• หนุ่มกู้ภัยหึงอำมหิตบุกฆ่าข่มขืน พยาบาลสาว |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 05 ก.ย. 51 เวลา 22:38:54 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
หนุ่มกู้ภัยหึงโหด หลังคบหาพยาบาลสาว ทะเลาะมีปากเสียง ถึงขั้นตบตีกันมาตลอด จนฝ่ายหญิงแจ้งตำรวจขอดำเนินคดียังตามราวีไม่เลิก บุกมาหาถึงห้องพัก ทะเลาะรุนแรง ปล้ำขืนใจจนสำเร็จความใคร่ แล้วลงมือฆ่า เพื่อนๆมาเรียกไปเข้าเวรเจอศพ แจ้งตำรวจ ตามรวบตัวได้ นำตัวสอบสวนสารภาพ ก่อนคุมตัวดำเนินคดี และทำแผนประกอบคำสารภาพชาวบ้าน และญาติรุมประชาทัณฑ์อ่วม
เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 4 ก.ย.นี้ พ.ต.ท.พิเชษฐ์พงศ์ ธนาบูรณศักดิ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองอุตรดิตถ์ รับแจ้ง มีเหตุคนฆ่ากันตาย เหตุเกิดที่หอพักพยาบาล หลังโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และไปสอบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.สมพงษ์ เรือง-ประไพ ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.ท.สาฑิตย์ ศรีหมื่นไวย์ รอง ผกก.ปป.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.ต.จตุรนต์ ปัจฉิม สว.สส. พ.ต.ต. สมเกียรติ เสวกมหารี นักวิทยาศาสตร์ (สบ.2) รักษาราชการแทน หน.วท.จว.อุตรดิตถ์ และแพทย์เวรประจำโรงพยาบาลอุตรดิตถ์
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นหอพักพยาบาล โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ชั้น 3 ในห้องพักไม่มีเลขที่ อยู่ด้านทิศเหนือริมในสุดพบศพ น.ส.วัชรี แก้วทองมา อายุ 32 ปี ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ระดับ 6 ช่วยฉุกเฉิน และพยาบาลกู้ชีพ ตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ อยู่บ้านเลขที่ 818 ถนนเขาน้ำตก ชุมชนคอกช้าง เทศบาลตำบลศรีพนมมาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนในชุดเสื้อยืดสายเดี่ยวสีขาวลายดอกไม้สีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงิน โดยมีผ้านวมห่ม ตั้งแต่ปลายท้ายปิดถึงคอ ไม่สวมเสื้อชั้นใน สภาพศพแข็งใบหน้าเขียวคล้ำคาดว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ ร่องรอยการต่อสู้ และพบคราบอสุจิเปรอะเปื้อนบนที่นอน และที่อวัยวะเพศของผู้ตาย นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า สร้อยคอหนัก 2 บาทจำนวน 1 เส้น ที่ผู้ตายสวมใส่อยู่ประจำ และโทรศัพท์มือถือหายไปด้วย
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายอาศัยอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อนพยาบาลด้วยกันมาตามให้ไปเข้าเวร ซึ่งจะต้องมีการผลัดเวรในเวลา 24.00 น. แต่ปรากฏว่าโทรศัพท์ติดต่อเข้ามือถือ และที่ห้องพักแล้วไม่มีใครรับสาย คิดว่า ผู้ตายนอนยังไม่ตื่น เพื่อนพยาบาลด้วยกันจึงไปตามที่ตึกพบเห็นห้องมืดสนิท ประตูห้องถูกล็อคจากข้างนอก เคาะเรียกตั้งนานก็ไม่มีเสียงตอบออกมา จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์กู้ชีพมาทำการตรวจสอบ ด้วยการถอดบานเกล็ดออกแล้วเอื้อมมือไปบิดกลอน ประตู แล้วเปิดประตูเข้าไปเมื่อเปิดไฟก็พบว่า น.ส.วัชรีนอนเสียชีวิตอยู่ จึงแจ้งให้หัวหน้าตึกได้รับทราบ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา
จากการสืบสวนในเชิงลึกทราบว่า ผู้ตายได้คบหากับ นายสถาพร เพ็งถา อายุ 25 ปี อดีตเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้จังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ได้ลาออกไปแล้วประมาณ 2 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/2 หมู่ ต.น้ำริด อ.เมืองอุตรดิตถ์ และได้คบหากันเป็นแฟนมานานเกือบ 1 ปี ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ในช่วงระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยครั้งเนื่องจากฝ่ายชายหึงหวง และถึงขั้นตบตีกันเป็นประจำ จนเป็นเหตุให้ผู้ตายต้องไปแจ้งความในข้อหาบุกรุก และขโมยทรัพย์สิน ซึ่งเรื่องยังคาราคาซังอยู่ที่โรงพัก สภ.เมืองอุตรดิตถ์ถึง 3 คดี
และก่อนที่ผู้ตายจะถูกฆ่า มีคนพบเห็นแฟนของผู้ตายได้แวะเข้ามาหาที่ห้องพักในช่วงตอนบ่าย และเย็นของวันที่ 3 กันยายน และได้ตะโกนเรียกผู้ตายให้เปิดห้องออกมาคุยกันแต่ผู้ตายก็ไม่เปิด จากนั้น นายสถาพร ก็ได้เดินลัดเลาะไปทางด้านหลังของตึก ซึ่งเป็นระเบียงตั้งแต่ชั้นที่ 1 ไปจนถึงชั้นที่ 3 และพบว่ามีเสียงต่อสู้กันและตบตีกัน พยานที่พบเห็นก็คิดว่า เป็นเรื่องการทะเลาะกันธรรมดา ซึ่งเป็นอยู่ประจำ จึงไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว จนมาพบ น.ส.วัชรีเป็นศพ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ติดตามตัว นายสถาพรได้ที่บ้านพักมาสอบปากคำเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ก็ให้การรับสารภาพว่า ได้ไปพบกับ น.ส.วัชรี ที่ห้องพัก และมีปากเสียงกัน เนื่องจากโมโหที่แฟนสาวไปแจ้งความดำเนินคดีถึง 2-3 ครั้งที่โรงพักเมืองอุตรดิตถ์ จึงได้ตบตีผู้ตาย พร้อมได้ใช้มือสองข้างบีบคอจนแน่นิ่งไปจากนั้นได้ใช้กุญแจล็อคประตูห้องพักด้านนอกไว้แล้วกลับบ้านพักของตนเองที่น้ำริด ก่อนออกจากห้องก็ได้ข่มขืนจนสำเร็จความใคร่แล้วนำเอาสร้อยคอทองคำและโทรศัพท์ของผู้ตายไปด้วย หลังสอบสวนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่จุดเกิดเหตุโดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นาย คอยให้การคุ้มกันในระหว่างการทำแผน แต่ปรากฏว่า มีมวลชนทั้งจากญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้ตาย จำนวนกว่า 100 คน ได้ตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และวิ่งกรูเข้าทำร้ายในระหว่างที่ได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจัดกำลังคุ้มกัน และรีบทำแผนจนเสร็จสิ้น จากนั้นก็รีบคุมตัวผู้ต้องหาออกมา ถูกชาวบ้านรุมเข้าประชาทัณฑ์อีกรอบ แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็นำตัวผู้ต้องหาออกมาได้ นำมาควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป.
ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 6056 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 05 ก.ย. 51
เวลา 22:38:54
|