ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ที่มา สนง.ประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ประชุมแนวทางแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำของผู้ใช้น้ำในลำน้ำปิง
จังหวัดเชียงใหม่ขอความร่วมมือผู้ใช้น้ำทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง
วันนี้ (23 มี.ค. 59) เวลา 09.00 น. ณ ห้องศูนย์อำนวยการสั่งการหมอกควันไฟป่า ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานการประชุมแนวทางแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำของผู้ใช้น้ำปิง เพื่อเจรจาขอความร่วมมือประชาชนให้ทำตามข้อตกลงการบริหารจัดการน้ำตามรอบเวรที่กำหนด จากกรณีปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ซึ่งปีนี้มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยกว่าทุกๆปี โดยส่งน้ำให้ลำน้ำปิงจำนวน 12 ครั้ง รวมน้ำทั้งสิ้น 15.9 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในครั้งที่ 12 เกิดปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ มีผู้ใช้น้ำไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ทางชลประทานเชียงใหม่จึงจำเป็นต้องงดการปล่อยน้ำจากเขื่อนแม่งัดชั่วคราว เพื่อหาทางเจรจากับกลุ่มผู้ใช้น้ำฝายพญาคำให้ทำตามข้อตกลงและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้น้ำในอำเภอดอยหล่อและอำเภอจอมทองที่ใช้ในการอุปโภคบริโภครวมทั้งการผลิตน้ำประปาของจังหวัดลำพูน
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า มติในที่ประชุมได้ตกลงว่า ผู้ใช้น้ำทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง แต่หากเกิดปัญหาจะต้องดำเนินการเฝ้าระวังจุดเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลเพื่อมิให้มีการฝ่าฝืนข้อตกลงเนื่องจากจะทำให้เกิดความเดือดร้อนทั้งระบบและหากมีการฝ่าฝืนจะดำเนินการหยุดส่งน้ำเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำจังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 22 มีนาคม 2559 ปริมาณน้ำต้นทุนที่เหลืออยู่ใน 2 เขื่อนหลักของจังหวัดเชียงใหม่ คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธาราและเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ลดลงเหลือเพียง 14.8% โดยที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำในขณะนี้เหลืออยู่ 27.4 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ยังสามารถปล่อยน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและไม้ผลตามข้อตกลงได้เดือนละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีการส่งน้ำรอบที่ 12 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 จำนวน 1.7 ล้านลูกบาศก์เมตร และที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะต้องปล่อยน้ำลงแม่น้ำปิงและเข้าระบบของเขื่อนแม่งัดไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปริมาณน้ำลดลงเหลือเพียง 50.6 ล้านลูกบาศก์เมตร จะเห็นว่าแนวโน้มสถานการณ์น้ำจะน้อยลงเรื่อยๆ โดยจังหวัดเชียงใหม่จะต้องบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอที่จะใช้ไปจนถึงเดือนมิถุนายนหรืออีก 14 สัปดาห์ ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายทำตามข้อตกลง ปริมาณน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคจะเพียงพออย่างแน่นอน และขอแจ้งให้ทราบว่าการปล่อยน้ำในระบบในช่วงนี้ เป็นการใช้น้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศและไม้ยืนต้นเท่านั้น
ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการบริหารจัดการน้ำ 11 ครั้งที่ผ่านมา ในรอบ 2 เดือนกว่า ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในรอบของการปล่อยน้ำ รอบที่ 12 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม ๒๕๕๙ กลุ่มผู้ใช้น้ำฝายพญาคำ ซึ่งเป็นฝายตัวแรกที่กั้นแม่น้ำปิงได้เปิดปากเหมือง และนำโซ่พันปิดล็อคกุญแจไว้ ทำให้น้ำที่ปล่อยลงมาทั้งหมดไหลเข้าพื้นที่รับน้ำของฝายพญาคำทั้งหมด ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ท้ายน้ำ ในเขตอำเภอดอยหล่อและจอมทอง ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและนำไปเลี้ยงไม้ผล รวมถึงน้ำที่จะส่งไปผลิตน้ำประปาในจังหวัดลำพูนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้น้ำสำหรับผลิตน้ำประปาของจังหวัดลำพูนอยู่ที่ระดับ 16 เมตร ถือว่าอยู่ในระดับต้องเฝ้าระวัง หากต่ำกว่า 10 เมตร จะเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งจังหวัดลำพูนเคยเกิดปัญหามาแล้วครั้งหนึ่ง จึงขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ใช้น้ำฝายพญาคำ ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงในการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของจังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำเหลืออยู่จำกัด หากไม่ยอมปิดบานประตูเหมือง เขื่อนแม่งัดก็ไม่สามารถปล่อยน้ำลงมาได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำกินน้ำใช้ทั้งจังหวัด รวมถึงน้ำเพื่อผลิตน้ำประปา วันละ 1.2 แสนตันของผู้คนในตัวเมืองเชียงใหม่อีกด้วย
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|