• วิตกนักเรียน-นศ.ค้าประเวณีผ่านอินเตอร์เน็ต |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 26 ธ.ค. 50 เวลา 15:22:36 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ปดส.เตรียมเข้มปัญหาค้าประเวณีผ่านอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มสูงน่าวิตก มีทั้งเด็ก นร.-นศ.ทำจริงและนักค้ากามอาศัยไฮเทคเข้าระบบเพิ่มช่องทาง ระบุโทษไม่หนักจึงไม่เกรงทำให้สถานการณ์พุ่งน่าวิตกเพราะเด็กค่านิยมเปลี่ยนชูเงินเป็นพระเจ้า
ทางพล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี หรือ ปดส.ได้เปิดเผยระหว่างร่วมรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกันเชียงใหม่ทางคลื่น FM100 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้ว่า ปัญหาเรื่องการค้าประเวณีทางอินเตอร์เน็ทเป็นเรื่องน่าห่วงมากขึ้นทุกขณะ โดยขณะนี้ ปดส.กำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนซึ่งอ้างตัวเป็นนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันชื่อดังต่างๆ เขียนข้อความเชิญชวนลูกค้าซื้อประเวณีผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยจะ ชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ อีเมลแอดเดรสไว้ตามเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยตอนนี้ ปดส.ได้ร่วมมือกับตำรวจสันติบาล ตรวจสอบการค้าประเวณีผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันก็ยอมรับว่า มีข้อความต่างๆออกมามากมายและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนน่าเป็นห่วงสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคไซเบอร์
อย่างไรก็ตามจากการที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบว่า ข้อความที่ลงตามเว็บไซต์ต่างๆนั้น มีทั้งที่ค้าประเวณีจริงๆ โดยกลุ่มเยาวชนและกลุ่มบุคคลที่ต้องการกลั่นแกล้งคนอื่น และผู้หญิงที่ยึดอาชีพค้าประเวณีเดิมก็มีเข้ามาโพสต์ข้อความไว้พร้อมแอบอ้างเป็นนักศึกษาเพื่อโก่งค่าตัวก็มี ซึ่งต่อไปตำรวจ ปดส.จะทำการ ล่อซื้อ เพื่อป้องปรามและหยุดกระบวนการดังกล่าวให้ลดลงต่อไป
ผบก.ปดส.กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ค่านิยมของกลุ่มเยาวชนไทยส่วนใหญ่เห็นเงินเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิต ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่จะนำพากลุ่มเยาวชนทั้งที่รู้ว่าทำผิดให้หลงเข้าไปเดินในเส้นทางนี้ได้ง่ายมากขึ้น ปัจจุบันจะเห็นเด็กและเยาวชนหลงใหลโทรศัพท์มือถือ ของใช้แบรนด์เนม การแต่งตัวตามเทรนด์และการเที่ยวกลางคืนมากขึ้น นี้คือต้นเหตุที่ทำให้ตัดสินใจเข้าสู่วงจรอุบาทว์ ได้ง่ายขึ้น ยิ่งหลงกับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากเท่าใดก็ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นเยาวชนเหล่านี้ไม่มีงานทำเมื่ออยากได้เงินมาใช้ก็ต้องเอาตัวเข้าแลกหรือทำสิ่งที่อยากได้มาซึ่งเงิน เช่น ทำผิดกฎหมาย ขายยาเสพติด หรือขายประเวณี ซึ่งก็มีทั้งหญิงและชายด้วย
ผู้บังคับการ ปดส.กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันพัฒนาการการค้าประเวณีผ่านช่องทางการสื่อสารแบบใหม่ได้มีการพัฒนาการเป็นขบวนการมากขึ้น โดยบางคนจะมี เอเย่นต์เป็นตัวกลางในการ “ขายบริการทางเพศ” ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากนั้นมีการติดต่อสื่อสารผ่านอีเมลก่อนที่จะให้โทรศัพท์ของผู้ค้าประเวณีเจรจาตกลงค่าใช้บริการ โดยผู้ซื้อกับผู้ขายจะตกลงหาสถานที่ในการใช้บริการกันเอง วิธีการเช่นนี้เริ่มมีมากขึ้นเมื่อบริการอินเทอร์เน็ตแพร่ขยายออกไป ขณะที่ ปดส.ซึ่งเป็นผู้ดูแลกฎหมายก็พยายามที่จะป้องปรามต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่า ทำได้ยากมากเพราะเรื่องอย่างนี้เป็นการ สมยอม ของทั้งสองฝ่าย วิธีเดียวที่ตำรวจจะเข้าไปจัดการได้ก็คือการล่อซื้อเท่านั้นน่าจะได้ผลที่สุด
ผู้ค้าประเวณีบางคนเมื่อรู้ว่าเป็นสายตำรวจจะไม่ยุ่งเลย บางคนก็ติดกับแต่พอจับมาแล้วสอบสวนพบว่า ทำคนเดียวไม่เป็นขบวนการ เจ้าหน้าที่ก็ทำได้แค่ปรับไม่กี่ร้อยบาทแล้วปล่อยตัวไป จากนั้นก็ไปใช้เบอร์อีเมลใหม่ เบอร์โทรศัพท์ใหม่ แล้วหาลูกค้าใหม่ไปเรื่อยๆ จนไม่กลัวโทษที่มีเพราะมีเงินจ่ายค่าปรับ เป็นต้น ซึ่งน่าห่วงอย่างมากสำหรับเด็กที่หลงผิดไปและส่วนมากก็มีปัญหาครอบครัวหรือบางรายไม่มีแต่ทำตัวให้โดดเด่นเรียกร้องความสนใจ บางคนมีอันจะกินรวยอยู่แล้วก็ทำ จึงเป็นค่านิยมที่น่าวิตกหากไม่เร่งแก้ไขสร้างความเข้าใจผู้เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้จากผลการสืบสวนของ ปดส.พบว่า มีนักเรียน นักศึกษาบางคนหาลำไพ่พิเศษโดยการค้าประเวณีจริงและมีเพิ่มขึ้นด้วยเพราะมีพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทุกกระทรวงทบวงกรมจะต้องหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง สำหรับผู้ลงข้อความขายบริการทางเพศ จะเข้าข่ายผิด พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 1 ที่ห้ามการโฆษณา รับโฆษณา ชักชวนหรือแนะนำด้วยเอกสาร สิ่งพิมพ์หรือกระทำให้แพร่หลายด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน ในลักษณะที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องหรือการติดต่อเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่นโดยมีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ถ้าเป็นเรื่องของการโฆษณาคงต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายทั่วไปอีกฉบับคือกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายฉบับนั้นได้ห้ามการโฆษณาที่ขัดกับศีลธรรมอันดีเอาไว้เช่นกัน ซึ่งคณะกรรมการการโฆษณาก็เคยวินิจฉัยไว้ว่า การโฆษณาขายบริการทางเพศทางหนังสือพิมพ์กีฬาบางฉบับ ผิดกฎหมาย ซึ่งคงเทียบเคียงกับกรณีนี้ได้ โดยตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ถ้าคณะกรรมการโฆษณาเขาตรวจพบหรือมีผู้ร้องเรียนว่ามีการโฆษณาที่มิชอบ คณะกรรมการก็สั่งให้มีการแก้ไขหรือห้ามการโฆษณาได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามที่คณะกรรมการสั่งก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท ซึ่งความจริงแล้ว กฎหมายเอาผิดการลงข้อความขายบริการทางเพศทางอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งต้องอาศัยการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพ และประชาชนก็ควรจะเป็นหูเป็นตาเพื่อทำให้การค้าประเวณีลดลง.
ที่มา ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 4260 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 26 ธ.ค. 50
เวลา 15:22:36
|