ตำรวจสันทรายชิงนำตัวฆาตกรต่างด้าวหื่นทำ แผนประกอบคำสารภาพ ฉวย โอกาสช่วง กลุ่มนักศึกษาเข้าเรียน รีบนำตัวทำแผน ใช้กำลังตำรวจคุมตัวแน่นหนา ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เสร็จสิ้นโดยไม่มีเหตุรุนแรง พนักงานสอบสวน นำตัวขออำนาจศาลฝากขังแล้ว พร้อมสั่งตำรวจประกบ หวั่นชิงฆ่าตัวตาย ในขณะที่ บิดา-มารดา นักศึกษาสาวเคราะห์ร้าย เดินทางรับศพลูกแล้ว บรรยากาศเศร้าสลด เพื่อนร่วมสถาบันแห่อาลัย จัดพิธีทางศาสนาสูตรถอนดวงวิญญาณ เจ้าของหอพักที่ฆาตกรทำงานอยู่มอบเงินช่วยเหลือ 50,000 บาท พร้อมขอโทษ ส่วนไอ้หื่นอีกคน ตำรวจสอบประวัติพบ ร้ายสุดๆพฤติกรรมหื่นเป็นทุนเดิม สั่งพลิกแผ่นดินตามล่าตัวดำเนินคดี

จากกรณีฆาตกรชาวไทยใหญ่สัญชาติพม่า 2 คนคือ นายชัย หรือจายบึก อายุ 22 ปี และนายนุ้ย ชาวพม่า ซึ่งทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง ก่อเหตุบุกเข้างัดห้องพักหมายเลข 405 หอพักอัญชลี เลขที่ 158 หมู่ 9 ต.หนองหาร อ.สันทรายเชียงใหม่ และเข้าไปในห้องใช้หมอนกดทับใบหน้าของ น.ส.วิไลรัตน์ กุจะพันธ์ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 43 หมู่ 10 ต.เอราวัณ กิ่ง อ.เอราวัณ จ.เลย เป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี ปี 3 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่นอนหลับบนเตียงในห้องตามลำพังจนเสียชีวิต และลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่แล้วพากันหลบหนี และต่อมาตำรวจตามจับกุม นายชัย หรือจายบึก ได้ขณะเตรียมขึ้นรถโดยสารประจำทางหลบหนี บริเวณหน้าสถานีขนส่งเชียงใหม่อาเขต เหตุเกิดเมื่อตอนสาย วันที่ 8 ก.พ.นี้ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 10 ก.พ.นี้ พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบก.ภ.จว. เชียงใหม่ ร่วมกับ พ.ต.ท.คมเดช จันทร์มณี สารวัตรเวร สภ.สันทราย ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชป. จำนวน 60 นาย ควบคุมตัว นายชัย หรือจายบึก ออกจากห้องควบคุม สภ.สันทราย นำตัวไปทำแผนประกอบคำสารภาพ บริเวณห้องพักเกิดเหตุ โดยใช้เวลาทำแผนนานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น จากนั้นจึงรีบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถเดินทางกลับ สภ.สันทราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดเป็นความลับ เนื่องจากเกรงว่า หากข่าวแพร่ออกไปเกรงว่า เพื่อนๆนักศึกษาอาจจะแค้นมารุมทำร้ายผู้ต้องหาได้ จึงวางแผนรีบทำแผนในตอนสาย เนื่องจากเป็นช่วงที่กลุ่มนักศึกษาพากันเข้าเรียนหนังสือในห้องเรียน แต่ในช่วงที่ทำแผนใกล้เสร็จสิ้นนั้น มีกลุ่มนักศึกษามามุงดูประมาณ 200 คน แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

หลังการทำแผน พ.ต.ท.คมเดช จันทร์มณี เผยว่า ในตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ ( 10 ก.พ.) พนักงานสอบสวนจะนำตัว นายชัย หรือจายบึก ไปขออำนาจศาลฝากขัง และส่งตัวเข้าเรือนจำทันที ส่วนการดูแลผู้ต้องหา ได้มีการจัดกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจผลัดละ 2 นาย เข้าไปอยู่ปะปนกับผู้ต้องหาในห้องควบคุมอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่า ผู้ต้องหาจะชิงฆ่าตัวตาย เนื่องจากหลังถูกจับกุมผู้ต้องหามีอาการเครียด ส่วนนายนุ้ยผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนี ทางชุดสืบสวนกำลังล่าตัวอยู่คาดว่าจะวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

ส่วนการดำเนินการด้านศพของ น.ส.วิไลรัตน์ นักศึกษาสาวเคราะห์ร้ายรายนี้เมื่อ เวลา 11.00 น. วันที่ 9 ก.พ.นี้นายสุกัญญา กุจะพันธ์ อายุ 50 ปี และนางลำดวน กุจะพันธ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 10 ต.เอราวัณ อ.เอราวัณ จ.เลย พ่อแม่ของ น.ส.วิไลรัตน์ กุจะพันธ์ อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ถูก 2 แรงงานชาวไทยใหญ่ ข่มขืนฆ่าเสียชีวิตในห้องพักเมื่อวันที่ 8 ก.พ.52 โดยพ่อแม่และญาติของ น.ส.วิไลรัตน์ มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีเพื่อนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ส่วนหนึ่งมาเป็นกำลังใจ ก่อนเข้าไปดูหน้านายจายบึก ไม่มีนามสกุล อายุ 22 ปี ชาวไทยใหญ่ หนึ่งในสองผู้ต้องหา พร้อมกับต่อว่านายจายบึก จากนั้นพ่อกับแม่ของ น.ส.วิไลรัตน์ เดินทางไปขอรับศพลูกสาวที่ ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ นำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.เลย

ต่อมา เวลา 13.30 น. วันเดียวกัน พ่อแม่ของ น.ส.วิไลรัตน์ พร้อมด้วย ผู้บริหาร คณะอาจารย์ และเพื่อนนักศึกษาประมาณ 1,000 คน นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปมาทำพิธีสูตรถอนดวงวิญญาณของ น.ส.วิไลรัตน์ ที่หอพักเพื่อเรียกดวงวิญญาณให้กลับบ้าน

และในวันเดียวกัน ทางเจ้าของหอพักที่เกิดเหตุได้นำเงินสด 5,000 บาท มอบให้กับพ่อแม่ของผู้ตาย เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลศพ ขณะเดียวกันเจ้าของหอพักที่สร้างใหม่ด้านหลังหอพักที่เกิดเหตุในฐานะนายจ้างคนร้าย โดยนางกัลยา อภิชาติตรากุล อายุ 50 ปี มอบหมายให้นายสมศักดิ์ โอภาสเจริญวิทย์ ผู้ดูแลหอพัก เป็นตัวแทน นำเงินสด 10,000 บาท มามอบให้กับพ่อแม่ของผู้ตาย พร้อมกับกล่าวคำขอโทษที่ปล่อยให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน และจะโอนเงินเพิ่มอีก 40,000 บาทมอบให้อีกครั้งเพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดย นายสมศักดิ์ โอภาสเจริญวิทย์ ผู้ดูแลหอพัก เปิดเผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุผู้รับเหมาช่างทาสีรับเข้ามาทำงานเพียง 15 วัน โดยทำงานที่อาคารตึก 3 ชั้นด้านหลังหอพักที่เกิดเหตุ ปกติ นางกัลยา ไม่ให้นำแรงงานต่างด้าวมาทำงานอย่างเด็ดขาด กรณีของ นายจายบึก ถือว่าเป็นการรับคนที่ผิดพลาดของผู้รับเหมาไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน และต่อไปทางหอพักนางกัลยาก็จะจัดให้มี รปภ.ทุกอาคารนางกัลยารู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอมอบเงิน 50,000 บาท ให้กับพ่อแม่ของผู้ตายเพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทางด้าน นายสุกัญญา กุจะพันธ์ พ่อของ น.ส.วิไลรัตน์ เผยว่า รู้สึกเสียใจที่ลูกสาวถูกกระทำอย่างนี้ ตนมีลูกทั้งหมด 3 คน ผู้ตายเป็นคนสุดท้อง และเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นความหวังในความภูมิใจของพ่อแม่ เป็นคนดี ยังไม่มีแฟน และเป็นคนเรียบร้อย ที่ผ่านมาเคยอ่านข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคดีฆ่าข่มขืนคนจนเสียชีวิตมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเจอกับลูกสาวของตัวเอง

นายสุกัญญา กล่าวต่อว่า สองคนผัวเมียมีอาชีพทำไร่ทำนา หาเงินมาก็นำมาส่งเสียให้ลูกเรียน เพื่อให้เรียนจบออกมา ให้เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ ก่อนหน้านั้นน.ส.วิไลรัตน์เคยมีความฝันอยากจะเป็นครู แต่ครูนั้นมันหนักเกินไป เขาจึงมุ่งมั่นมาเรียนทางด้านบัญชี เมื่อจบปวส.ที่ จ.เลย จากนั้นก็มาเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สำหรับศพของน.ส.วิไลรัตน์จะนำศพไปบำเพ็ญกุศล ฌาปนกิจที่วัดเทพนิมิตรวราราม จ.เลย ส่วนจะเป็นวันไหนต้องปรึกษากับญาติก่อน

ทางด้าน นางลำดวน กุจะพันธ์ แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 7 ก.พ. ยังคุยโทรศัพท์กับลูกสาวคุยกันนานประมาณ 30 นาที และยังบอกว่า ช่วงปิดเทอมที่จะถึงก็จะกลับไปเที่ยวบ้านอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเขาเคยฝันไว้ว่า หากเรียนจบมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะไปทำงานต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือพ่อแม่ที่ทำไร่ทำนา จะไม่ให้พ่อแม่ต้องลำบากอีกต่อไปแต่ลูกต้องมาตายเสียก่อน

ขณะเดียวกัน นายอาคม กาญจนประโชติ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ฝ่ายพัฒนานักศึกษา เปิดเผยว่า การช่วยเหลือนักศึกษาที่เสียชีวิตทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น เราให้บริการเรื่องที่พักของพ่อแม่และญาติของผู้ตาย และตอนแรกเราได้แจ้งให้กับทางพ่อแม่ว่า ทางมหาวิทยาลัยพร้อมที่จะให้ทางพ่อแม่บำเพ็ญกุศลศพที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทางมหาวิทยาลัยพร้อมที่จะจัดการตามประเพณี แต่ผู้ปกครองต้องการที่จะนำศพลูกสาวกลับบ้าน ทางมหาวิทยาลัยจึงจัดรถไปส่งศพ และวันฌาปนกิจศพ ทางเพื่อนนักศึกษาและครูบาอาจารย์ก็จะเดินทางไปร่วมที่ จ.เลย และทางมหาวิทยาลัยมีการทำประกันชีวิตหมู่ให้กับนักศึกษาเป็นการประกันเรื่องอุบัติเหตุ ในวงเงิน 140,000 บาท แต่กรณีของน.ส.วิไลรัตน์ ทางบริษัทประกันทิพยประกันภัย จ่ายให้เป็นกรณีพิเศษเป็นการอนุโลมกันช่วยเหลือกัน และทางมหาวิทยาลัยประสานงานไปยังผู้ประกอบการหอพัก ที่ปล่อยให้คนงานต่างด้าวมาพักอาศัยมาทำงาน ทางผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะรับผิดชอบช่วยเหลือเรื่องเงิน และทางมหาวิทยาลัยยังได้ประสานงานกับทางตำรวจอย่างเต็มที่

ทางด้าน พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางตำรวจกำลังติดตามไล่ล่านายนุ้ย หรือนายทูน แรงงานต่างด้าวที่ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวอยู่ การติดตัวเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากแรงงานต่างด้าวนั้นจะไม่มีประวัติไม่มีทะเบียนการติดตามจึงยาก อย่างไรก็ตามได้จัดแบ่งกำลังไปตามจุดต่างๆ ที่นายนุ้ยเคยไปทำงานแล้ว พร้อมจะเสนอไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อให้มีการระดมกำลังกวาดล้างแรงงานต่างด้าวอย่างเด็ดขาดก่อนวันที่ 14 ก.พ.นี้ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการก่อเหตุอาชญากรรมต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทราบว่า นายจายบึก หรือ ชัย มีภรรยา 3 คน อยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน 1 คน ที่ ประตูเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 1 คน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 1 คน มีพี่สาวทำงานที่ร้านส้มตำอยู่หลัง สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ หลังเกิดเหตุผู้ต้องหารายนี้หลบหนีมาหาพี่สาวที่ร้านขายส้มตำ จากนั้นจะหลบหนีไปจ.แม่ฮ่องสอน แต่มาถูกจับกุมได้ที่หน้าธนาคารอาคารสงเคราะห์ ใกล้กับขนส่งอาเขต จ.เชียงใหม่ สำหรับมือถือของผู้ตายนั้น นายจายบึกเก็บไว้ใช้และเอามือถือของตัวเองให้กับนายนุ้ย หรือทูน ผู้ต้องหาอีกคน ที่ยังหลบหนีไปใช้

สำหรับนายนุ้ย หรือทูน เป็นชาวไทยใหญ่ ไม่มีหลักแหล่ง รูปพรรณไว้ผมรากไทร ผมหยักศก และทางตำรวจกำลังติดตามเพื่อนของนายนุ้ย คือ นายหมู กับนายปู มาสอบปากคำว่านายนุ้ย หรือนายทูน จะหลบหนีไปที่ไหนและตำรวจกำลังตามล่าตัวอยู่ในขณะนี้ สำหรับประวัติของนายนุ้ยถือเป็นบุคคลอันตราย ชอบขโมยทรัพย์สินตามหอพักหลายแห่งรวมทั้งหมู่บ้านจัดสรรด้วย

ส่วน นายชัย หรือจายบึก ถูกตำรวจนำตัวสอบสวนปากคำเมื่อตอนบ่ายวันที่ 9 ก.พ.ให้การว่า วันเกิดเหตุ นายนุ้ย มาหาที่พักคนงานก่อสร้างใกล้ห้องที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 7 ก.พ. และชักชวนไปดื่มเหล้า จากนั้นชักชวนให้ออกตระเวนลักทรัพย์ตามหอพัก ตนจึงพุ่งเป้าไปที่หอพักของผู้ตายก่อน จากนั้นพากันปีนรั้วเข้าหอพักจากด้านหลัง เดินเลาะมายังหน้าห้องผู้ตายที่อยู่ริมสุดของชั้นล่างติดรั้ว ก่อนจะถอดกระจกบานเกล็ดหน้าห้องออกและล้วงเข้าไปเปิดประตูจากด้านใน ขณะนั้นคิดว่าไม่มีใครอยู่ภายในห้องพัก แต่เมื่อเข้าไปในห้องกลับพบผู้ตายนอนหลับอยู่บนเตียง จึงช่วยกันปิดปากผู้ตายแล้วจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ จากนั้นช่วยกันปลุกปล้ำข่มขืน
นายจายบึก ให้การต่อว่า นายนุ้ยเป็นคนจับแขนและปิดปาก น.ส.วิไลรัตน์ แล้วให้ตนข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนแรก เมื่อสำเร็จแล้วก็สับเปลี่ยนกับนายนุ้ย เมื่อนายนุ้ยสำเร็จความใคร่แล้ว ปรากฏว่าผู้ตายได้แน่นิ่งไปและคาดว่าเสียชีวิตแล้ว จึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงหลบหนีไปด้วย หลังออกจากห้องกลับมาที่ห้องพักของคนงาน แบ่งทรัพย์สินคือโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นก็หลบหนีโดยไม่ได้ชำระล้างร่างกายแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 9 ก.พ.นี้ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายได้พากันมารวมตัวกันที่ สภ.สันทรายเชียงใหม่ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายอีกคนที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีโดยเร็ว.

ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน