• วอล์คเอาท์ปรับโครงสร้างตร. |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 27 ส.ค. 50 เวลา 00:24:12 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจขึ้นเหนือจัดเวทีแรกก่อนไปทั่วประเทศเพื่อระดมความเห็นตำรวจ ส่วนราชการและประชาชนเกี่ยวข้องเพื่อสรุปสู่แผนปรับโครงสร้างตำรวจครั้งใหญ่ ตามนโยบายรัฐบาล “สุรยุทธ์”หวังสร้างสถาบันสีกากีเป็นองค์กรที่ประชาชนพึ่งพิงได้และมีประสิทธิภาพ แต่เวทีย่อยระดับสัญญาบัตรหวิดล่มนายตำรวจเหนือ Walk out ชี้จัดเวทีหลอก ท่ามกลางกระแสสะพัดนายสั่งค้าน สุดท้ายลงเอยด้วยดี ให้เป็นการบ้านในเวทีภาคที่เหลือ ติง กก.ต้องจริงใจมารับฟังความเห็นจริงๆ อย่าใช้เป็นแค่เครื่องมือทำงาน
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่โรงแรมโนโวเทล เชียงใหม่ คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ กระทรวงยุติธรรม ร่วมด้วยช่วยกันเชียงใหม่ ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการและระดมความเห็นในเรื่องการปรับโครงสร้างตำรวจ ตามนโยบายของรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพื่อต้องการให้สถาบันตำรวจเป็นองค์กรที่ประชาชนสามารถพึ่งพิงได้และปรับปรุงงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม โดยจะรับฟังความเห็นจากกลุ่มเป้าหมายทั้งตำรวจทุกระดับ ประชาชนและหน่วยงานเกี่ยวข้องทั่วทุกภาคและสรุปเสนอให้นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฎีกาและสภานิติบัญญัติแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยมีข้าราชการตำรวจทั้งสัญญาบัตร ชั้นประทวนส่วนต่างๆ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประมาณ 300 คน
โดยการประชุมครั้งนี้เป็นเวทีแรกที่จัดขึ้นในระดับภูมิภาค ตามเป้าประสงค์ที่จะจัดขึ้นทั่วทุกภาค ตลอดเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้ และที่เชียงใหม่มีนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานและกล่าวต้อนรับ โดยระบุว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการรับฟังความคิดเห็น รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กับนโยบายการพัฒนาระบบงานตำรวจเพื่อประชาชน ที่รัฐบาลมีดำริ เพื่อที่จะให้เกิดคุณภาพที่สอดรับกับระบบความยุติธรรมโปร่งใสในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นการปรับปรุงด้านนิติรัฐและนิติธรรม เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงและสงบเรียบร้อย และทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยหลักคุณธรรม
รองผู้ว่าฯ ธงชัยกล่าวอีกว่า องค์กรตำรวจถือว่า เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่มีความสำคัญและใกล้ชิดกับประชาชนเป็นอย่างมากตลอดมา ในเรื่องของการดูแลความสงบเรียบร้อยในสังคม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นที่พึ่งของประชาชนยามมีเหตุภัยในเรื่องความไม่ปลอดภัย แต่เพื่อให้สถาบันตำรวจเป็นองค์กรที่ประชาชนสามารถพึ่งพาได้และมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ 10 ประการหลัก ตามที่การประชุมจะได้พูดถึงกัน เช่น การปรับโครงสร้างบริหาร การกระจายอำนาจ การปรับค่าตอบแทน/เงินเดือน ความก้าวหน้าทางหน้าที่ ขวัญกำลังใจหรือประเด็นการตรวจสอบ เป็นต้น ซึ่งก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับทราบข้อมูลและร่วมกันคิดเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน
ในเวทีประชุม พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจได้บรรยายเรื่อง แนวคิดและกลไลในการปรับโครงสร้างตำรวจไทย โดยบอกว่า เบื้องต้นบางคนอาจสงสัยว่า เหตุใดจึงต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรตำรวจ ที่ผ่านมามีการพูดและเขียนไว้หลายแห่ง จากคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ กรรมาธิการปกครองวุฒิสภา เมื่อเดือนมีนาคม 49 สรุปว่าจุดอ่อนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีภารกิจมากส่งผลให้มีการขยายองค์กรทำให้อุ้ยอ้าย สมรรถนะต่ำ ล้าสมัย ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน การบริหารแบบรวมศูนย์ทำให้การดูแลในภูธรและนครบาลมีความแตกต่างกัน การบริหารงานบุคคลไม่เป็นตามตามระบบคุณธรรม ตำรวจมีรายได้ไม่พอ ทำให้เกิดการแสวงหารายได้โดยมิชอบ
ที่กล่าวมานี้เป็นความเห็นของคนกลางไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการฯ การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมามีหลายครั้ง ส่วนมากเป็นการปรับปรุงโครงสร้าง แต่ไม่มีการพิจารณาในหน้าที่หลักของตำรวจที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทุกข์ของประชาชนคือภารกิจหลัก การปรับปรุงที่ผ่านมานั้นเป็นไปเพื่อกระชับการบังคับบัญชา โครงสร้างองค์กรตำรวจที่ใหญ่โตมาจากการเติบโตที่ไร้การควบคุม อนุกรรมาธิการฯดังกล่าวตั้งข้อสังเกตไว้ว่า โครงสร้างแนวนอนที่กว้างและแนวดิ่งที่ยาว ทำให้ผู้บริหารดูแลได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งการบริหารการบังคับบัญชารวมศูนย์ทำให้หน่วยงานระดับรองเป็นตรายาง การแต่งตั้งสามารถสั่งการได้จากส่วนกลางเสมอทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำ แต่ไม่มีความพยายามในการปรับปรุง
และตามที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ในด้านต่าง ๆ เพื่อศึกษาหาแนวทางร่วมกันในการปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเปิดการสัมมนาทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ การเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็ปไซต์ การพิมพ์เอกสารแจกจ่ายทั่วประเทศเพื่อให้ทราบว่า คณะกรรมการทำอะไร อีกทั้งสื่อมวลชนได้เสนอข่าวความก้าวหน้า เป็นความพยายามในการพัฒนาระบบงานตำรวจที่เผยแพร่สู่สาธารณชนมากที่สุดเท่าที่ผ่านมา ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ชุดนี้ไม่ได้ศึกษา วิเคราะห์อย่างผิวเผิน แต่ได้ทำการศึกษาอย่างมีหลักเกณฑ์
คณะกรรมการฯ พบว่า ปัญหาเรื่องโครงสร้างและการบริหารจัดการ มีภารกิจที่ไม่จำเป็นตกค้างอยู่มีการจัดองค์กรซับซ้อน งานสอบสวนขาดความเป็นอิสระและด้อยการพัฒนา การพัฒนาบุคลากรในหลักสูตรต่างๆ เป็นการอบรมด้านการบริหารงานทั่วไป ไม่ใช่ความรู้เฉพาะทางหรือวิชาชีพ การฝึกอบรมทำได้อย่างไม่ทั่วถึง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นำผลการฝึกอบรมไปใช้ในการบริหารงานบุคคลและการแต่งตั้ง การปลูกฝังจริยธรรมทำพอเป็นพิธี และบังคับแต่ ตำรวจชั้นผู้น้อยค่าตอบแทนและสวัสดิการต่ำ ความก้าวหน้าของตำรวจชั้นประทวนมี การเปิดสอบนายตำรวจเป็นไปอย่างจำกัด มีการถูกแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายมาโดยตลอด การมีส่วนร่วมของประชาชนยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง การศึกษามีการอ้างอิงจากหลายแหล่งข้อมูล เมื่อศึกษาแล้วคณะกรรมการจึงได้สรุปประเด็นในการพัฒนา 10 ประเด็น และเป็นที่มาของร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ที่ได้ยกร่างและนำเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วคือ ร่างพระราชบัญญติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ พ.ศ. ....
ในการนี้ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นความคาดหวังว่า จะสามารถเดินหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมได้ และจะยกระดับคุณภาพของตำรวจไทยได้มาก เป็นความหวังที่อยากจะเห็น และจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตำรวจไทยเช่น นายดาบเกษียณอายุก็จะมีอัตราเงินเดือนจากเดิม ร.ต.อ.เป็น พ.ต.ท. เป็นความหวังว่า ไม่ว่าตำรวจจะอยู่ส่วนใดแต่ตำรวจต้องไม่อยู่ใต้อำนาจการเมืองและพ่อค้านายทุน ผบ.ตร.ไม่ใช่ทาสนักการเมือง แม้รัฐบาลนี้จะไม่ทันก็เชื่อว่า รัฐบาลต่อไปก็น่าจะทำต่อได้
ขณะที่ พล.ต.อ.ไกรสุข สินศุข ประธานคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างและการบริหารบอกถึงประเด็นสำคัญ 10 ประเด็นหลัก ว่า เรื่องการกระจายอำนาจทางการบริหารงานให้กับกองบัญชาการในส่วนงานที่รับผิดชอบอย่างแท้จริง และลดอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลง แต่ไม่ได้ทำลายความเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังคงอยู่ เนื่องจากนานาชาติรับรองแล้วว่า ถูกต้อง เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการให้มีตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากมีปัญหาในการบริหารงาน ในประเทศของเรามีอยู่แล้วต้องรักษาเอาไว้ แต่กฎหมายจะป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงและการล้วงลูก การยุบยศตำรวจประทวนให้เหลือยศเดียว เพื่อต้องการสร้างความก้าวหน้าสู่ตำรวจสัญญาบัตร และการเลื่อนเงินเดือน โดยส่วนตัวแล้วอยากให้เป็นข้าราชการตำรวจเป็นระดับสัญญาบัตรทั้งหมด คณะกรรมการรับเรื่องร้องทุกข์เป็นคณะกรรมการอิสระและทำงานเต็มเวลา เนื่องจากต้องการให้การพิจารณาความเป็นธรรมอย่างแท้จริงไม่เหมือนกับที่ถูกกล่าวหาว่า วิ่งเต้นช่วยเหลือกัน
โดยสรุปแล้ว 10 ประเด็นคือ การกระจายอำนาจการบริหารงานสู่หน่วยงานรอง ยกระดับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคเป็นเสมือนนิติบุคคล แทนของเดิมที่เป็นการรวมศูนย์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเด็นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำกับดูแลการบริหารงานตำรวจเพื่อนำไปสู่ความเป็นกลางทางการเมือง รับผิดชอบขององค์กรตำรวจต่อประชาชน โดยมีการตั้งสำนักงานพัฒนาระบบงานตำรวจที่อิสระ ประเด็นการสร้างกลไกการตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจ การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ของตำรวจให้หน่วยงานอื่น การปรับปรุงพัฒนาระบบงานสอบสวน มีหน่วยสอบสวนกลาง การปรับปรุงการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ การพัฒนากระบวนการในการสรรหา การผลิตและพัฒนาบุคลากรตำรวจ ยกระดับสถาบันผลิตและคุณวุฒิตำรวจชั้นประทวน การปรับปรุงเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทนและสวัสดิการข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะชั้นประทวน การส่งเสริมความห้าวหน้าตำรวจชั้นประทวน ลดความถี่ของชั้นยศ ให้มีระดับดาบตำรวจชั้นเดียวและเลื่อนสู่สัญญาบัตรและประเด็นการตั้งหน่วยงานในการปรับปรุงพัฒนากระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ มีอิสระ เป็นสถาบันส่งเสริมหลักนิติธรรม
นอกจากนี้ช่วงบ่ายมีการแบ่งกลุ่มย่อย 3 ส่วนคือ ระดับสัญญาบัตร ชั้นประทวนและประชาชนด้านต่างๆ ซึ่งทางคณะทำงานจะรวบรวมข้อเสนอและความคิดเห็นทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฎีกาและ สนช.ต่อไป โดยก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นเริ่มมีบรรยากาศของการสอบถามกับผู้บรรยายในเวทีช่วงเช้าของนายตำรวจหลายรายที่อยากทราบความชัดเจนในบางเรื่องหากมีการปรับปรุง แต่มีการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนเพราะต้องให้อยู่ในส่วนของห้องประชุมกลุ่มย่อย ก็ทำให้เกิดความไม่พอใจระดับหนึ่งและชี้ว่าไม่ได้มาเปิดเวทีรับฟังความเห็นจริงและไม่สามารถปรับแก้อะไรได้แล้ว ทำให้เป็นสาเหตุที่ทำให้นายตำรวจระดับสัญญาบัตรจำนวนมากไม่เข้าร่วมกลุ่มย่อยและเดินทางกลับเหลือเพียงกว่า 20 นายที่ยังให้ข้อมูลในกรอบประเด็นสำคัญเพื่อจะได้สะท้อนข้อมูล โดยให้เหตุผลว่า จะดีกว่าการไม่ร่วมเพราะไม่ได้สะท้อนในสิ่งที่ไม่เห็นชอบที่ชัดเจน ซึ่งทั้งหมดก็สามารถสรุปประเด็นครอบคลุมและเป็นการบ้านให้คณะทำงานนำไปสู่การปรับแนวทางการเปิดเวทีในพื้นที่ภูมิภาคอื่นๆ อีก 4 ภาคที่เหลือต่อไป.ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2607 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 27 ส.ค. 50
เวลา 00:24:12
|