กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
"ลุ่มน้ำยม"วอน ไม่เอา"เสือเต้น"
ดินถล่ม - บ้านของชาวเขาใน ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย ถูกดินจากภูเขาถล่มใส่พังทั้งหลัง โชคดีเจ้าของบ้านพาลูก-เมียรวม 4 ชีวิตวิ่งหนีออกมาทัน รอดจากการถูกฝังทั้งเป็น เมื่อวันที่ 12 ส.ค.
|
"ปู" ลุยงานแรก ขึ้นเหนือวันนี้ สุโขทัย-แพร่-น่าน ช่วยน้ำท่วม เครือข่ายลุ่มน้ำยม เตรียมยื่นจดหมายเปิดผนึก วอนปูอย่าเคลิ้มตามพวกปลุกผีแก่งเสือเต้น ชี้พื้นที่ป่าสักทองอุดมสมบูรณ์ 2.4 หมื่นไร่ต้องสูญเสีย พร้อมเสนอแผนจัดการลุ่มน้ำยมแก้น้ำท่วม-แล้ง โชว์ผลวิจัยหลายสำนัก ชี้ตรงกันแก่งเสือเต้นไม่คุ้มทุน ไม่แก้น้ำท่วม ยกตัวอย่างเขื่อนใหญ่ในประเทศ มีแล้วก็ยังท่วมอยู่ ฝนยังกระหน่ำภาคเหนือต่อเนื่อง จนดินถล่มทับบ้านพังที่เชียงราย ผู้ว่าฯ แพร่ เตือนระวังท่วมระลอกสอง ยันอ่างห้วยแม่ยากยังปลอดภัย
น้ำกทม.ยังไม่สูง
วัน ที่ 12 ส.ค. นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังอยู่ในภาวะปกติ ระดับน้ำอยู่ที่ 80 ซ.ม. ในระดับแม่น้ำทะเลปานกลาง โดยคาดว่าช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. จะมีฝนตกลงมาในพื้นที่กทม.อีก และน่าจะเพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ในระดับประมาณ 1.50-1.70 เมตร เท่านั้น ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำเจ้าพระยา และอยู่ในพื้นที่รุกล้ำออกไปนอกแนวป้องกันน้ำท่วม ก็ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งทางสำนักการระบายน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้เฝ้าระวังสถานการณ์ตามขอบแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งการเตรียมเครื่องสูบน้ำที่วางอยู่ตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์น้ำท่วมตลอด 24 ช.ม. หากฝนตกหนักจนเกิดภาวะน้ำท่วมในกทม. ก็จะเร่งสูบน้ำลงในแม่น้ำเจ้าพระยาทันที
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยว่า ขณะนี้เกิดน้ำท่วมแล้ว 23 จังหวัด 219 อำเภอ 1,393 ตำบล 11,197 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 639,054 ครัวเรือน 1,986,804 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 1,481,052 ไร่ ถนน 1,085 สาย ท่อระบายน้ำ 115 แห่ง ฝ่าย/ทำนบ 20 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 72 แห่ง บ่อปลา/บ่อกุ้ง 558 บ่อ ปศุสัตว์ 474 ตัว มีผู้เสียชีวิต 22 ราย คือ จ.อุดรธานี 1 ราย จ.เชียงใหม่ 2 ราย จ.แพร่ 6 ราย จ.แม่ฮ่องสอน 7 ราย จ.สุโขทัย 4 ราย จ.นครพนม 2 ราย สูญหาย 1 คน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 13 จังหวัด เหลือ 10 จังหวัด คือสุโขทัย แพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ พระนครศรี อยุธยา มุกดาหาร และจังหวัดอุบลราชธานี
"ปู"บินเหนือวันนี้
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 13 ส.ค. เวลา 07.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในจ.สุโขทัย แพร่และน่าน เพื่อพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจความเสียหายจากอุทกภัย ที่บริเวณเทือกเขาในเขตอำเภอ สันติสุข-ลำน้ำยาว เขตอำเภอปัว-ลำน้ำยอด เขตอำเภอสองแคว เขตอำเภอเมืองน่านที่บ้านผาขวาง และที่อำเภอเวียงสา ตามเส้นทางลำน้ำน่าน เพื่อสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาและหาทางป้องกัน เรื่องการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าสงวน
จี้"ปู"อย่าปลุกผีแก่งเสือเต้น
นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ เผยว่า กลุ่มเครือข่ายลุ่มน้ำยม ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ลุ่มน้ำยม โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยมีการศึกษาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการแล้ว ดังนั้น การแก้ไขและจัดการลุ่มน้ำ จะต้องไม่คิดถึงแต่เรื่องสิ่งก่อสร้าง หรือรับฟังแต่ข้าราชการแก้ไขปัญหาอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ต่างมีการขึ้นป้ายเรียกร้องเพื่อให้มีการสร้างเขื่อน จึงเกรงว่านายกฯ จะเคลิ้ม
สำหรับหนังสือเปิดผนึก ระบุว่า เครือข่ายลุ่มน้ำยม เห็นด้วยที่นายกฯ จะทบทวนแผนการจัดการน้ำ 25 ลุ่มน้ำ เพื่อให้เกิดแผนการพัฒนาแบบบูรณาการ เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งหัวใจสำคัญ ต้องเน้นการพัฒนาจากชุมชน มีมิติแบบองค์รวม ไม่มองน้ำแยกส่วนจากทรัพยากรในลุ่มน้ำ ทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า ชุมชน วัฒนธรรม ประเพณี ฯลฯ ให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน ทั้งการจัดการที่ดิน การเกษตรบนที่สูง การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดโฉนดชุมชน การจัดการน้ำชุมชน การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ การอนุรักษ์ป่าชุมชน การส่งเสริมและสนับสนุนวัฒนธรรมประเพณีในการอนุรักษ์ป่าของพี่น้องชนเผ่า
เปิดแนวพัฒนาน้ำยม
จึง ขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น คือ 1.ฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้เป็นวาระแห่งชาติ 2.ให้การจัดการน้ำชุมชนเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และสนับสนุนงบประมาณให้เป็นรูปธรรม 3.การกักเก็บน้ำตามลำน้ำสาขา กรณีของลุ่มน้ำยม มีลำน้ำสาขาถึง 77 สาขา ผลักดันอ่างเก็บน้ำขนาดกลางประมาณ 50 ล้านลบ.ม. ใช้งบไม่เกิน 200-300 ล้านบาทต่อ 1 อ่าง รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก เฉลี่ยหมู่บ้านละ 3 ล้านบาท 4.แผนการกักเก็บน้ำ หนึ่งตำบลหนึ่งแหล่งกักเก็บน้ำ ในกรณีของลุ่มน้ำยม มีอยู่ 96 ตำบล ใช้งบประมาณไม่เกินแหล่งละ 5-10 ล้านบาท 5.การขุดลอกตะกอนแม่น้ำ ทำทางเบี่ยงน้ำระบายออกนอกเขตชุมชน
หนังสือ ระบุต่อว่า 6.ฟื้นฟูที่ราบลุ่มแม่น้ำยม โดยขุดลอกคูคลองที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำกับหนองบึง ยกถนนให้สูงขึ้น หรือเจาะถนนไม่ให้กีดขวางทางน้ำ การสร้างบ้านเรือนให้สูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุด แนะนำให้เกษตรกรการปลูกพืชอายุสั้น หยุดยั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ขวางทางน้ำในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำยม ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้เหมาะสม เช่น เป็นที่ท่องเที่ยว เป็นแหล่งประมง เขตอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะสอดคล้องกับระบบนิเวศ ยังสามารถป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ตอนล่างได้ เนื่องจากที่ราบลุ่มแม่น้ำยมเป็นที่พักน้ำ ที่สามารถพักน้ำไม่ให้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกันถึง 500-1,500 ล้านลบ.ม. ซึ่งมากกว่าความจุของเขื่อนแก่งเสือเต้นเสียอีก
7.บำรุง ระบบชลประทานที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพ 8.การพัฒนาระบบประปา 9.สนับสนุนให้เกิดการฝายต้นน้ำ ฝายทดน้ำ ฝายกักเก็บน้ำ บ่อ หรือ สระน้ำในไร่นา รวมทั้งระบบเหมืองฝายที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น จะสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านจริง มากกว่าการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่อย่างเขื่อนแก่งเสือเต้น
ให้ดูบทเรียนเขื่อนอื่น
"กว่า 40 ปี ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีเขื่อนขนาดใหญ่ อาทิ ลุ่มน้ำปิง มีเขื่อนภูมิพล ลุ่มน้ำวัง มีเขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา ลุ่มน้ำน่าน มีเขื่อนสิริกิติ์ แต่ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง กลับทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าหากมีเขื่อนขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำยม อย่างเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน หรือ เขื่อนยมล่าง แล้ว จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่จริง ในทางกลับกัน เขื่อนขนาดใหญ่ดังกล่าว จะนำไปสู่การทำลายป่าสักทองธรรมชาติผืนสุดท้ายของประเทศไทย กว่า 24,000 ไร่ และป่าเบญจพรรณอีกกว่า 36,000 ไร่ รวมพื้นที่ป่าที่จะศูนย์เสียไปกว่า 60,000 ไร่" หนังสือระบุ
โชว์ผลวิจัยต้านแก่งเสือเต้น
หนังสือ ระบุต่อว่า จากการศึกษาหลายอย่างบ่งชี้ถึงความไม่สมควรในการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น อาทิ 1.กรมทรัพยากรธรณีได้ชี้ชัดว่า บริเวณนั้นตั้งอยู่แนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก คือรอยเลื่อนแพร่ ที่ยังเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา หากสร้างเขื่อนก็เหมือนวางระเบิดบนหลังคาบ้านตัวเอง สันเขื่อนที่สูงจากน้ำ 72 เมตร หากมีการแตกหรือพังทลายลงมาจะมีคลื่นยักษ์ยิ่งกว่าสึนามิหลายเท่า 2.องค์การอาหารและการเกษตรโลก (FAO) ระบุว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นสามารถเยียวยาปัญหาน้ำท่วมได้เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ 3.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) สรุป ว่า เขื่อนแก่งเสือเต้นไม่คุ้มทุนทางด้านเศรษฐศาสตร์ 4.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สรุปว่าหากสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นจะกระทบต่อระบบนิเวศน์ของอุทยานแห่งชาติ แม่ยมเป็นอย่างมาก
5.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสรุปว่า พื้นที่ที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเป็นทั้งอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดม สมบูรณ์อยู่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งป่าสักทองธรรมชาติผืนเดียวที่เหลืออยู่ 6.มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ชี้ว่ายังมีทางเลือกอื่นๆ อีกหลายวิธีการ ที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
7.มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เสนอ 19 แผนงานการจัดการน้ำแบบบูรณาการ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วม อย่างเป็นระบบ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น จึงขอให้นายกฯ ได้ยุติการสนับสนุนเขื่อนขนาดใหญ่อย่างเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ที่กั้นแม่น้ำยม และหันมาใช้แนวทางการจัดการน้ำชุมชน และผลักดันการจัดการน้ำชุมชนให้เป็นแผนแม่บทในการจัดการน้ำทั้ง 25 ลุ่มน้ำสืบไป
ประชดปลูกข้าวบนถนน
ที่ จ.เชียงราย ฝนยังคงตกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ทำให้ระดับน้ำสายต่างๆ ทั่วพื้นที่ที่เคยเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เช่น แม่น้ำลาว แม่น้ำคำ แม่น้ำจัน ฯลฯ เริ่มล้นตลิ่ง บางจุดเข้าท่วมบ้านเรือน ตลาดและถนนแล้วแต่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงหรือสร้างความเสียหายหนัก อย่างไรก็ตามทำให้ถนนตามชนบทบางสายเป็นหลุมเป็นบ่อจนชาวบ้านสัญจรไปมาด้วย ความยากลำบาก ทำให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านเครือฟ้า หมู่ 11 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย ประมาณ 100 คน รวมตัวกันประท้วงด้วยการนำต้นกล้าข้าวนาปีไปปลูกดำกลางถนนตามหลุมต่างๆ โดยบางคนนำต้นกล้วยไปปลูก ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 2 สาย อ.แม่สรวย-ฝาง
จน กระทั่งนายรังสรรค์ สุขชัยรังสรรค์ รอง ผอ.แขวงการทางเชียงรายที่ 1 ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านพร้อมนำเครื่องจักรไปขุดตักหน้าถนนที่เป็น ยางมะตอยซึ่งเป็นหลุมบ่อออก จากนั้นบดอัดให้แน่นเพื่อใช้การได้ชั่วคราว พร้อมแจ้งว่าได้มีการบรรจุการก่อสร้างถนนสายนี้ในแผนปี 2555 แล้วเมื่อถึงต้นปีงบประมาณหน้าจะรีบดำเนินการทันที ทำให้ชาวบ้านสลายตัว
ดินถล่มบ้านพังทั้งหลัง
ที่ อ.เมือง น้ำจากเทือกเขาวนอุทยานน้ำตกขุกรณ์ ไหลหลากมาตามลำน้ำแม่กรณ์จนไหลบ่าเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน 20 หลังในหมู่บ้านสันสลี ม.4 ต.ป่าอ้อดอนชัย โดยกระแสน้ำมีความเชี่ยวกรากและท่วมถนนสายภายในหมู่บ้านเป็นระยะทางยาว นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทางการเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวอีกหลายร้อยไร่ต้องจมอยู่ ใต้น้ำ ซึ่งทางเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือชาวบ้านและนำกระสอบทรายไปกั้นเส้นทางน้ำไว้ เป็นการชั่วคราวแล้ว
ด้านนายสิงห์ วงค์ตุ้ย นายก อบต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย เผยว่า ได้รับแจ้งมีเหตุดินถล่มเข้าใส่บ้านชาวเขาที่หมู่บ้านห้วยปูพัฒนา ม.8 ต.ดอยฮาง จึงได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจพบบ้านของนายประเสริฐ อูคา อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 148 ม.8 ต.ดอยฮาง ถูกดินถล่มจากภูเขาสูงเข้าใส่จนพังเกือบทั้งหลัง จากการสอบถามนายประเสริฐแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพร้อมกับภรรยาและ ลูกน้อยอีก 2 คน ได้ยินเสียงดังคล้ายฟ้าร้องตนตกใจจึงลุกมาดูพบว่าบ้านถูกดินถล่มเข้าใส่จน พังเกือบทั้งหลัง จากนั้นได้เกิดการพังทลายอีกหลายระลอก โชคยังดีที่พาลูกเมียวิ่งออกมาจากบ้านทัน
นายสิงห์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีดินถล่มทับบ้านแล้วยังทับถนนสายบ้านโป่ง นาคำ-บ้านห้วยปูพัฒนา ม.8 ต.ดอยฮาง จำนวน 5 จุด ทำให้ประชาชนได้รับความลำบากไม่สามารถใช้ยานพาหนะสัญจรผ่านไปมาได้
ที่ จ.น่าน เกิดเหตุดินถล่มลงมาปิดถนนทางเข้าหมู่บ้าน 4 แห่ง บ้านห้วยเฮือ หมู่ 11 บ้านห้วยระพี หมู่ 15 บ้านสมุนใหม่ หมู่ 16 และบ้านละเบ้ายา หมู่ 10 ต.สะเนียน ประชาชนกว่า 2,700 คนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้รถยนต์และจักรยานยนต์สัญจรเข้าออกหมู่ บ้านได้ ต้องใช้การเดินด้วยเท้าแทน
ที่ จ.ลำปาง เกิดเหตุดินสไลด์บริเวณถนนพหลโยธิน สายลำปาง-งาว ขาขึ้นหลักกิโลเมตรที่ 746-747 เขตบ้านจำปุย หมู่ที่ 4 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ก่อนถึงค่ายฝึกรบพิเศษประตูฝา ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเศษหินและดินที่สไลด์ลงมาได้เกลื่อนกลาดอยู่กลางถนนเป็นแนวยาวและหลายจุด แต่การสัญจรทางถนนยังไม่มีปัญหา รถสามารถวิ่งผ่านไปมาได้แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
สำหรับ กรณีที่พบรอยแยกยาว 200 เมตร บริเวณเหนือหมู่บ้าน บ้านกลาง หมู่ 5 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทเข้าไปประจำการเฝ้าระวังจุด เสี่ยง บนหุบเขาที่มีดินทรุดตัวและในหมู่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังเตือนภัยให้ชาวบ้านอพยพหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น
แพร่ยันอ่างไม่แตก
ที่ จ.แพร่ นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าฯ แพร่ ออกคำเตือนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้ประกาศเตือนภัยน้ำท่วม เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันทั้งในจังหวัดแพร่ พะเยา และจังหวัดน่าน ส่งผลให้น้ำป่าทางเหนือของแม่น้ำยมมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และน้ำจะท่วมบริเวณลุ่มน้ำยมอีกครั้งอย่างแน่นอน โดยประชาชนได้เริ่มอพยพย้ายสิ่งของมีค่าแล้ว
ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วย แม่ยาก หมู่ 3 ต.บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ที่น้ำล้นประตูระบายน้ำ และรั่วซึมที่กลางสันเขื่อน ชลประทานจังหวัดแพร่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจ พบว่ายังสามารถรองรับน้ำได้ ไม่อันตราย แต่ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลาถ้ามีปัญหามากขึ้นก็ต้องเร่งย้ายประชาชนโดยเร่ง ด่วน
โขงเริ่มลดแล้ว
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง ที่ไหลท่วมชุมชนและถนนใน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี นั้น ระดับน้ำลดลงถึง 24 เซนติเมตร และมีแนวโน้มลดลงอีก อย่างไรก็ตาม ชาวบ้าน 144 ครอบครัวที่อพยพหนีน้ำท่วมยังไม่สามารถกลับเข้าไปอาศัยในบ้านเรือนได้ตาม ปกติ จึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์อพยพที่สำนักงานเทศบาลจัดให้ต่อไปจนกว่าระดับน้ำ จะดีขึ้นกว่านี้
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREV6TURnMU5BPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB4TXc9PQ==
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
