• เตือนผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ-ปัดทิ้งใบสั่ง |
โพสต์โดย คำจ๋อย , วันที่ 09 ก.พ. 53 เวลา 16:18:14 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เตือนผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ-ปัดทิ้งใบสั่ง
เตือนผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ-ปัดทิ้งใบสั่ง
อดีต ผู้พิพากษาศาลฎีกาและอดีตตุลาการรัฐธรรมนูญออกโรงเตือนองค์คณะผู้พิพากษาที่ จะตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ให้ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ยึดหลักจริยธรรม คุณธรรม ไม่ทำตามใบสั่ง หากให้ยึดทรัพย์ต้องมีเหตุผลอธิบายได้อย่างชัดเจน หากข้อมูลหลักฐานไม่เพียงพอต้องยกประโยชน์ให้จำเลย ระบุนรกมีขุมพิเศษสำหรับตุลาการที่ตัดสินโดยไม่เป็นธรรม แนะให้ย้อนดูคำตัดสินยึดทรัพย์สมัย รสช. เป็นเกณฑ์ ด้านอัยการยื่นคำแถลงปิดคดีวันนี้ (9 ก.พ.) ขณะที่ทีมทนายของ “พจมาน”และ “พานทองแท้-พินทองทา” จะยื่นแถลงปิดคดีเช่นกัน โดยมีประเด็นที่แตกต่างจากคำแถลงปิดคดีของทีมทนาย “ทักษิณ”
นายจุมพล ณ สงขลา อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิพากษา ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 76,000 ล้านบาทในวันที่ 26 ก.พ. นี้ว่า ถ้าศาลฎีกาจะยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้มาด้วยการทุจริตถึงจะสามารถยึดทรัพย์ได้ แต่ถ้าข้อมูลหลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพอก็ต้องยกประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรงนี้เป็นหลักของศาลที่มีจริยธรรม มีคุณธรรม เราต้องถือว่าคนอื่นสุจริตถ้าจะยึดต้องชัดเจนว่าโกง
“ถ้า ศาลฎีกาจะยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนแน่นอนว่าเขาโกง ถ้ายังคลุมเครืออยู่จะเหมาว่าเขาโกงคงไม่ได้ ต้องว่ากันด้วยพยานหลักฐาน ดังนั้น ขึ้นอยู่ที่จิตสำนึกของผู้พิพากษา ถ้าเขายังมีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ไม่ฟังเสียงใคร แต่ถ้ายังตัดสินตามใบสั่ง ผมอยากให้ไปดูวัดที่บางนมโคของหลวงพ่อปาน พระเกจิชื่อดังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีเสียงร่ำลือว่าเคยไปท่องนรกมาแล้ว ได้เอาดินเหนียวมาปั้นนรกขุมต่างๆที่ใต้ถุนโบสถ์ และมีขุมหนึ่งเป็นขุมพิเศษของตุลาการ อยากให้ผู้พิพากษาไปดูกัน เพราะถ้าเราตัดสินแบบไม่ยุติธรรมและไม่เป็นไปตามอุดมการณ์ของการเป็นตุลาการ จะตกนรกขุมนั้นแน่”
ใครก็รู้อดีตนายกฯรวยมาก่อน
นายจุมพล กล่าวว่า ใครๆก็รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณรวยมาก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าศาลฎีกายึดทรัพย์สินเขาหมด คนก็ยิ่งเห็นความไม่เป็นธรรมในบ้านเมืองนี้มากขึ้น และจะทำให้นักลงทุนจากต่างชาติไม่กล้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะกฎหมายไทยและศาลไทยแบบนี้ใครจะกล้ามาลงทุน และอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ทั้งนี้ ขอยกกรณีที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี และจะยึดทรัพย์รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนั้น ผลสุดท้ายปรากฏว่าไม่ยึดทรัพย์ แถมศาลออกคำสั่งด้วยว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณายึดทรัพย์เหมือนเป็น การตั้งศาลพิเศษขึ้นมา ไม่สามารถทำได้ และทำเฉพาะบุคคลไม่ได้คำสั่งตั้ง คตส. อับอายไปทั่วโลก
“ตรง นี้เหมือนกับกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ถ้าเอาคนที่ไม่เคยมีปัญหากับ พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อนน่าจะพอไปได้ แต่ คมช. กลับแต่งตั้งคนที่เกลียด พ.ต.ท.ทักษิณทั้งนั้น ผมคิดว่ามันน่าอายไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย ส่วนศาลฎีกาจะตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณในวันที่ 26 ก.พ. นี้อย่างไร ขึ้นอยู่กับการชี้ขาดของศาล ผมคงให้ข้อคิดได้แค่นี้” อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกากล่าว
เชื่อถ้าตัดสินยึดทรัพย์รุนแรงแน่
รศ. ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงข้อไหนที่จะบ่งชี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณโกง ดังนั้น อยู่ที่วิธีและเหตุผลในการยึดทรัพย์ของศาลฎีกาว่าจะมีวิธีอธิบายเหตุผลคำ วินิจฉัยในการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร ส่วนเรื่องจะยึดบางส่วนหรือยึดทั้งหมดอาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าศาลตัดสินให้ยึดทรัพย์จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรุนแรง เพราะการที่จะยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณมากๆถือเป็นส่วนหนึ่งของการยั่วยุให้อีกฝ่ายหนึ่งบันดาลโทสะ เชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงอาจเตรียมแผนตอบโต้กับคำวินิจฉัยต่างๆไว้แล้ว
อัยการยื่นคำแถลงปิดคดีวันนี้นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ หนึ่งในคณะทำงานอัยการคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คณะทำงานจะยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลวันที่ 9 ก.พ. นี้ ขณะนี้เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังพิจารณารายละเอียดต่างๆซ้ำเพื่อไม่ให้ตกหล่น
ด้านนายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ หนึ่งในผู้มีรายชื่อถูกอายัดทรัพย์ กล่าวว่า จะยื่นคำแถลงปิดคดีวันที่ 9 ก.พ. นี้เช่นกัน ซึ่งจะมีบางส่วนที่แตกต่างจากคำแถลงปิดคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยื่นไปแล้วก่อนหน้านี้
ทนาย “โอ๊ค-เอม” มั่นใจได้ 4 หมื่นล้านคืน
นาย กิตติพร อดุยรัตน์ ทนายความของนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ถูกอายัดทรัพย์ด้วย กล่าวว่า จะยื่นคำแถลงปิดคดีของทั้ง 2 คนวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งตามกำหนดสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 12 ก.พ. โดยนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาถูกอายัดทรัพย์รวมกันกว่า 40,000 ล้านบาท ทั้งที่ได้มาโดยสุจริตและไม่ได้เป็นนอมินีถือแทน พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้จะสู้ในประเด็นที่ทั้ง 2 คนไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย
“ผมยังมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำสืบในชั้นศาล เชื่อว่าทรัพย์สินในส่วนนี้จะไม่ถูกยึด” นายกิตติพรกล่าวส.ว. อ้างมีคนข่มขู่ผู้พิพากษา
ที่ รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายในที่ประชุมวุฒิสภาในช่วงการหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุมปรกติ โดยอ้างว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการข่มขู่ไปยังผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว และยังมีการข่มขู่ไปยังอดีต คตส. ท่านหนึ่ง โดยมีชายฉกรรจ์ 5 คน ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตไปสอบถามรายละเอียดของอาคารที่พัก เวลาเดินทางกลับบ้าน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและหามาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้คน สำคัญ
ตำรวจคุ้มครองคนสำคัญเข้ม
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ห้องประชุมปารุสกวัน 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รอง ผบช.น. พร้อม ผบก.น.1-9 ผบก.จร. ผบก.อคฝ. ผบก.ตปพ. ผบก.สส. ผบก.อก. ผบก.ประจำ บช.น. และ ผกก.สน.ในพื้นที่ที่มีบุคคลสำคัญ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ
จัดกำลังเฝ้าอารักขา 24 ชั่วโมงพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า เป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยบุคคลสำคัญเป็นไปในทิศทาง เดียวกัน โดยเน้นดูแลนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี องคมนตรี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ทุกสถานีในพื้นที่รับผิดชอบถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวบริเวณรอบของบ้าน บุคคลสำคัญ และวางกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
“ที่ ประชุมกำชับว่าในการดูแลต้องไม่ใช้วิธีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้า หน้าที่ แต่ให้เลือกเอาคนที่เข้าใจสถานการณ์ มีไหวพริบดี แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เข้าไปทำงาน พื้นที่ไหนไม่มีกล้องวงจรปิดให้เร่งจัดหา” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
************
ที่มา http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=5794
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1373 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คำจ๋อย
IP: Hide ip
, วันที่ 09 ก.พ. 53
เวลา 16:18:14
|