้มากราบไหว้พระเจดีย์ที่นี่ก็มีอานิสงค์มากเช่นกัน
หลังจากเข้าวัดแล้วก็แวะมาพักเข้าป่ากันบ้าง โดยเราเดินทางไปอุทยานแห่งชาติแม่ปิงซึ่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติไว้ได้เป็น อย่างดี สถานที่ท่องเที่ยวก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาปแม่ปิง ทุ่งกิ๊ก น้ำตกก้อ
อีกทั้งในตัวอุทยานก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวหลายอย่าง เช่น ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าสวัสดิการ สถานที่กางเต็นท์ และทางอุทยานยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย เมื่อเรามาถึงป่ากันทั้งทีก็ต้องช่วยกันทำความดีคืนธรรมชาติให้แก่ธรรมชาติ กันหน่อย โดยร่วมกันปลูกป่าในบริเวณที่ทางอุทยานจัดให้ เป็นกิจกรรมเล็กๆ แต่ได้ผลอันยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า ภาคภูมิใจกันไปตามระเบียบ
ช่วงเย็นๆ เราแวะ วัดพระธาตุดวงเดียว (เวียงเจดีย์) เป็นวัดขนาดเล็กซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองลี้มากนัก สิ่งปลูกสร้างในวัดรวมทั้งองค์พระธาตุสร้างขึ้นมาภายหลังมีอายุไม่เกิน 80 ปี และเราก็ได้เข้าร่วมพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ต่อชะตากันอีกครั้ง เคราะห์หายเกลี้ยงกันเลยทีเดียว
จากนั้นก็ย้ายไปที่ วัดพระธาตุห้าดวง (เวียงเจดีย์ห้าหลัง) ซึ่งอยู่ถัดจากวัดพระธาตุดวงเดียวเพียงแค่อึดใจเดียว วัดนี้เป็นที่ตั้งของเจดีย์ห้าองค์ ตามตำนานที่ว่ามีดวงแก้วห้าดวง ลอยอยู่บนกองดินห้ากอง ปรากฎให้เห็นบ่อยครั้ง
โดยพระนางจามเทวีได้ทอดพระเนตรและทราบว่าสิ่งที่ปรากฎคือ พระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ)ของ พระพุทธเจ้าที่เคยใช้ล้างพระหัตถ์ และน้ำได้ไหลผ่านปลายนิ้วทั้งห้าลงพื้นดิน พระนางจึงได้เกิดศรัทธาสร้างพระธาตุครอบกองดินทั้งห้ากองไว้ ที่นี่เราได้มีโอกาสรับประทานอาหารเย็นในบรรยากาศกาดหมั้วครัวแลง คละเคล้าเสียงโฟล์คซองคำเมืองและชมโชว์พื้นบ้านของน้องๆ ที่เมืองลี้แห่งนี้
เช้าวันสุดท้ายของทริปเราแวะสักการะและร่วมกันสวดมนต์ไหว้พระ ณ วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของแผ่นดินล้านนา มีบริเวณกว้างขวางถึง 35 ไร่ด้วยกัน เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าเก้าตื้อซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่อง ว่างดงามที่สุดในล้านนา หล่อด้วยทองสำริดโดยฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัย ส่วนพระนามของพระพุทธรูปมาจากน้ำหนักทองที่ใช้สร้างคือทองหนักเก้าตื้อหรือ 9,000 กิโลกรัม
ภายในอุโบสถแห่งนี้จะสังเกตเห็นว่าประชาชนจะนิยมมานั่งสมาธิกันอยู่เป็น เนื่องๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ นอกจากนี้ในบริเวณวัดสวนดอกยังมีศาสนวัตถุที่สำคัญ อาทิ พระบรมธาตุเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สถูปบรรจุอัฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา รวมถึงสุสานราชตระกูล ณ เชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ข้างองค์พระเจดีย์
และแล้วก็ถึงเวลาลาเมืองเหนือกลับสู่เมืองหลวง เราบินตรงกลับกรุงเทพด้วยสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ เจ้าเก่า กลับไปพร้อมกับความอิ่มเอิบใจกับการได้สัมผัสวัฒนธรรม ประเพญี และความเชื่อต่างๆ ของเมืองเชียงใหม่ – ลี้ – ลำพูน สำหรับปลายฝนต้นหนาวนี้อย่าลืมช่วยกันออกไปกอดเมืองไทยกับถิ่นลี้แต่ไม่ลับ กันนะค่ะ
ที่มา mthai.com
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 12107 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 01 ก.ย. 53
เวลา 11:56:17
|