คนร้ายใช้ถุงคลุมศีรษะ มีดปาดคอ แทงมือ ขา ฆ่าโหดหนุ่มสันกำแพง ก่อนโยนศพทิ้งร่องน้ำ เจ้าหน้าที่คาดปมธุรกิจมืด-ชู้สาว ...
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 พ.ย. พ.ต.ท.มนตรี ยศบุตร พงส(สบ3) สภ.สันกำแพง เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุพบศพนอนคว่ำหน้าอยู่ในร่องน้ำข้างถนน วงแหวนรอบที่ 2 สายสันกำแพง-ดอยสะเก็ด-หมู่ 2 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกชัย พิมลศรี ผกก.พ.ต.ท.ศุภัช จันทรศัพท์ รอง.ผกก.สส. และ พ.ต.ท.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล นวท.(สบ2) พฐ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.ศุภชัย วังลัยคำ สว.สส. พ.ต.ท.กิจจา ศรีกันจา สว.ป. ร.ต.ท.ฤทธิเดช ทรัพย์ปั้น รอง.สว.จร.และชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง น.พ.ศิริพัฒน์ โอกระจาง แพทย์เวร รพ.สันกำแพง ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นร่องน้ำ พบศพชายทราบชื่อต่อมา นายอดุลย์ ทนุโวหาร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/2 หมู่ 10 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง สภาพศพสวมกางเกงในสีดำตัวเดียว มีกางเกงขายาวสีเขียวทหารกองอยู่ที่ปลายเท้า สวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยกันหนาวสีขาว มีถุงคลุมศีรษะ ที่ลำคอถูกของมีคมปาดหวิดขาด นอกจากนี้ยังพบบาดแผลถูกแทงที่ราวนมซ้าย ที่ขาทั้ง 2 ข้าง และที่มือทั้ง 2 ข้างเลือดไหลนอง แพทย์ลงความเห็น เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-9 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบรอบที่เกิดเหตุพบร่องรอยการต่อสู้ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร เจ้าหน้าที่พบขวดเหล้า 1 ขวด ไฟแช็ก 1 อัน และบุหรี่อีก 1 มวน เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายคงมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ลวงนายอดุลย์มาจากร้านเหล้าแถวนั้น เพื่อตกลงอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แล้วโยนศพทิ้งร่องน้ำ ก่อนพากันหลบหนี
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เรียก นายกรทอง ทนุโวหาร อายุ 42 ปี น้องชายแท้ๆ มาสอบสวนหาสาเหตุ โดยนายกรทอง เปิดเผยว่า นายอดุลย์เคยเป็นยามอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แต่ลาออกมานานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานอะไร ซึ่งนายอดุลย์มักดื่มเหล้าเป็นประจำ เนื่องจากเครียดที่ภรรยาหนีไป ก่อนหน้านี้ มีคนมารับออกไปดื่มเหล้า แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร และไปที่ร้านไหน ทั้งนี้ นายอดุลย์ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน
ด้าน พ.ต.ท.ศุภชัย วังลัยคำ สว.สส. กล่าวว่า เบื้องต้น คาดว่าคนร้ายคงแค้นผู้ตายด้วยเรื่องส่วนตัวบางอย่าง ถึงได้ลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ส่วนประเด็นที่ตั้งไว้คือ เรื่องธุรกิจมืด และเรื่องชู้สาว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนศพผู้เสียชีวิต ได้ส่งไปผ่าพิสูจน์ ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่.
ข่าวจาก ไทยรัฐ