| • ชาวบ้านผวาอาเพศยอดพระธาตุหักโค่น |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 03 มี.ค. 51 เวลา 11:50:36 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
|
|
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มี.ค. พระครูปลัดประมวลปัญญาวโร พระเลขาธิการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมามีลมพัดกรรโชกแรงภายในวัด ทำให้ยอดฉัตรของพระธาตุบริวารขององค์พระธาตุศรีจอมทองอายุกว่า 300 ปี หักโค่นลงมา นอกจากนี้หัวนาคบานลมด้านขวาของวิหารใหญ่ก็หักลงมาด้วย ทำให้ชาวบ้านแตกตื่น และผวาว่าจะเกิดเหตุอาเพศขึ้นในพื้นที่
สำหรับยอดฉัตรขององค์พระธาตุบริวารที่หักโค่นลงมามีขนาดยาวเกือบ 1 เมตร
มีฐานเป็นปูนปลายเป็นไม้เก่าแก่ ส่วนตัวฉัตรเป็นทองเหลืองล้อมรอบ ซึ่งทางวัดโดยพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าอาวาส ได้ให้ทางช่างศิลป์ผู้มีความรู้ความสามารถมาตรวจดูเพื่อที่จะทำการซ่อมแซมแล้ว โดยหลังจากบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุเสร็จก็จะทำบุญตามพิธีกรรมทางศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ และทำพิธีขอขมาลาโทษตามแบบล้านนาด้วย เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เกิดความสบายใจเพราะพระธาตุศรีจอมทอง และพระธาตุบริวารด้านข้าง เป็นที่เคารพสักการะของคนในพื้นที่ อ.จอมทองและอำเภอใกล้เคียงอย่างมาก และถือเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของ จ.เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506
ที่ตั้งเป็นเนินดินสูงประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรมในสมัยหลัง พุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่
นอกจากนี้พระธาตุศรีจอมทองซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดปีชวดหรือปีหนู ตามราศี 12 นักษัตร
เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุ คือพระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณเมล็ดข้าวโพด สันฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือนดอกบวบ หรือสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 218 ปัจจุบันพระธาตุถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 5 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายพระเจดีย์กว้าง 4 เมตร สูง 8 เมตร ตามประวัติสร้างขึ้นโดย พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือพระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มังราย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2060.
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1369 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 มี.ค. 51
เวลา 11:50:36
|
