| • 'สมัคร' ดีเบตไม่เกี่ยวคดีรถดับเพลิง |
|
โพสต์โดย กร+ , วันที่ 13 ส.ค. 50 เวลา 11:32:09 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. หนึ่งในผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร เตรียมแสดงวิสัยทัศน์เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกับ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่นายสมัครเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากยังไม่มีคำพิพากษาของศาลออกมา อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องต้องยอมรับความเสี่ยงกับคำตัดสินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ส่วนความคืบหน้าในคดีนั้น อนุกรรมการไต่สวนฯกำลังสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ คตส.ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ โดยเฉพาะเรื่องสัญญาต่างตอบแทน ย้อน กทม.ยังกล้าจ่ายเงินอีกหรือ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ระบุยืนยันว่าต้องจ่ายเงินงวดที่ 2 จำนวน 743 ล้านบาท ตามสัญญาให้กับบริษัทสไตเออร์ คู่สัญญาในการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. โดยอ้างว่าเป็นไปตามที่ คตส.ให้ความเห็นว่า การดำเนินการเรื่องดังกล่าวสัญญายังมีผลบังคับใช้อยู่นั้น นายแก้วสรรตอบว่า ช่วงที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดแอลซี ยังสามารถแก้ตัวได้ว่าไม่รู้ว่าจะมีการทุจริตถึงขนาดนี้ เพราะทั้งคุณอภิรักษ์และคุณวัลลภที่มา คตส.ครั้งที่แล้วมาพูดกับ คตส.ว่าไม่รู้ แต่ครั้งนี้เมื่อนายวัลลภยืนยันที่จะจ่ายค่างวดรถ-เรือดับเพลิงต่อ ต้องถามกลับว่า ในเมื่อคุณรู้ข้อมูลอย่างนี้แล้ว และยังจะจ่ายเงินอีก แสดงว่าคุณมั่นใจหรือว่าสัญญาที่ทำกันนั้นเป็นสัญญาที่ถูกต้อง แนะดูออสเตรียทำตามสัญญาหรือไม่เมื่อถามต่อว่า จะเป็นการเสียค่าโง่ซ้ำซ้อนกับกรณีอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่ นายแก้วสรรตอบว่า ก็ต้องกลับไปถามคนที่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ คือสภา กทม. รมว.มหาดไทย และนายกรัฐมนตรี ที่มีส่วนกำกับดูแลการบริหารงานของ กทม. ไม่ใช่หน้าที่ของ คตส. เราไม่เกี่ยวกับการบริหาร ทำหน้าที่สอบสวนเกี่ยวกับการทุจริต และเรารู้หน้าที่ดีว่าทำอะไรได้แค่ไหน อย่างไร แต่ถ้ามั่นใจที่จะจ่ายเงินค่างวดต่อก็ทำไป และต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบผลที่จะออกมา เพราะประเด็นใหญ่ที่ต้องพิสูจน์คือต้องไปดูว่าประเทศออสเตรียที่ขายรถ-เรือให้เรา ได้ซื้อผลผลิตทางการเกษตรของไทยจริงหรือไม่ ถ้าพบว่าไม่มาซื้อของจากเราจริง แล้วทำไมเราต้องไปชำระเงินค่างวดให้เขา อัด คตส.จ้องหาประเด็นดิสเครดิต วันเดียวกัน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ผู้บริหารกลุ่มไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. ระบุถึงการสอบสวนรถและเรือดับเพลิงซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยนายแก้วสรรระบุว่าหากกลุ่มไทยรักไทยจะให้ นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แต่หากผลการตัดสินระบุว่านายสมัครผิดก็ต้องรับกรรมไปว่า มันก็เป็นแบบนี้ คือต้องทำให้กลุ่มไทยรักไทยไม่มีโอกาสตั้งตัว และต้องหาประเด็นมาดิสเครดิตให้ได้ แต่กลุ่ม ไม่วิตกจริต เพราะทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ยังไม่สิ้นสุด เรื่องแบบนี้ไม่ควรป้ายสีกันโดยสร้างสถานการณ์นำ เพราะยังสอบสวนกันอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ที่สอบสวนก็ตัดสินให้ฝ่ายตรงข้ามผิดไปแล้ว มันทำให้ความจริงโดนบิดเบือน ตนมองว่านายสมัครที่เป็นนักการเมืองอาวุโสน่าจะนิ่งพอและคงรู้ดีว่าจะมีการนำวิชามารมาใช้แบบนี้ ข่าวล็อบบี้ตุลาการพุ่งเป้าป้ายสี ทรท. เมื่อถามถึงการสอบสวนกรณีติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญ มีนายตำรวจบางคนไปล็อบบี้ตุลาการบางคน และสังคมกำลังมองว่า กลุ่มที่จ้างให้ไปล็อบบี้คือกลุ่มไทยรักไทย ร.ท.กุเทพตอบว่า เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของศาล ไม่ใช่ของใหม่อะไร ควรรอผลการสอบสวนให้เสร็จก่อน ที่กลับมาเป็นข่าวอีกนั้น มองว่า เป็นกระบวนการนำเรื่องมาเสนอข่าวใหม่เท่านั้น กลุ่มไทยรักไทยไม่ได้วิตก เพราะไม่รู้จักนายตำรวจคนนั้นและไม่ต้องทำเช่นนั้นด้วย อย่าลืมว่าระบบนายหน้าที่มักจะมีอาชีพหลอกลวงคนอื่นในศาล ว่าจะติดต่อคนนั้นคนนี้ให้ช่วยในเรื่องคดี มันมีมานานแล้ว กรณีนี้อย่าเหมาว่ากลุ่มไทยรักไทยเกี่ยวข้อง เพราะพรรคไทยรักไทยโดนยุบไปแล้ว เมื่อมีข่าวแบบนี้ขึ้น สังคมอาจจะมองว่ากลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเลย มันเหมือนกับว่าต้องการตอกฝาโลงให้กลุ่มตายจากสังคมไทยไปเลย แฉรัฐบีบชาวบ้านรับประชามติ ร.ท.กุเทพกล่าวถึงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้ สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 19 ส.ค. ของฝ่ายรัฐบาลที่กำลังเดินหน้ากันเป็นอย่างมากว่า รัฐบาลกำลังวิตกเกินไปว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่รับ จึงต้องทำให้เกิดข่าวว่าบางจังหวัด โดยเฉพาะอีสานใต้มีการแจกเงินให้ ประชาชนคนละ 200 บาท ให้ไปคว่ำรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน ถ้ามองตามความจริงแล้ว จังหวัดเหล่านั้นมีแนวโน้มสูงว่าประชาชนจำนวนมากจะไม่เห็นชอบกับรัฐธรรมนูญ 2550 ฝ่ายรัฐต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา สำหรับการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิมากๆนั้น มันแฝงว่าประชาชนต้องออกไปรับรัฐธรรมนูญ ขณะที่ฝ่ายคัดค้านต้องโดนฝ่ายรัฐใช้กฎหมายมาจัดการกันอย่างเคร่งครัด เช่นการจับเรื่องสติกเกอร์และเสื้อสีแดง ขอถามว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ยอมรับว่า เมื่อมีข่าวการจับกุมฝ่ายคัดค้าน ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 ก็กลัว และจะออกไปใช้สิทธิว่ารับรัฐธรรมนูญทั้งๆที่ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าอาจโดนจับ ส่วนตัวทราบมาว่า ในวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ในบางจังหวัดทางอีสานใต้ ฝ่ายรัฐได้เรียกผู้ใหญ่บ้านและกำนันมาประชุม โดยมีการโชว์ตัวอย่างบัตรประชามติ และยังทราบว่ามีการสั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันไปสำรวจประชาชนในพื้นที่ว่า มีเท่าใด จะไปใช้สิทธิหรือไม่ และต้องรายงานด้วยว่าจะรับ-ไม่รับเท่าใด โดยต้องรายงานให้นายอำเภอและผู้ว่าฯรับทราบในวันที่ 12 ส.ค. เรื่องนี้ทำให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันเครียดกันมาก นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยยังไล่บี้ผู้ว่าฯและนายอำเภอ โดยตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าพื้นที่ใดประชาชนไปใช้สิทธิน้อย หรือมีการแสดงความเห็นคัดค้านรัฐธรรมนูญกันมาก จะโดนย้าย ขอถามว่ามันยุติธรรมหรือไม่ เย้ยเก็บเงินไว้สู้เลือกตั้งดีกว่า ด้านนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาค 3 ออกมาเปิดเผยว่า พื้นที่ จ.เชียงรายมีบุคคลบางกลุ่มไปเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของชาวไทยภูเขา และสัญญาว่าจะนำเงินมาให้หลังการลงประชามติ 19 ส.ค. ว่า ในพื้นที่ จ.เชียงรายไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้ เนื่องจากยังมีกฎอัยการศึกอยู่ ส่วนกระเเสข่าวที่ระบุว่าอาจมีการนำเงินจากบ่อนกาสิโนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเพื่อเคลื่อนไหวล้มร่างรัฐธรรมนูญนั้น ส่วนตัวและเพื่อน ส.ส.เชียงรายไม่มีใครเล่นการพนัน การจะนำเอาเงินมาเคลื่อนไหวได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร อาจเป็นนักการเมืองกลุ่มอื่นที่มีผลประโยชน์และมีความความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ได้ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูท่าทีของรัฐบาลที่ทุ่มงบประมาณในการประชาสัมพันธ์แล้ว เชื่อว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านแน่นอน ดังนั้น ถ้าจะใช้เงินไปทุ่มตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ สู้เอาไว้เตรียมการตอนเลือกตั้งดีกว่า ตนและเพื่อน ส.ส. เชียงรายกล้ายืนยันว่าเราไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อล้มรัฐธรรมนูญ ทนายทักษิณเตรียมช่องสู้คดีที่ดิน วันเดียวกัน นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯมีคำสั่งออกหมายเรียกบุคคลทั้งสอง เพื่อร่วมรับฟังการพิจารณาคดีนัดแรกในวันที่ 14 ส.ค.นี้ว่า ทางทีมทนายจะเดินทางไปร่วมรับฟังการพิจารณาคดีนัดแรกที่ศาลฎีกาในช่วงบ่าย ส่วนบุคคลทั้งสองจะเดินทางมาร่วมรับฟังการพิจารณาตามหมายเรียกของศาลในวันที่ 14 ส.ค.หรือไม่นั้น ไม่ขอออกความเห็น อย่างไรก็ตาม ถ้าบุคคลทั้งสองไม่เดินทางไปตามหมายเรียกตามวันนัดดังกล่าว ขึ้นอยู่กับว่าทางฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายอัยการจะยื่นฟ้องเพื่อออกหมายจับหรือไม่ ถ้ายื่นฟ้องเพื่อออกหมายจับจริง ทางทีมทนายได้เตรียมพร้อมในส่วนนี้ไว้แล้ว ขณะนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ข่าวจาก ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1171 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กร+
IP: Hide ip
, วันที่ 13 ส.ค. 50
เวลา 11:32:09
|
