ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นายสมัย วงศ์สุวรรณ แดงแท้ฮาร์ดคอร์ตัวจริง
นายสมัย วงศ์สุวรรณ นับเป็น “แดงฮาร์ดคอร์” ตัวจริง! ที่ยังสู้อยู่ ซึ่งถ้าย้อนไปช่วงเดือนเมษายน 2553 แล้วจะมีเห็นเขาเป็นข่าวเหตุปะทะกันของทหารกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ปรากฎว่า.. นายสมัย วงศ์สุวรรณ อายุ 46 ปี ผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยกระสุนยางที่แก้มขวาขณะอยู่ที่สะพานมัฆวาน อาการไม่เป็นอะไรมาก โดยนายสมัยกล่าวว่า เป็นคนเชียงใหม่ มาร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. ตลอดเวลานั้นภรรยาติดต่ออยากให้กลับบ้าน และพ่อแม่ก็เป็นห่วงก็ได้บอกว่าขอยังไม่กลับ แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บ ยังสองจิตสองใจ คงรอพักฟื้นให้ดีขึ้นก่อน
จากนั้น ถึงวันนี้ “อุดมการณ์รัฐไทยใหม่” ของเขาได้ปรากฎชัด ระเบิดดังสนั่น เขาพลาดจนต้องสังเวยชีวิตตน คาดว่าตาย 4 สาหัส 2 และบาดเจ็บอีกนับสิบ น่าสะเทือนใจยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำศพผู้เสียชีวิตรายที่ 4 ออกมาจากซากอาคาร สมานเมตตา แมนชั่น ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุระเบิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ศพดังกล่าวอาจจะเป็นศพนายสมัย วงศ์สุวรรณ ผู้เช่าห้องพักหมายเลข 202 ซึ่งเป็นต้นตอระเบิด เนื่องจากพบบัตรประชาชนของนายสมัยตกอยู่ใกล้ๆศพ แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ เพราะศพที่เจ้าหน้าที่พบมีสภาพแหลกเหลวจนไม่สามารถระบุตัวตนได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งสถาบันนิติเวชเพื่อตรวจพิสูจน์แล้ว
นายสมัย วงศ์สุวรรณ มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.หางดง จว.เชียงใหม่ อายุ 46 ปี ภูมิลำเนาเดิม อยู่ จ.สิงห์บุรี มาอาศัยอยู่พื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2543 โดยมาสมัครเป็น รปภ.ของโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ พบกับนางบัวคำ เมืองมา ภรรยา ทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรมดังกล่าว จากนั้น นายสมัย ลาออก ไปสมัครเป็น รปภ.ธนาคารสแตนดาร์ต ชาร์เตอร์ สาขาช้างเผือก เมื่อปี พ.ศ.2544 และไปร่วมชุมุนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
6 ตค. รายงานข่าวแจ้งว่า ที่เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักของ นายสมัย วงศ์สุวรรณ เจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุระเบิดในสมานแมนชั่นแต่ไม่พบวัตถุระเบิด อาวุธ หรือสิ่งผิดกฏหมาย
ทั้งนี้ นางบัวคำ เมืองมา ภรรยาของนายสมัยเปิดเผยว่า สามีเป็นคนเสื้อแดงที่เคยเข้าร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์ โดยหลังจากสลายการชุมนุมได้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านใน อ.หางดง หลังจากนั้นก็หายตัวไปนานกว่า 3 เดือน กระทั่งเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้
นางบัวคำ กล่าวต่อว่า นายสมัยเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย ใจดีแต่ไม่ชอบความรุนแรง มีความรู้ด้านอิเล็กทรอกนิกส์บ้างเล็กน้อย เมื่อสี่เดือนที่แล้ว เคยบอกว่าจะต้องออกไปทำงานใหญ่กอบกู้ประชาธิปไตย โดยจะติดต่อกลับมาหากทำงานสำเร็จ และก่อนหน้านี้ นายสมัย ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาก็เคยถูกยิงได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมที่แยกราชประสงค์
“พี่เขาจริงจังกับเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาก ฉันศรัทธาเขามาก เขาเป็นคนกล้าไม่กลัวตาย เมื่อวันที่ 10 เมย.พี่ก็ถูกกระสุนปืนที่แก้มขวา ที่ถนนคอกวัว หลังถูกยิงไม่กี่วันก็กลับมาบ้าน รู้จากข่าวทีวีเขาออกรายชื่อผู้บาดเจ็บ แต่เขาไม่ยอมบออกความจริง จนกระทั่งกลับมาบ้านจึงได้บอก เขาไม่อยากให้ทางบ้านเป็นห่วง” นางบัวคำกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุพบชายนิรนามเดินออกจาก ห้อง 202 ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อชายคนดังกล่าวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพวงจรปิดที่ตรวจพบก่อนเกิดเหตุระเบิด ระบุชัดเจนว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 ต.ค.นายสมัย วงศ์สุวรรณ์ การ์ด นปช.ได้เดินทางมากับผู้ชาย 1 คน โดยภาพจากกล้อง ระบุเป็นรถกระบะ วีโก้ สีบรอนซ์ ไม่สามารถมองเห็นหมายเลขทะเบียนได้อย่างชัดเจน แต่มองเห็นเพียง จ.นราธิวาส และได้ขับรถคันดังกล่าวออกไป เมื่อเวลา 12.40 น.วันเดียวกัน
สำหรับภาพผู้ชายคนดังกล่าวที่มาพร้อมกับนายสมัย นั้น มีพยานระบุว่า เคยเดินทางมากับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุว่า ตั้งแต่เวลา 12.40 น.ของวันที่ 5 ต.ค.นายสมัย ได้อยู่ภายในห้องพักตามลำพัง ตลอดเวลาไม่ได้ออกจากห้องแต่อย่างใด
สำหรับซิมโทรศัพท์ที่พบนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ซิมดังกล่าวเป็นของใคร เบื้องต้นจากการสอบถามภรรยาของนายสมัย ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พบว่า ไม่ได้รับการติดต่อนานถึง 3 เดือนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ว่า ซิมดังกล่าวมีการโทรศัพท์ออกไปหาใครบ้าง
ส่วนรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับหญิงชาวมุสลิมต้องสงสัยคนดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำมาให้พยานดูแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เป็นคนที่เคยเดินทางมาที่แมนชั่นที่เกิดเหตุ พร้อมกับ นายสมัย วงศ์สุวรรณ์ และชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสามีของหญิงคนดังกล่าว สอดคล้องกับที่ นายสมาน บุญประเสริฐ เจ้าของสมานเมตตาแมนชั่น ให้การไว้ว่า ที่ห้องดังกล่าวที่ นายสมัย เช่าอยู่ตั้งแต่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา นั้น มีผู้อาศัยอยู่ 3 คน คือ นายสมัย กับชายอีก 1 คน และหญิง 1 คน โดยใช้รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนจังหวัดนราธิวาส
ทั้งนี้ มีพยานยืนยันว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 5 ต.ค. ทั้ง 3 คนแบกกระสอบ 2 – 3 ใบ เข้าไปในห้องพัก จนกระทั่งเวลา 12.40 น.นายสมัย ก็เดินลงมาส่งชายคนดังกล่าวกลับออกไป ก่อนที่ นายสมัย จะย้อนกลับขึ้นไปบนห้องพัก จนกระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นในช่วงเย็น จึงอาจเป็นไปได้ว่า ศพผู้เสียชีวิตศพสุดท้ายที่เจ้าหน้าที่พบในจุดเกิดเหตุ ที่สภาพศพตายแบบสยอง นอนคว่ำหน้าไม่สวมเสื้อผ้า แขนขา ศีรษะ ฉีกขาด ดำไม้เกรียม น่าจะเป็นศพของ นายสมัย วงศ์สุวรรณ์
http://www.chaoprayanews.com/2010/10/07/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%97/
.
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|