กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เขต 1 เชียงใหม่เตือนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมปี 51 เตรียมรับมือผลผลิกระเทียมล้นตลาด-ราคาถูก สาเหตุเกษตรกรปลูกจำนวนมาก ขณะที่กระเทียมจากจีน ทะลักเข้าไทย หลังทำสัญญา FTA เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 8 ม.ค.2551 ที่ห้องประชุมศาลากลางเชียงใหม่ นายภานุ ชุ่มใจ นักสถิติ 7 ว สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เขต 1 เชียงใหม่ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดแถลงข่าวถึงปัญหากระเทียมปี พ.ศ.2550 และ พ.ศ 2551 นี้ว่า สถานการณ์การผลิตกระเทียม ปี พ.ศ.2551 ผลผลิตกระเทียมของจ.เชียงใหม่
จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว สาเหตุเนื่องจากราคากระเทียมสดในปีเพาะปลูกที่ผ่านมามีราคาสูง โดยราคากระเทียมสดชนิดคละที่เกษตรกรขายได้ในปี พ.ศ.2549 ถึงปี 2550 ราคาเฉลี่ยวกิโลกรัมละ 11.52 บาท เมื่อเทียบกับกิโลกรมละ 9.53 บาท ในปี พ.ศ.2548 ปี 2549 เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1.99 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20.88 ประกอบกับการที่ราคากระเทียมแห้งในช่วงปลายปี พ.ศ. 2550 มีระดับอ่อนตัวลงทำให้พ่อค้าระบายกระเทียมคงค้างในสต๊อกบางส่วนออกจำหน่ายเพื่อให้เกษตรกรใช้ทำพันธุ์ในราคาต่ำ จึงสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิตมากขึ้นในปีนี้ โดยการเพิ่มการผลิตจะมาจากการขยายเนื้อที่เพาะปลูกโดยเฉพาะในแหล่งผลิตที่สำคัญของจังหวัด เช่น อ.ฝาง อ.แม่อาย อ.ไชยปราการและอ.ดอยสะเก็ด
ในปี พ.ศ. 2550-2551 จ.เชียงใหม่ มีเนื้อที่ปลูกกระเทียม ประมาณ 26,361 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 23,051 ไร่ คือเพิ่มขึ้นจำนวน 3,310 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.36 ไร่ และผลผลิตในปี พ.ศ.2550-2551 จะมีประมาณ 30,910 ตัน เปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่มีประมาณ 26,739 ตัน ผลผลิตเพิ่มขึ้นจำนวน 4,171 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.60
แนวโน้มการตลาดและราคากระเทียม ปีเพาะปลูก ปี พ.ศ.2550-2551 จากการที่ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นและประกอบกับในช่วงปีที่ผ่านมาพ่อค้ากระเทียมบางส่วน ประสบปัญหาการขาดทุนจากระดับราคาตกต่ำในช่วงปลายปี จึงคาดว่า ในปี พ.ศ.2550 และ ปี พ.ศ.2551 ราคากระเทียมสดในช่วงต้นฤดูจะมีระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมาและจะสร้างผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นแหล่งผลิต เช่น ลำพูน พะเยาและเชียงราย
นายภานุ กล่าวอีกว่า นโยบายและมาตรการภาครัฐในอดีตปัญหาราคากระเทียมตกต่ำเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดในปี พ.ศ. 2547 และปี พ.ศ.2548 ได้เกิดปัญหาราคากระเทียมตกต่ำและเกษตรกรได้ร้องเรียนให้รัฐเข้ามาดำเนินการแก้ไขกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ จึงได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหากระเทียมทั้งระบบ และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2548 และวันที่ 7 มิ.ย. 2549 เห็นชอบตามมาตรการแทรงแซงตลาดกระเทียมทั้งระบบดังกล่าว โดยอนุมัติเงินให้จ.แม่ฮ่องสอน 270 ล้านบาท
เชียงใหม่ 436 ล้านบาท ลำพูน 41 ล้านบาท เชียงราย 20 ล้านบาท และพะเยา 29 ล้านบาท เพื่อนำไปดำเนินการ ทั้งนี้โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ คือ ให้ดำเนินการแทรงแซงรับซื้อกระเทียมแห้งจากเกษตรกร และมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกกระเทียมที่ไม่ให้เกษตรกรนำพื้นที่กลับมาปลูกกระเทียมอีกตลาดไป ถ้ากลับมาปลูกอีกโดยใช้พื้นที่เดิมจะต้องคืนเงินชดเชยที่ได้ไปแล้ว และหลังจากปี 2548 กระทรวงเกษตรฯ จะไม่มีนโยบายในการแทรงแซงตลาดอีกต่อไป
นักสถิติ 7 ว สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เขต 1 เชียงใหม่ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยอีกว่า ผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ในจ.เชียงใหม่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการและได้รับเงินชดเชยทั้งสิ้น 1,007 ราย พื้นที่ลด 4,425 ไร่ 2 งาน 81 ตารางวา จำนวนเงินชดเชย 53,032,791 บาท หลังจากที่มีการลดพื้นที่ปลูกกระเทียมได้ส่งผลให้ราคากระเทียมที่เกษตรกรขายได้ในช่วงปี พ.ศ. 2549-2550 มีระดับสูงขึ้นมากจนเป็นเหตุจูงใจให้ในปี พ.ศ.2550-2551 นี้ เกษตรกรหันกลับมาปลูกกระเทียมอีกและมีแนวโน้มว่าปัญหาราคากระเทียมตกต่ำจะหวนกลับมาอีกครั้ง
ประกอบกับปี พ.ศ.25490 ไทยได้ทำ เอฟทีเอ กับประเทศจีน กระเทียมจีนเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจำนวนมากถึง 19,425 ตันถือว่ามากประมาณครึ่งหนึ่งของกระเทียมไทยทางภาคเหนือในปีเดียวกัน จึงเตือนเกษตรกรเตรียมรับมือปัญหากกระเทียมราคาตกต่ำและจะล้นตลาด ซึ่งทางเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ก็จะลงพื้นในต้นปี พ.ศ.2550 นี้เพื่อรับทราบปัญหาของเกษตรกรและตรวจสอบยอดผู้ปลูกกระเทียมเพื่อหาแนวทางป้องกันต่อไป
ข่าวจาก เชียงใหม่นิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|