• แจ้งดำเนินคดีครูตุ่น รับเลี้ยงเด็ก 9 เดือนเสียชีวิต เชียงใหม่ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 24 พ.ค. 52 เวลา 21:33:02 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พ่อแม่รุดแจ้งตำรวจดำเนินคดีเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กหลังนำลูกชายวัย 9 เดือนไปฝากสถานรับเลี้ยง สุดท้ายทราบลูกถูกนำส่งสถานีอนามัยในสภาพ อาการร่อแร่ครูคนพาส่งอ้าง เด็กสำลักนม ก่อนเดินทางกลับ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ตรวจอาการ เห็นหนักเกินรับไหวส่งต่อ รพ.สุดท้ายแพทย์ ยื้อชีวิตไม่ทัน หนูน้อยสิ้นใจอนาถ ครูรับเลี้ยงเปิดปากสารภาพลื่นล้มตำรวจกำลังรอผลแพทย์ประกอบคดี
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 พ.ค.นี้ พ.ต.ท. ดรุน ทุ่นใจ สารวัตรเวร สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ รับแจ้งจาก นายนรินทร์ ไชยลังกา อายุ 33 ปี และนางญาฐลิภัทร ไชยลังกา อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ว่า ลูกชายของตนคือ ด.ช.รักสกุล ไชยลังกา หรือน้องเหนือ อายุ 9 เดือน เสียชีวิตอย่างปริศนา ที่สถานรับเลี้ยงเด็กไม่มีชื่อ เลขที่ 278 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี ซึ่งมี นางพิมพา ปัญญาแก้ว หรือครูตุ่น อายุ 44 ปี เป็นผู้รับเลี้ยงเด็ก ขอให้ไปชันสูตรหาสาเหตุด้วย
โดย นางญาฐลิภัทร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ นางพิมพา ได้มาติดต่อกับตน พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่า ได้เปิดสถานรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่อายุ 3 เดือนไปจนถึงระดับอนุบาล คิดราคาเดือนละ 2,500 บาท ซึ่ง นางพิมพา ได้ชักชวนให้ตนนำลูกไปฝากเลี้ยงตลอด ตนเห็นว่าเป็นราคาที่รับไหว และคิดจะออกไปหางานทำ เพราะสามีของตนทำงานที่อู่ซ่อมรถ ส่วนตนเป็นแม่บ้าน จึงอยากจะหาเงินช่วยครอบครัวอีกทาง จึงนำลูกไปฝากเลี้ยงที่บ้าน นางพิมพา เลี้ยงดู
กระทั่งเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ตนได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่า ลูกของตนถูกนำตัวส่งไปยังสถานีอนามัยยางเนิ้ง เป็นการด่วน โดยไม่ทราบสาเหตุ ตนทราบเช่นนั้น จึงรีบตามไปยังสถานีอนามัย ก็พบลูกของตนอยู่ในสภาพตัวเขียวหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่อนามัยบอกว่า นางพิมพา นำเด็กมาส่งเพียงแต่บอกว่าจู่ๆ เด็กก็สำลักนมหมดสติ จากนั้นขอตัวกลับไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก ทางสถานีอนามัยเห็นสภาพเด็กไม่ไหวแล้ว จึงได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสารภีเป็นการด่วน และทางโรงพยาบาลสารภี พยายามช่วยยื้อชีวิตเด็กแล้ว แต่ก็ไม่ทราบอาการแน่ชัด เพราะผู้ส่งเด็กมาที่สถานีอนามัย ไม่บอกสาเหตุที่แท้จริง ทางโรงพยาบาล จึงรีบส่งตัวน้องเหนือไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ทันที โดยนางญาฐลิภัทรและสามี ติดตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่า แพทย์ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า บริเวณท้ายทอยด้านขวาของเด็กบวม คล้ายถูกกระแทกจากของแข็ง แพทย์ใช้เครื่องช่วยหายใจช่วยเหลือ จนกระทั่ง วันที่ 20 พ.ค.นี้ เด็กก็เสียชีวิตลง และจากการผ่าตรวจพิสูจน์ของแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า มาจากเลือดออกใต้เนื้อหุ้มสมอง
นางญาฐลิภัทร กล่าวต่ออีกว่า ลูกชายของตนแข็งแรงปกติทุกอย่าง แต่ตอนที่ นางพิมพา นำลูกของตนไปส่งสถานีอนามัย กลับไปบอกเจ้าหน้าที่ว่า ลูกของตนสำลักนม และหมดสติ และยังไม่สนใจ เดินทางกลับสถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่พูดความจริงว่า เกิดอะไรขึ้น ทำให้แพทย์ต้องตรวจหาสาเหตุกว่า จะรู้ก็สายไปเสียแล้ว และตนนำ ศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านทาง นางพิมพา ก็มาร่วมทำบุญโดยซื้อข้าวสารมาให้ 1 กระสอบ พร้อมกับนำเงินสด 8,000 บาท มาให้กับญาติพี่น้อง และบอกกับตนว่า อย่าเอาเรื่องเลย เขาก็ไม่มีเงิน และกลัวเสียชื่อสถานรับเลี้ยงเด็ก หากเขาบอกกับแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ว่า เขาลื่นล้มในห้องน้ำ ขณะอุ้มลูกของตน แล้วศีรษะลูกของตนไปกระแทกกับขอบอ่างอาบน้ำ แพทย์จะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่กลับบิดเบือนความจริง และไม่ยอมดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้ลูกของตนเสียชีวิต ตนมาแจ้งความเพื่อขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับนางพิมพา ด้วย
ต่อมา พ.ต.ท.ดรุณได้เดินทางไปตรวจสอบที่สถานรับเลี้ยงเด็กของ นางพิมพา ตรวจสอบพบว่า บ้านของ นางพิมพา กำลังตกแต่งก่อสร้างบางส่วน และมีเด็กเล็กที่รับเลี้ยงดูไว้กว่า 10 คน นอนอยู่ห้องด้านหลัง โดย นางพิมพา ให้การว่า ตนเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กมาไม่กี่เดือน โดยมีผู้ปกครองนำลูกมาฝากเลี้ยงไว้ 10 กว่าราย สำหรับเด็กที่เสียชีวิต ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนเกิดเหตุตนอุ้มเด็กเข้าไปในห้องน้ำ ปรากฏว่า ตนเกิดลื่นล้มในห้องน้ำ และได้คว้าน้องเหนือไว้ทัน ตอนนั้นคิดว่า เด็กคงไม่เป็นอะไร กระทั่งต่อมาเด็กเริ่มตัวเขียว และไม่ได้สติ ตอนแรกคิดว่า คงจะสำลักนม หรืออะไรบางอย่าง จึงรีบนำตัวเด็กส่งสถานีอนามัยยางเนิ้ง ขณะที่อุ้มเด็กส่งสถานีอนามัย เด็กได้ปัสสาวะออกมาด้วย ทำให้ตนเปียกไปทั้งตัว จึงรีบกลับมาที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า มารู้อีกทีว่าเด็กถูกส่งไปรักษาต่อยัง รพ.สารภี และรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ กระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ตนรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สำหรับสถานเลี้ยงเด็กของตนเพิ่งเปิด และกำลังทำเรื่องขออนุญาต อย่างไรก็ตามเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ก็จะขอปิดชั่วคราวก่อนตั้งแต่ วันที่ 23 พ.ค.เป็นต้นไป
พ.ต.ท.ดรุณเปิดเผยว่า ตำรวจจะต้องไปสอบปากคำแพทย์ ที่ผ่าพิสูจน์ หาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งว่า กรณีเลือดออกใต้เนื้อหุ้มสมอง จนทำให้เสียชีวิตนั้น น่าจะเกิดจากอะไร หากพบว่า เกิดจากของแข็งหรือแรงกระแทกก็น่าเชื่อว่า เกิดจากการที่ นางพิมพา ลื่นล้มขณะอุ้มเด็ก และศีรษะเด็กไปฟาดกับของแข็งในห้องน้ำก็อาจจะเป็นได้ ซึ่งก็คงต้องดำเนินคดีทางอาญา ในข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต รวมทั้งเรื่องเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่มีใบอนุญาตอีกข้อหาหนึ่ง ซึ่งจะได้เชิญตัวมาสอบปากคำอีกครั้งและแจ้งข้อหาดำเนินคดีกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นางพิมพา บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 5 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ และมาปักหลัก เปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่บ้านเลขที่ 278 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เพียงไม่กี่เดือน และอ้างตัวเองเป็นครู ทั้งที่ไม่ได้เรียนมาแต่อย่างใด หรือเคยสอนที่ไหนมาก่อน สำหรับศพของน้องเหนือพ่อแม่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเลขที่ 306/1 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง และกำหนดฌาปนกิจศพวันที่ 24 พ.ค.2525.
ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3303 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 24 พ.ค. 52
เวลา 21:33:02
|