• 4 ศพโรงแรมเชียงใหม่ บังเอิญหรืออาถรรพณ์ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 13 พ.ค. 54 เวลา 09:59:17 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ชื่อ... “โรงแรมดาวทาวน์อินน์” โรงแรมระดับ 3 ดาว ตั้งอยู่เลขที่ 268 ถ.ช้างคลาน ย่านไนท์บาร์ซ่า กลางเมืองเชียงใหม่ กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา...
ผลพวงจากการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ต่างชาติและสำนักข่าวต่างประเทศที่โหมประโคมข่าวการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยว ซึ่งมาเสียชีวิตในช่วงกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา...ในเวลาไล่เลี่ยกัน ช่วงเวลาเพียงเดือนเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ศพ...รายที่สื่อต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด คือ...นางสาวซาร่า คาร์เตอร์ อายุ 23 ปี นักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์
ประเด็นกังขาสำคัญนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำแพทย์นิติเวช แพทย์จากสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับทีมพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ มาชี้แจงในรายละเอียด
ผลการชันสูตรพลิกศพของนักท่องเที่ยวที่ออกมาแล้ว 2 ราย...คือชาวอังกฤษ แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากโรคหัวใจ และไกด์ชาวไทยก็เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งทางญาติของผู้ตายทั้ง 3 รายไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต ได้ขอรับศพกลับไปแล้ว
ที่เหลือ...สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กำลังรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการทั้งของในและต่างประเทศ ก่อนที่จะสามารถสรุปได้ว่า การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์เป็นเพราะเหตุใด
ม.ล.ปนัดดายอมรับว่า รายได้หลักของจังหวัดเชียงใหม่มาจากการท่องเที่ยว เราจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาคุณภาพความเป็นเมืองท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ซึ่งเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนกำลังสอบสวนกันอยู่ ประเด็นสำคัญที่กลัวกันว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของอาถรรพณ์ หรือไม่ก็โรคระบาด? “ผมกล้ายืนยันว่านี่ไม่ใช่โรคระบาดหรือโรคสายพันธุ์ใหม่...นักท่องเที่ยวไม่ต้องวิตก” ม.ล.ปนัดดาว่า “เมื่อใดที่มีผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน ทุกอย่างก็จะกระจ่าง” ข้างต้นเป็นคำยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แต่สำหรับมุมวิพากษ์ระดับชาวบ้าน ไม่น้อยที่โน้มเอียงคิดกันว่าเป็นเรื่องลี้ลับ ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
เปิดฉากด้วย...สถานที่ตั้งโรงแรม ต้นเรื่องความอาถรรพณ์ ดั้งเดิม...ที่นี่เป็นตึกแถว แต่ถูกดัดแปลงสร้างเป็นโรงแรม ประกอบกับรั้วของโรงแรมด้านทิศตะวันตกติดกับศาลเจ้าจีน มีเพียงซอยกั้นเท่านั้น...น่าจะมีเรื่องราวลี้ลับบางประการเชื่อมโยงกัน ประเด็นสำคัญที่ชาวบ้านเชื่อ เป็นเพราะว่า...การเสียชีวิตอย่างปริศนานั้นในทางวิทยาศาสตร์ ยังให้คำตอบได้ไม่เคลียร์
ความลี้ลับยิ่งเพิ่มความเชื่อเป็นเท่าทวี เมื่อมีคนกล่าวว่า...โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่สูงกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าที่ชาวบ้านไปกราบไหว้บูชาทุกวัน จะเป็นอิทธิฤทธิ์หรืออะไรไม่ทราบ เมื่อมีการลบหลู่กระทำในสิ่งที่ไม่ดีงามก็อาจเป็นสาเหตุของการตายของแขก ที่มาพักโรงแรมแห่งนี้ได้
ความโน้มเอียงค่อนข้างเชื่อในข้อนี้ เป็นปมที่ยากยิ่งที่จะหาคำตอบได้เพราะเป็นความเชื่อและเสียงพูดที่เล่าลือกันไปตามประสาชาวบ้าน ขณะที่เสียงจากฟากฝั่งธุรกิจโรงแรม ธัญเทพ บุญแก้ว ผู้จัดการโรงแรม ในช่วงเวลาอย่างนี้แน่นอนว่าเขามีแต่เสียงโอดครวญ...
“หลังจากสำนักข่าวต่างประเทศเสนอข่าวนี้ออกไปในตอนแรกก็มีกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศโทร.มายกเลิกการจองห้องพักไปหลายคณะ...เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ โรงแรมได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำบุญครั้งใหญ่ ซึ่งในเรื่องที่เรามองไม่เห็น เราก็ไม่ได้ลบหลู่...”
การทำบุญครั้งใหญ่นี้ อย่างน้อยก็เป็นสิริมงคลและเป็นการเรียกขวัญพนักงานโรงแรมกลับคืนมา ที่น่าดีใจ...ขณะนี้โรงแรมก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติเข้าใช้บริการตามปกติ และที่สำคัญยังไม่มีใครมาเสียชีวิตที่โรงแรมนี้อีกเลย
ส่วนเรื่องความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาสอบสวนเก็บตัวอย่าง ทางโรงแรมให้ความร่วมมือทุกอย่าง รับรองว่าจะไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นใดๆทั้งนั้น จะคอยอำนวยความสะดวกให้ทุกด้าน อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์ว่าทางโรงแรมได้มีความจริงใจต่อการให้บริการแก่แขกที่มาเข้าพักทุกรายทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน
ถึงวันนี้ ธัญเทพ ยอมรับว่า อยากจะรู้ผลพิสูจน์เหมือนกันว่าแขกที่มาพักในโรงแรมนั้นเสียชีวิตเพราะสาเหตุอะไร ขณะที่ ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มองในมุมวิทยาศาสตร์ ให้ทัศนะว่า การเสนอข่าวของสื่อต่างชาตินั้นเขามุ่งหวังอะไรกันแน่ หรือว่าต้องการทำลายการท่องเที่ยวเชียงใหม่...?
“จากการติดตามการเสนอข่าว สื่อต่างชาติบางแห่งมีการขุดนำเอาเรื่องที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เสียชีวิตตามที่พักต่างๆในตัวเมืองเชียงใหม่ นำมาร้อยเรียง...พยายามจะผูกเรื่องเชื่อมโยงเป็นเรื่องราวเดียวกัน ที่เราทำก็คือการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด ในเคสของรายอื่นๆที่เสียชีวิตจากที่โรงแรมอื่น...พบว่าไม่เกี่ยวข้องกัน และมีเหตุผลทางนิติวิทยาศาสตร์ตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว...”
ที่ต้องเน้นย้ำคือ ผลการสอบสวนกรณีการเสียชีวิตของแขกที่พักโรงแรมดาวทาวน์อินน์ทั้ง 4 ราย...ผลการสอบสวนโรคของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มีการตั้งเหตุการณ์เพื่อประมวลเรื่องจากกว้างที่สุดให้แคบลงมา เพื่อให้เข้าใจง่าย โดยแยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น 3 เหตุการณ์ คือ...
เหตุการณ์แรก...นักศึกษาชาวนิวซีแลนด์ 3 คนที่มาพักและอาเจียนออกมา ถูกนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 2 รายรอดชีวิตมาได้ เหตุการณ์ที่สอง...คนไทยที่เป็นไกด์ที่เสียชีวิต และ เหตุการณ์ที่สาม...คู่รักชาวอังกฤษ
คุณหมอสุรสิงห์ บอกว่า จากการสอบสวนโรคเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต มี 4 สมมติฐานที่วางไว้ เช่น การเสียชีวิตมาจากสาเหตุการติดเชื้อ เป็นจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสหรือเชื้อตัวอื่น รองลงมาคือการเสียชีวิตด้วยสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่ามด ยาฆ่าปลวก ยาฆ่าหนู สมมติฐานที่สาม...คือฆาตกรรม ซึ่งเราก็ดูเหมือนกัน และสมมติฐานที่ 4...ก็ดูว่าคนกลุ่มนี้กินยาอะไรมาซึ่งจะมีผลต่อการเจ็บป่วยไหม
ขณะนี้สรุปการสอบสวนออกมาแล้ว พบว่า...สมมติฐาน 2 ประเด็นหลัง ไม่น่าเกี่ยวข้อง เหลือสมมติฐานแรกและสมมติฐานที่สอง ซึ่งผลการผ่าชันสูตรศพของคู่รักชาวอังกฤษ สาเหตุการเสียชีวิตทางแพทย์ภาควิชานิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ตอบโจทย์ได้ค่อนข้างชัดเจน...มาจากสาเหตุเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจตีบตัน 90 เปอร์เซ็นต์ในผู้ชาย ส่วนผู้หญิง 60 เปอร์เซ็นต์เป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
ส่วนผลการผ่าชันสูตรศพไกด์สาวชาวไทย ผลชันสูตรพบว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะ ตอนนี้ต้องหาต่อว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ...ส่วนกลุ่มนักศึกษาชาวนิวซีแลนด์ก็เหลืออยู่ 2 สมมติฐานที่กำลังค้นหาคำตอบ
อันแรกคือ...สารเคมีตัวที่อาจทำให้เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต คุณหมอสุรสิงห์ บอกว่า เราก็ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปเก็บตัวอย่างสารเคมีทุกตัวที่เป็นไปได้ ที่โรงแรมใช้ทำความสะอาดและบริษัททำความสะอาดใช้ เมื่อเราไปเก็บมาดูเป็นตัวอย่างแล้วก็นำมาวิเคราะห์ถึงสารเคมีที่ตกค้าง
ผลตรวจที่พบ...ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ เพราะผลที่ตกค้างมีปริมาณน้อยมาก เมื่อเรานำมาเปรียบเทียบกับผลตรวจน้ำในกระเพาะของผู้ป่วยชาวนิวซีแลนด์ ขณะที่ยังนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ก็ไม่ปรากฏว่าพบยาฆ่าแมลงในกระเพาะแต่อย่างใด
โดยเฉพาะตัวยาที่สื่อต่างชาติเสนอข่าว “Chlorpyrifos”...เราก็ไปสอบสวนพบว่ายาตัวนี้เป็นยาฆ่าแมลงที่จดทะเบียนในประเทศไทย นิยมนำมาใช้ฆ่าปลวกอยู่หลายยี่ห้อ และในผลิตภัณฑ์ยาฆ่าแมลงทางการเกษตร จากการเฝ้าสังเกตอาการของคนป่วยที่เริ่มแรกเขามารักษาตัวก็ไม่เข้าข่าย น้ำในกระเพาะก็ไม่พบสารนี้ ...กระทั่งตามไปดูที่โรงแรมก็ยืนยันว่าไม่ได้ใช้ยาตัวนี้ และบริษัทที่รับจ้างกำจัดแมลงก็ไม่ได้ใช้ยาตัวนี้เช่นกัน
แม้ว่าสมมติฐานเรื่องเคมีตัวนี้จะไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนให้น่าเชื่อถือได้ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้งเพราะต้องสืบไปอีกว่า หากเสียชีวิตจากยาฆ่าแมลงจริง ผู้ป่วยรับเข้าไปสู่ร่างกายโดยวิธีใด ซึ่งโจทย์ข้อนี้ถือว่าค่อนข้างยาก หากว่าผู้ป่วยกินหรือบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนเข้าไป จะทำให้เราตามยาก“เวลามันผ่านไปเนิ่นนาน ร่องรอยหลักฐานบางอย่างมันอาจเลือนรางไปได้” คุณหมอสุรสิงห์ ว่า “คราวนี้ก็เหลือสมมติฐานที่สอง...การติดเชื้อ ตอนนี้มีผลการตรวจห้องแล็บจากต่างประเทศกลับมาบางส่วน พบว่ามีร่องรอยของไวรัส (ตัวหนึ่งซึ่งไม่ใช่ตัวใหม่)...ต้องใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์มายืนยันผลให้แน่ชัด”
คุณหมอสุรสิงห์ จับตาไปที่กรณีสื่อต่างชาติที่เสนอข่าวออกไป ก็ถือว่าเป็นการแสดงสมมติฐานอย่างหนึ่ง แต่ยังไม่มีเหตุผลมาสนับสนุนได้ ที่ต้องย้ำและยืนยัน “เราทำงานกันอย่างโปร่งใส ไม่มีซุกใต้พรม ทางกระทรวงสาธารณสุขยังได้เชิญองค์การอนามัยโลกมาร่วมสอบสวนในเรื่องนี้...เพราะถือว่าเป็นหน่วยงานที่เป็นกลาง มีความน่าเชื่อถือและคงจะให้คำตอบทุกเรื่องได้กระจ่างที่สุด”
วันนี้...อยู่ในช่วงเวลา รอผลการตรวจแล็บจากมหาวิทยาโอซากา ประเทศญี่ปุ่นและศูนย์ควบคุมโรคประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าภายในอาทิตย์นี้คงจะทราบผล
ไม่ว่าใครก็คงอยากจะรู้เหมือนกันว่า...เขาเสียชีวิตมาจากสาเหตุอะไรกันแน่ และทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะได้หามาตรการ วางแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ซ้ำรอยขึ้นได้อีก.
ที่มา : www.thairath.co.th
http://www.thairath.co.th/content/region/171104
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1516 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 13 พ.ค. 54
เวลา 09:59:17
|