• อภิสิทธิ์ เร่งหาช่องชี้ขาดสิทธิ 111 คน |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 21 พ.ย. 50 เวลา 09:29:59 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเตรียมร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และองค์กรระหว่างประเทศหลัง กกต.มีมติห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมาย และต้องมีการกระบวนการที่เป็นกลางชี้ขาดออกมาเป็นที่ยอมรับกัน ดังนั้น ขณะนี้ น่าจะดูช่องทางต่างๆ ที่มีการเสนอกันเข้ามา เพราะเป็นประเด็นเร่งด่วนที่จะต้องมีคำตอบก่อนการเลือกตั้ง
“เทือก” ยอมรับไล่มัดทุกพรรคเว้น พปช.
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่า มติ กกต.ที่ห้ามไม่ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ขึ้นปราศรัยทาง การเมือง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ว่า มติดังกล่าวไม่ทำให้พรรคการเมืองใดได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ เพราะประชาชนสนใจเรื่องอนาคตของประเทศชาติมากกว่า ปัญหาของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ส่วนกรณีที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตแกนนำพรรคเพื่อ แผ่นดิน ระบุว่า มติของ กกต.จะทำให้พรรคเพื่อแผ่นดินสามารถร่วมกับพรรคชาติไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ทั้งสองพรรคเป็นซีกที่ไม่เอา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดังนั้น สามารถร่วมกันจัดตั้ง รัฐบาลได้ ที่ผ่านมาในฐานะเลขาธิการพรรค ได้เคยพูดกับ แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคการเมืองอื่นๆ เกี่ยวกับการร่วมงานทางการเมือง ยกเว้นพรรคพลังประชาชน เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน ส่วนกรณีผล สำรวจของรามคำแหงโพลระบุว่า พรรคพลังประชาชนจะ ชนะพรรคประชาธิปัตย์กว่า 10 เสียงนั้น ไม่รู้สึกกังวล เพราะ เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะแพ้ชนะกันสูสี แต่การเมืองก็พลิกผันได้ทุกวัน
บี้ กกต.ตีกรอบปราศรัยหวั่นถูกใบแดง
ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงปัญหาที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจำนวนมากร้องเรียนเข้ามาที่ศูนย์ อำนวยการเลือกตั้งว่า มีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการปราศรัย หาเสียง เกรงว่า กกต.จะให้ใบเหลือง หรือใบแดง ในกรณี มีการปราศรัยกล่าวหา หรือโจมตีคู่แข่ง เช่นเดียวกับอดีต กกต.ชุดก่อนที่ให้ใบแดงกับนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีต ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ กกต.ไม่ควรให้ใบเหลือง หรือใบแดงในกรณีการปราศรัย เนื่องจากหากมีการหมิ่น ประมาทสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอาญาอยู่แล้ว กกต.ควรทำหน้าที่ดูแลให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรมมากกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติแจ้งให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศงดหาเสียงในวันที่ 4-6 ธ.ค.นี้ เพื่อทำกิจกรรมสร้างความดีถวายในหลวงแทน
เชื่อมีลางพปช.อดเป็นรัฐบาล
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 กรุงเทพฯ คือ นายประจวบ อึ้งภากรณ์ นายบุญสิทธิ์ ธรรมโรจน์พินิจ บุตรชายปอ ประตูน้ำ นายกฤษฎา สัจจกุล ลง พื้นที่หาเสียงในย่านเยาวราช โดยนายประชัยกล่าวถึงกรณี ที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตประธานสภาที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ออกมาระบุถึงการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยว่า ทางพรรคยังไม่พูดคุยเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาล กับพรรคอื่น เพราะต้องให้การเลือกตั้งผ่านไปก่อน และ พรรคมัชฌิมาธิปไตยเป็นทางสายกลาง จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล กับพรรคใดก็ได้ทั้งนั้น และที่สำคัญต้องแล้วแต่ประชาชน ตอนนี้เราควรมาหาเสียงกันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าพรรค พปช.จะได้ กลับมาเป็นรัฐบาล นายประชัยตอบว่า เขาคงไม่กลับมา แต่น่าจะเป็นพรรคอื่น เพราะเขาทำให้เกิดปัญหาวิกฤติบ้านเมือง หากได้เป็นรัฐบาลเราจะไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ตอนนี้บ้านเมืองมีความแตกแยกมาก ต้องสามัคคีกัน คนที่กระทำผิดไม่สมควรกลับมา คนที่ไม่ได้ทำผิดควรเปลี่ยน นโยบาย ไม่ใช่มาห้ำหั่นกันเอง และที่ตนบอกว่าพรรคพลัง ประชาชนจะไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาลนั้น เพราะมีสิ่งบอก เหตุหลายอย่าง ทั้งเรื่องใบเหลืองใบแดง รวมไปถึงกรณีการออกมาเปิดเผยเอกสารลับที่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเท็จก็มีโทษถึงขั้นยุบพรรค
กกต.ไฟเขียว “ประชัย” หน.มัชฌิมาฯ
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.กล่าวว่า วันนี้ กกต.ได้มีการประชุมเพื่อรับรองการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคการเมือง โดย กกต.ได้รับรองให้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย ซึ่งได้รับเลือกตั้งที่ประชุมใหญ่พรรค ให้เป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางพรรคได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทาง กกต. ไม่รับรอง เนื่องจากการดำเนินการยังไม่ถูกต้อง
ฟันธงอดีต ส.ว.ปี 43 สมัคร ส.ส.ได้
นายประพันธ์กล่าวถึงกรณีที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ส.ร. ระบุว่า อดีต ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 43 ไม่ สามารถสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตร 116 วรรคสอง ระบุว่า บุคคลที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ว.และสมาชิกภาพสิ้นสุดไปแล้วยังไม่เกิน 2 ปี จะเป็นรัฐมนตรี หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมิได้ว่า สำหรับกรณีดังกล่าวแม้ว่ารัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวจะระบุดังว่าจริง แต่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ มาตรา 305 (2) ระบุว่า ห้ามมิให้นำมาตรา 116 วรรคสอง มาใช้บังคับกับการเลือกตั้ง ส.ส.และการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้นอดีต ส.ว.เมื่อครั้งการเลือกตั้งเมื่อปี 2543 จึงมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ได้
ข่าวจาก ไทยรัฐ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1120 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 21 พ.ย. 50
เวลา 09:29:59
|