จังหวัดเชียงใหม่ไม่ปิดวิทยุคลื่น 92.5 ระบุแค่อายัดอุปกรณ์ให้ออกอากาศปกติแต่ต้องเร่งหาของใหม่มาทำ พร้อมเรียกผู้บริหารวิทยุชุมชน 2 ขั้ว ถกหาแนวร่วมมือทำ 7 สัญญาลูกผู้ชาย ห้ามมีปลุกระดมและเชื่อมสัญญาณ ASTV-DTV หรือเครือข่าย นปช.เพื่อลดอุณหภูมิขัดแย้ง

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 20 เมษายน52 ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในการประชุมหลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงและเกี่ยวข้องร่วมกับผู้บริหารและดำเนินการวิทยุชุมชนที่สุ่มเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งในสังคม 5 แห่งหลัก ทั้งนี้เพื่อขอความร่วมมือในแนวทางดำเนินงานและทางออกของการลดปัญหาในช่วงนี้และให้บันทึกข้อตกลงร่วมกันในการที่จะยึดถือปฏิบัติ ตามแนวทางดังกล่าวร่วมกันและจะให้วิทยุชุมชนทั้งหมดกว่า 200 แห่งได้ถือปฏิบัติในทิศทางเดียวกันด้วย

ในการนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียง ใหม่ได้ย้ำว่าสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้มีความสุ่มเสี่ยงของการเกิดความขัดแย้งและนำไปสู่ความรุนแรงในสังคมได้ง่ายและอ่อนไหว ดังเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อแนวทางที่ดีในสังคมจึงได้เรียกประชุมและเชิญผู้ดำเนินการวิทยุชุมชนที่เป็นแกนลำคัญที่ออกอากาศในเชิงการระดมความเห็นทางการเมืองที่มีความชัดเจนคือ คลื่น 92.5 ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 คลื่น 89 ของกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนอกจากนี้ก็ยังมีเครือข่ายของกลุ่ม นปช.คือคลื่น 89.25 , 105.5 และ 89.5 ที่เปิดทับซ้อนจนเกิดปัญหาด้วย

ในที่ประชุมได้มีการทำความเข้าใจต่อสถานการณ์และต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขและลดอุณหภูมิทางขัดแย้งลง ซึ่งจากการหารือทุกฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกันในการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันที่จะปฏิบัติและทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติสุข โดยทำกับจังหวัดและทุกส่วนงานในด้านความมั่นคงเป็นสัญญาใจระหว่างกันซึ่งมี 7ข้อคือ 1. ผู้รับผิดชอบ ผู้ทั้งหมดของสถานีต้องไม่สื่อกระจายเสียงในทางที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน 2. ห้ามมิให้ออกอากาศที่มีเนื้อหาสาระก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจารหรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง

3. ไม่ยุยง ปลุกระดมให้แตกแยกหรือกระทำการใดในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดความเกลียดชังผู้อื่นผู้ใดหรือองค์กรใดรวมทั้งการกระทำใดที่เกิดความวุ่นวายหรือกระทบต่อสังคมโดยรวม 4. ไม่เชื่อมโยงสัญญาณวิทยุหรือโทรทัศน์ใดยกเว้นข่าวสารคดี(กรณี ASTV DTV และเครือข่ายที่มีการลิงค์กันปัจจุบัน) 5. ไม่ออกอากาศกล่าวโจมตีโต้ตอบระหว่างสถานีวิทยุด้วยกันเองของสองข้าง 6. ไม่กระทำการใดที่เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทให้ได้รับความเสียหายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่นและ 7. ในการโทรศัพท์ร่วมรายการห้ามมีการแสดงความเห็นทางการเมืองหรือยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง สังคมแตกแยก หากมีให้ผู้ดำเนินรายการตัดสัญญาณทันที ซึ่งทุกคนได้ร่วมลงนามกันและรองผู้ว่าได้เน้นย้ำว่า หากมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามก็จะใช้หลักนิติศาสตร์หรือกฎหมายมาดำเนินการอย่างเด็ดขาดจากนี้ไปทันที

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า กรณีวิทยุ 92.5 ที่เจ้าพนักงานอายัดอุปกรณ์ 5 รายการนั้น มีการเจราขอต่อรองเพื่อขอเปิดเพลงรักษาสภาพจะไม่มีการจัดรายการให้แสดงความเห็นยั่วยุและตามหลักต้องนำอุปกรณ์ใหม่มาดำเนินการ หากมีการทำให้ชำรุดเสียหายหรือมีเหตุให้เสื่อมก็มีความผิด ซึ่งปรึกษาอัยการแล้วว่าสามารถทำได้ และไม่ได้มีการปิดสถานีเนื่องจากไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ด้านความมั่นคงผู้ว่าฯ มีอำนาจดำเนินการดังที่ได้ปฏิบัติมา.

ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน