| • โคตรเอือมส.ส.เพื่อขะแมร์ รักฮุนเซนยิ่งกว่าชาติไทย |
|
โพสต์โดย sala , วันที่ 18 ธ.ค. 52 เวลา 10:56:43 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
| เขมรทำมึนไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในไทย ชี้จะฟื้นสัมพันธ์ต้องส่งทูตมาประจำก่อน ปชป.เรียงหน้าฉะ”ฮุนเซน” ชี้หากไม่ลดราวาศอก ไม่แก้ที่ต้นตอก็อยู่กันไปอย่างนี้ ซัดซ้ำหูเบาฟังบางคนจนปัญหาบานปลาย ไร้มารยาททางการทูต ละเมิดกฎบัตรอาเซียนแทรกแซงกิจการประเทศสมาชิก ประณามเพื่อไทยสุมหัวรัฐบาลกัมพูชาโจมตีชาติตัวเอง ปกป้องฮุนเซนมากกว่าปกป้องชาติไทย |
ภายหลังรัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้ทางการกัมพูชายกเลิกการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งยุติการแทรกแซงการเมืองและกระบวนการยุติธรรมของไทย ล่าสุดนายกอย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เป็นเรื่องไร้สาระ และทางกัมพูชา จะไม่มีทางขออภัย หรือตอบสนองต่อข้อเสนอของรัฐบาลไทย เพราะข้อเสนอดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะกับที่มีการกล่าวอ้างว่ากัมพูชาเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย
พร้อมกับย้ำว่า กัมพูชาพร้อมฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต หากฝ่ายไทยยินยอมส่งเอกอัครราชทูตไทยกลับมาประจำกัมพูชาก่อน ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาพร้อมส่งเอกอัครราชทูตกลับมาประจำประเทศไทยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่าสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวว่า สถานะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะไม่เป็นไปตามปกติจนกว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันจะพ้นจากอำนาจ และกำลังรอรัฐบาลไทยชุดใหม่ก้าวขึ้นสู่อำนาจ เพื่อที่จะได้ส่งทูตไทยกลับมาอยู่ในกรุงพนมเปญ
ทั้งนี้สมเด็จฮุนเซน ได้ฝากไปถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ที่ยกเอาแต่เรื่องเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาพูด แต่กลับลืมประเด็นปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะไม่ปกติตราบใดที่ "คุณยังรุกรานผม"
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาระบุหากจะฟื้นความสัมพันธ์คงต้องรอรัฐบาลใหม่ ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คงไม่ตอบโต้อะไรกับสมเด็จฮุนเซนก็ต้องอดทน เพราะขณะนี้ความสัมพันธ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว และการที่เขาพูดวิพากษ์วิจารณ์อยู่ภายนอก ว่าไม่ชอบก็ทำให้เขาเสียหายไปเอง
ส่วนรัฐบาลไทยจะยังยึดเงื่อนไขสามข้อในการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา อีกหรือไม่นั้น สาเหตุเริ่มมาอย่างนั้น เราต้องเรียกทูตกลับและทบทวนเอ็มโอยู เพราะสาเหตุมาจากเรื่องนั้นก็ต้องไปแก้ก่อน โดยรัฐบาลมีแนวคิดพร้อมที่จะส่งทูตกลับถ้าทุกอย่างได้รับการคลี่คลาย ตั้งแต่ต้น แต่ขณะนี้ชัดเจนว่า หากสมเด็จฮุนเซนไม่ลดราวาศอกก็ทำยาก ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไข เราก็สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็อยู่อย่างนี้ไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีข่าวว่าทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยพร้อมจะส่งเลขานุการเอกกลับไปประจำสถานทูตประจำกรุงพนมเปญ ถ้าทางกัมพูชาได้แก้ปัญหาปมขัดแย้งอันเนื่องมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว
สำหรับการดำเนินการกับบุคคลที่หนีคดีจากประเทศไทย เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข ไปอยู่ในกัมพูชา ถ้าเราเห็นหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินการส่งเรื่องขอตัวอย่างแน่นอน
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส. ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาข้อพิพาทไทยกับกัมพูชา ในขณะนี้ เป็นเพราะผู้นำรัฐบาลกัมพูชา ไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ ซึ่งเกิดจากบุคคลมิใช่ส่วนรวมตามที่เข้าใจ ไทยไม่ใช่ศัตรูของกัมพูชา ที่มีบางคนพยายามจะโยงถึงปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
หากทั้ง 2 ประเทศร่วมกันพัฒนา และมีความเข้าใจตรงกันกับพื้นที่พิพาทเกาะกูด ซึ่งใต้ดินมีพลังงานก๊าซจำนวนมหาศาล ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นก็สามารถนำพลังงานเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้ร่วมกัน โดยกัมพูชาจะมีรายได้ในส่วนตรงนี้ไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ขณะนี้ผู้นำรัฐบาลกัมพูชา หลงเชื่อบางคนทำให้เกิดปัญหาบานปลาย เพราะฉะนั้นการทูตจะต้องนำหน้าเสมอ โดยหันมามองความจริงกันมิใช่จ้องจะเอาชนะคัดคานซึ่งกันและกัน เร็วๆ นี้ จะมีการประชุมอาเซียนที่จะมีขึ้นที่ประเทศเวียดนาม หากกัมพูชากับไทยสามารถร่วมกันทำการค้าเสรีได้ก็จะเพิ่มศักยภาพให้กับทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งไทยสามารถช่วยเหลือกัมพูชา พัฒนา ด้านคมนาคม และสาธารณสุข ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“จึงขอฝากให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ยังยืนยันเสมอว่าไทยยังเป็นมิตรกับกัมพูชา”
นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราพยายามใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเพื่อนบ้านและไม่เคยมีปัญหากับประเทศใดเลย เพิ่งจะมามีปัญหากับรัฐบาลกัมพูชาหลังจากที่ได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา หรือที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน ทั้งที่รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษหลบหนีคดีอาญาแผ่นดิน ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินลงโทษแล้วเป็นเวลา 2 ปี แต่ยังให้ทำหน้าที่สำคัญของประเทศเขาอีก
การทำเช่นนี้เหมือนไม่ให้เกียรติและแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย ตนอยากถามว่าเราเคยรุกล้ำอธิปไตยเขาหรือไม่ เราไม่เคยทำ มีอะไรก็ให้ความช่วยเหลือ แต่เขากลับถือว่าไม่ทำ ขนาดประเทศอังกฤษที่เป็นแม่แบบของประเทศประชาธิปไตยของโลก เขายังไม่ปฏิบัติเช่นนี้เลย เราขอความร่วมมือไปกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศอังกฤษเป็นที่พำนักและต่อต้านรัฐบาลไทย เขาก็ให้ความร่วมมือด้วยดี แต่กัมพูชากลับทำสวนทางทุกอย่าง
“อยากถามว่าต่อไปคนที่ฆ่าคนตายมีคดีแล้วหนีไปอยู่กัมพูชากันหมด ก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมายใช่หรือไม่ ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วที่เขาทำกัน แล้วอย่างนี้ยังมีหน้ามาประกาศขอให้นายอภิสิทธิ์ ออกจากตำแหน่งหรือยุบสภา แล้วกัมพูชาจะฟื้นความสัมพันธ์กับไทย ซึ่งการที่กล้าพูดเช่นนี้เป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจน ว่าต้องการเป็นศัตรู เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และพยายามดิสเครดิตรัฐบาลไทยตลอดเวลา ทั้งที่ไทยไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ แต่ช่วยพัฒนามาตลอด ตั้งแต่สมัยที่เขมรแตกก็ช่วยเหลือด้านอาหาร ด้านมนุษยธรรม มาโดยตลอด”
นอกจากนี้อยากถามสมเด็จฮุนเซนว่าเจ็บแค้นนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลนี้มาแต่สมัยไหน หรือเพียงคิดแค่ผลประโยชน์บางอย่างที่จะได้รับ เมื่อดูแล้วปัญหาความสัมพันธ์ไทย - เขมร ก็ถูกสร้างขึ้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิด เช่นเดียวกับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดายแดนภาคใต้ ที่เริ่มก่อตัวตั้งแต่ปี 2544 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเองว่าเป็นแค่โจรกระจอกจัดการไม่กี่คนก็หมดปัญหา
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวของ ส.ส. พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชาโดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชาขับรถนำขบวนอำนวยความสะดวกให้ ส.ส. พรรคเพื่อไทยตลอดทาง ว่า แสดงให้เห็นว่า ส.ส. พรรคเพื่อไทยกำลังสมคบกับรัฐบาลกัมพูชาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาลไทย
ส่วนการที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศว่าจะคืนความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย หลังจากรัฐบาลชุดนี้ ผ่านไปแล้วนั้น ตนก็ไม่อยากวิจารณ์ท่าทีของสมเด็จฮุนเซนว่าผิดมารยาททางการทูตของผู้นำประเทศหรือไม่ เพราะกฎบัตรของประเทศกลุ่มอาเซียน ระบุชัดว่า กลุ่มประเทศสมาชิกจะไม่แทรกแซงกิจการภายในต่อกัน การที่รัฐบาลกัมพูชามีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลไทยโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย ให้คนที่ทำผิดกฎหมายไทยไปซ่องสุมกำลังในประเทศกัมพูชา
“ไม่ทราบว่าระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ ใครจะใช้ใครเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายประเทศไทยกันแน่ แต่ในที่สุดคนที่เสียหายมากที่สุดคือชาติไทยและคนไทย จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยทั้งชาติลุกขึ้นมาแสดงออกปกป้องชาติเพื่อให้คนพวกนี้เห็นว่า คุณเป็นคนไทย แต่กลับไปยืมมือคนต่างชาติมาทำลายล้างคนไทยด้วยกันเอง โดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ
และไม่เข้าใจว่าคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และส.ส.พรรคเพื่อไทย เหตุใดจึงออกมาปกป้องสมเด็จฮุนเซน ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยอย่างออกหน้าออกตา เมื่อสมเด็จฮุนเซนถูกตอบโต้จากคนไทย คนเหล่านี้กลับเป็นเดือดเป็นแค้นเจ็บแทนกว่าที่จะปกป้องชาติและประชาชนคนไทย”
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีการพยายามขยายความเรื่องการดักฟังของประเทศเขมรว่า เรื่องที่ไม่ควรขยายความคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีตามกฎบัตรสหประชาชาติ การเมืองในขณะนี้เป็นความแตกแยกทางความคิดของคนบางกลุ่มไม่ได้นึกถึงประโยชน์บ้านเมือง ทุกฝ่ายควรมั่นคงในแนวทางนิติธรรม สร้างความเข้าใจที่ดี แม้ว่านักการเมืองบางกลุ่มเคลื่อนไหวหนักก็ตาม แต่ฝ่ายความมั่นคงสามารถทำความเข้าใจและสามารถควบคุมได้
นายชินวรณ์ ยังกล่าวต่อไปว่า ผู้นำประเทศต้องมีมารยาทและรักษามารยาท แต่เราต้องทราบสาเหตุที่มาว่าเหตุใดความเคลื่อนไหวเช่นนี้เกิดขึ้นจึงต้องเรียกร้องถึงต้นตอสาเหตุว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังใช้กัมพูชาเคลื่อนไหวเป็นฐานการเมือง จะเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องคำนึงถึงประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนเวทีต่างประเทศอื่นๆ นั้นเข้าใจว่าประเทศไทย ศาลไทย ยืนอยู่บนความถูกต้อง จะมีทางออกที่ดีต่อไป
"ทุกคนจะต้องปกป้องกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และถือว่าเป็นกระบวนการที่มีมาตรฐานสูงอย่าให้ใครก้าวล่วงได้ นานาอารยประเทศยังให้การยอมรับ ประชาชนและผู้คนที่จับตาดูอยู่ย่อมรู้ว่าใครเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ใครทำเพื่อประโยชน์ชาติ"
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ตั้งข้อสังเกตว่าไทยอาจถูกกัมพูชาดักฟังโทรศัพท์กรณีการจับกุม นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ซึ่งหากมีการดักฟังจริงจะถือว่ากัมพูชาได้ละเมิดสนธิสัญญากรุงเวียนนาปี 2504 โดยจะสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับกัมพูชาเอง แต่เมื่อกัมพูชาปฏิเสธก็เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวหา
ทั้งนี้ เห็นว่าการที่ นายคำรพ ปาลวัฒน์วิชัย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ขอข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของทางราชการ อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความชัดเจน ทางคณะกรรมาธิการ เห็นว่าควรเชิญ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายศิวรักษ์และมารดามาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ ด้วย
ด้าน นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยไทยจะส่งเอกอัครราชทูตไทยกลับไปที่กัมพูชานั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไทยยังตั้งเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีการให้ยกเลิกการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาลกัมพูชา ก็คงไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศดีขึ้น
นอกจากนี้เห็นว่าการปรับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การพูดคุยกับกัมพูชาง่ายขึ้น
ที่มา: http://www.prachatouch.co.th/web/news_detail.asp?id=7663
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1224 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย sala
IP: Hide ip
, วันที่ 18 ธ.ค. 52
เวลา 10:56:43
|
