กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พ่อเลี้ยงเต้นท์รถมือสองเชียงใหม่ เสียหายยับเยินจากขบวนการสวมทะเบียนปลอม ฟอกรถหรู ยอมทุ่มทุนแกะรอยขบวนการแต่เจอตอ สาวปมไม่ถึงตัวใหญ่ เข้าร้องสื่อเปิดโปงเส้นทางสวมทะเบียนปลอมทำกันเป็นขบวนการใหญ่ แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตัดตอนขบวนการก่อนชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ
นายภาวิต บุญชละ ประธานกรรมการบริษัท ดีลักษ์ พรอพเพอร์ตี้จำกัด เลขที่ 63 ถนนรัตนโกสินทร์ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หนึ่งในผู้ที่ดำเนินธุรกิจค้าขายรถยนต์มือสองจังหวัดเชียงใหม่ และนักธุรกิจซึ่งกลายเป็นเหยื่อขบวนการฟอกรถยนต์ราคาแพงเปิดเผยต่อเชียงใหม่นิวส์ว่า ในธุรกิจค้าขายรถมือสองที่ได้ดำเนิน การอย่างสุจริตตรงไปตรงมาต้องกลายเป็นเหยื่อของขบวนการสวมทะเบียนปลอมโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ
ทำให้เสียหายหลายล้านบาท ซึ่งตนได้รับซื้อรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ สีน้ำเงิน รุ่นอี หมายเลขทะเบียน กข-6319 กำแพงเพชร จาก น.ส.กัญญาวัชร ขยันดี อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 143 หมู่ 4 ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย และนางจันทร์เพ็ญ นามวงศ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 215 หมู่ 2 ต.ทุ่งต้อม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ทั้ง 2 ได้มาติดต่อขายรถคันดังกล่าว เมื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ใบคู่มือจดทะเบียน เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ พบหมายเลขเครื่อง และตัวรถถูกต้องจึงรับซื้อไว้ในราคา 1,505,000 บาท
จากนั้นมีผู้มาซื้อรถคันดังกล่าวไปคือ นายวรชัย อุตมชัย เมื่อครั้งเป็นปลัดจังหวัดลำพูน มีการแจ้งโอนย้ายทะเบียนจากกำแพงเพชรไปจังหวัดลำพูน ไปใช้หมายเลขทะเบียน กข-8009 ลำพูน ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง โดยมีนางพรรณภา อุตมชัย ภรรยาปลัดจังหวัดลำพูนในขณะนั้นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
ต่อมา น.ส.กัญญาวัชร และนางจันทร์เพ็ญ ได้นำรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ สีเทา รุ่นอี 230 ทะเบียน กค-356 สุพรรณบุรี มาเสนอขายให้ในราคา 1,420,000 บาท เห็นว่าเคยค้าขายกันมาก่อน ตรวจเอกสารความถูกต้องตาม ที่วงการค้ารถยนต์ทำกันอย่างรอบคอบก็รับซื้อไว้ จากนั้นช่วงสิงหาคม 2550 ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศป.บร.) พร้อมกับนางพรรณภา ภรรยารองผู้ว่ามายังเต็นท์รถที่ตนดำเนินธุรกิจอยู่ แจ้งว่ารถที่นางพรรณภาถือกรรมสิทธิ์เป็นรถที่มีการสวมทะเบียนปลอมต้องอายัดตรวจสอบ
�ตอนนั้นตกใจ ทำอะไรไม่ถูกทั้งๆ ที่ช่ำชองในวงการ ก่อนการซื้อขายรถจะตรวจสอบอย่างละเอียดก็ยังพลาด ซึ่งตนได้แสดงความรับผิดชอบโดยจัดการหารถเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่นเดียวกันที่มีอยู่ในเต็นท์ให้ลูกค้าไปใช้ฟรี�นายภาวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า สรุปแล้วในเต็นท์เจอไป 3 คัน ต้องอายัดรอตรวจสอบทำให้ตนตัดสินใจทุ่มเทเวลาศึกษาสาวปมหาต้นตอที่มาของแหล่งสวมทะเบียนปลอม จนทราบว่ารถทั้งหมดไม่ได้มีการสั่งและจำหน่ายในไทยแต่เป็นรถจากสิงคโปร์ เอกสารตรวจสอบย้อนไปอีกยังพบว่า มีการแจ้งย้ายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อขอไปใช้ทะเบียนที่จังหวัดอื่น จากนั้นจะนำรถที่นำเข้ามาสวมทะเบียนแจ้งย้ายไปที่ขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนออกสมุดคู่มือจดทะเบียน เมื่อได้ทะเบียนแล้วก็โอนย้ายไปที่อื่นๆ หลายแห่ง ก่อนจะนำมาจำหน่ายที่เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งตนรับซื้อเข้าไปเต็มๆ โดยไม่ทราบว่าคู่มือดังกล่าวเป็นของปลอม เพราะเหมือนมาก
�เป็นเอกสารที่ชวนให้สงสัยว่า ถ้าไม่ใช่คนในแล้วจะทำได้แนบเนียนไม่ต่างจากของจริงเลยได้อย่างไร ซึ่งตนได้ทำเรื่องขอความกระจ่างในกรณีนี้จากกรมการขนส่งทางบก ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายไปด้วย สุดท้ายแล้วคำสั่งกรม ที่239/1/2549 มีรายละเอียดชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสภาพดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง ในการตรวจ แต่ละวันมีรถเป็นจำนวนมากอาจไม่ละเอียดถี่ถ้วน พฤติการณ์ดังกล่าวไม่ร้ายแรง แต่ตนเสียหายหลายล้านบาท ไม่รวมกลุ่มค้ารถรายอื่นๆ ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการฟอกรถ สวมทะเบียนปลอมอีกเท่าไหร่ แต่เจ้าหน้าที่ได้รับโทษตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 3 เดือน�
นายภาวิต ยังชี้แจงต่อว่า รถในเชียงใหม่เจอกรณีในลักษณะนี้ประมาณ 20 คัน มูลค่ามหาศาล หลังจากที่ตนเจอไป 3 คัน แล้วได้ทำเรื่องร้องขอรถทั้ง 3 เก็บไว้ดูแลเอง เกรงว่ารถทั้ง 3 ที่นำไปตรวจสอบนั้น อาจดูแลไม่ดีจากผู้รับผิดชอบ รถมีราคาแพงด้วยและเราก็ทราบๆ กันว่า บางทีรถยังมีการถูกใช้งาน ซึ่งไม่เข้าใจว่ามีช่องว่างอะไรที่สามารถนำรถเหล่านั้นไปใช้งานได้ บางคันราคาแพงมาก ซึ่งตนก็ได้รับความกรุณาจากผู้เกี่ยวข้องให้นำรถมาดูแล และรถทะเบียน กข-8009 ลำพูน ก็ให้รองวรชัย อุตมชัย รองผู้ว่าฯ เชียงราย ใช้งานในพื้นที่เชียงราย
ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้นทางพนักงานสอบสวนกำลังอยู่ในระหว่างการติดตาม น.ส.กัญญาวัชร และนางจันทร์เพ็ญ ซึ่งทราบเบื้องต้นว่า เป็นผู้ร่วมขบวนการ มีการออกหมายจับไปแล้วสำหรับประเด็นการตรวจยึดรถโดยอ้างว่า สวมทะเบียนปลอมนั้นจะมาดำเนินการกับเจ้าของเต็นท์ ผู้รับซื้อไม่ได้ เพราะมีการโอนอย่างถูกต้องที่สำนักงานขนส่งจังหวัดลำพูน การยึดรถจะกล่าวว่ารับซื้อของโจรคงไม่ได้ เนื่องจากเราประชาชนไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้เลยว่าสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์นั้นปลอมกันตั้งแต่จุดไหน แวดวงคนในกรมการขนส่งทางบกและกรมศุลกากร น่าจะมีข้อมูลเชิงลึกมากกว่าชาวบ้านแน่นอน
นายภาวิต กล่าวอีกว่า ได้ทำเรื่องเสนอไปยังอธิบดีกรมศุลกากร เรื่องขอให้พิจารณาทำลายรถยนต์ของกลาง เพราะตนเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเป็นอย่างมาก เงินหลายๆ ล้าน ไม่ใช่หามาได้ง่ายเลยในยุคสมัยนี้ ความเสียหายจากขบวนการฟอกรถซึ่งเป็นผู้ลักลอบหนีภาษีศุลกากร สร้างเอกสารหลักฐานเท็จนำไปหลอกล่อขาย สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ไม่มีความชำนาญเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้
การโจรกรรมรถมาแล้วเมื่อถูกจับยึดไว้ ทางสายสืบและเจ้าหน้าที่จะได้สินไหมค่าตอบแทนจากรางวัลนำจับประมาณ 30% เมื่อรถเหล่านั้นรวมกันมากๆ ก็จะทยอยนำออกมาประมูล ราคาต่ำกว่าที่ขายตามเต็นท์ ผู้ที่ประมูลได้ก็จะนำไปดำเนินการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เป็นวิธีการที่สร้างรายได้ให้ขบวนการนี้อย่างมหาศาล จนเกิดเหตุการณ์ทุบทำลายรถยนต์เฟอร์รารี่ทิ้ง ราคา 30-40 ล้านบาท
�ตนซื้อขายตามราคาตลาด บวกลบต้นทุนดำเนินการในธุรกิจตามมาตรฐานวงการ ไม่เคยเข้าไปต่อสู้กันในการประมูล จึงไม่มีสิทธิ์ซื้อรถมาในราคาถูกนำมาขายต่อในราคาที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นเมื่อรถที่รับเข้าเต็นท์ 3 คัน มีปัญหา ความเสียหายจึงมากมากหลายล้าน เป็นต้นทุนที่เสียค่าโง่ที่แพงเกินไป�
การตัดตอนขบวนการเหล่านี้ด้วยการทุบทำลายทิ้งตนเห็นด้วยอย่างมาก เป็นอีกแนวทางการตัดตอนขบวน การโจรกรรมรถ ขบวนการฟอกรถที่ได้ผลเกินคาด หากเรานำมาขายทอดตลาด มีการประมูล ขบวนการนี้ก็จะไม่สิ้นสุดในฐานะผู้เสียหาย ขอเรียนเสนอไปยังอธิบดีกรมศุลกากร ซึ่งสามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามมาตรา 15(1) ที่กำหนดให้อธิบดีสามารถจำหน่ายหรือดำเนินการกับรถของกลางได้ ทางออกที่เหมาะสมจากการที่ตนได้ส่งมอบรถยนต์ของกลางให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อนำส่งต่อกรมศุลกากรดำเนินการต่อไปนั้น หากจะมอบให้สถานศึกษา
นำไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมเครื่องยนต์ ในส่วนของเบนซ์ ไม่แน่ใจว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เราเข้าถึงการเรียนรู้โดยมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ อาจจะได้ผลในแง่การเปิดโลกทางการศึกษา เป็นวิธีการที่เหมาะสมเช่นกัน แต่ในแนวทางการทุบทำลายทิ้ง ก็น่าจะเป็นอีกวิธีการที่ถือปฏิบัติกับรถยนต์ของกลางจะเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ขบวนการฟอกรถขยายวงกว้างได้ ซึ่งรถที่ส่งมอบไปทั้ง 2 คันนั้น จะเป็นรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่น 230 อี สีเทา หมายเลขตัวรถ WDB 210037 2 A 173809 หมายเลขเครื่องยนต์ 11197002 037969 และอีกคัน 230 อี สีน้ำเงิน หมายเลขตัวรถ WDB 210037 2 A 240863 หมายเลขเครื่องยนต์ 1197002 050730
อย่างไรก็ตาม ความเป็นมืออาชีพของขบวนการฟอกรถ ขนาดใช้ไฟลบตัวเลขเครื่องและตัวถัง ทางเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการก็ยังยืนยันว่าต้องใช้น้ำยาคุณสมบัติพิเศษตรวจสอบ การสวมซากรถ การแจ้งโอนย้ายสลับไปมาหลายจังหวัด ถ้าไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้ชำนาญพิเศษในกรณีนี้โดยเฉพาะไม่มีทางรู้เลย ปัจจุบันมีรถในข่ายนี้หลายร้อยคัน เฉพาะเชียงใหม่มีหลายสิบคัน ที่มาจากแหล่งเดียวกันคือ จากอยุธยา และที่เชียงรายก็เยอะ
นายภาวิต ยืนยันว่า หากไม่เร่งแก้ไขดำเนินการจัดการต้นตอของปัญหา ก็จะมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อรอคิวอีกมาก และไม่เป็นการยุติธรรมเลยที่กลุ่มผู้ค้ารถมือสองที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องมาเสียหายกับเรื่องพวกนี้ เงินทองที่เสียไป ยังสามารถหามาได้ แต่เครดิตชื่อเสียงที่สั่งสมกันมาในวงการย่อยยับไปเลย ขนาดเจ้าหน้าที่ยังกล่าวว่า ต้องผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นจะตรวจสอบแยกแยะของจริงของปลอมได้ แล้วคนธรรมดาจะไปทราบว่าอะไรจริงหรือปลอมได้อย่างไร ดังนั้นตนจึงยื่นฟ้องทั้งผู้ร่วมขบวนการที่นำรถมาขายตนทำให้เสียหาย และทางสำนักงานขนส่ง พระนครศรีอยุธยาและกรมการขนส่งทางบกเรียกร้องค่าเสียหาย 20 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมาย ดร.พงศ์ สุภาวสิทธิ์ ยื่นฟ้องไปแล้ว
ข่าวจาก เชียงใหม่นิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|