| • ตั้งกก.ชุดใหม่ สอบคดียงยุทธ |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 11 ม.ค. 51 เวลา 11:56:27 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กรณีที่ กกต.พิจารณาเรื่องร้องเรียนนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งหลายฝ่ายจับตาดูว่าผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร เพราะอาจถูกนำไปขยายผลถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชนต่อไป ขณะที่นายยงยุทธระบุว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการจัดฉากสร้างเรื่องใส่ร้าย มีนายตำรวจยศนายพล 2 คนสร้างพยานหลักฐานเท็จ พร้อมขอให้ กกต.เปลี่ยนตัวตำรวจสันติบาลที่มาช่วยงานสืบสวนของ กกต.นั้น ล่าสุดที่ประชุม กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการสืบสวนกรณีดังกล่าวอีก 1 ชุด โดยให้ทำหน้าที่แทนชุดสืบสวนของทีมสันติบาล
“สมชัย” ลั่น กกต.ต้องเป็นผู้เก็บสำนวน
ที่สำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 10 ม.ค. เวลา 10.00 น. ก่อนที่การประชุม กกต.จะเริ่มขึ้น นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เดินเข้ามาพูดคุย กับกลุ่มสื่อมวลชนที่ดักรอทำข่าวอยู่ โดยกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า อยากรู้เรื่องอะไร เรื่องสำนวนใช่หรือไม่ เรื่องนี้ต้องขอชี้แจงว่าความจริงคนที่จะต้องเก็บเอกสารนั้น สำนักงาน กกต.ต้องเป็นผู้เก็บสำนวนไว้ โดยปกติเจ้าหน้าที่ กกต.จะต้องเป็นผู้นำสำนวนเสนอให้ กกต.วินิจฉัย คนอื่นที่เป็นตำรวจสันติบาลไม่มีหน้าที่เก็บสำนวน การพิจารณาของ กกต.จะฟังแค่ลมปากไม่ได้ เราต้องเก็บสำนวนไว้ดู และตรวจสอบให้ละเอียด นอกจากนี้ คนที่มายื่นเรื่องคัดค้านจะต้องถ่ายเอกสารสำนวนให้กับ กกต.ทุกคนเก็บสำเนาไว้ ไม่ใช่นำมาเสนอแล้วหอบกลับไป ส่วนที่มีการบอกว่าสำนวนรั่วนั้น ต้องไปดูว่ารั่วจากตรงไหน อย่าเพียงแค่กล่าวหา
“วีระ” ยื่นสอบพฤติกรรม “สมชัย”
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน เดินทางเข้ายื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าสำนวนการสืบสวนสอบสวนเรื่องร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน รั่วออกไป โดยนายวีระระบุว่าจากพฤติกรรมของนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ที่มีข่าวไม่คืนเอกสารให้เจ้าพนักงานสอบสวน ทำให้เป็นที่สงสัยได้ว่าอาจเป็นผู้ที่ทำให้เอกสารลับดังกล่าวรั่วไหลสู่สาธารณชน ก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะเข้าชี้แจง ดังนั้น กกต.ต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง และลงโทษตามกฎหมาย
พบทางออกถ้าให้ใบแดงระบบสัดส่วน
ต่อมาในช่วงบ่าย นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการในกรณีให้ใบแดง ส.ส.สัดส่วนซึ่งอาจมีปัญหาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชนว่า กกต.พิจารณาข้อกฎหมายแล้วว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะคะแนนสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน เมื่อคำนวณดูแล้วยังสามารถมีสัดส่วนได้ 5 คนเช่นเดิม เนื่องจากคะแนนที่เป็นเศษของพรรคพลังประชาชนยังมากกว่าพรรคอื่น ถ้านายยงยุทธโดนตัดสิทธิก็จะเลื่อนผู้สมัครอันดับ 6 ขึ้นมาแทน การพิจารณาผลคะแนนจะไม่กระทบต่อ ส.ส.สัดส่วนในกลุ่มนี้ เพราะการพิจารณาความผิดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งนั้น ดังนั้นวิธีการคิดคำนวณจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 110
“ยงยุทธ” วืดอดดูซีดีของสันติบาล
เมื่อเวลา 15.00 น. นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อขอดูวีซีดีที่ตำรวจสันติบาลบันทึกภาพเป็นหลักฐานกล่าวหาว่านายยงยุทธจ่ายเงินให้หัวคะแนนที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. แต่ปรากฏว่า ทางตำรวจสันติบาลยังไม่ได้นำซีดีดังกล่าวมาให้ กกต. จากนั้นนายยงยุทธให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าผิดหวังว่า การเดินทางมา กกต.ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ไม่ใช่มากดดัน แต่รู้สึกร้อนใจ สมาชิกและ ส.ส.พรรคพลังประชาชนก็ร้อนใจด้วย เพราะดูเหมือนจะมีการบงการเพื่อนำไปสู่ การยุบพรรค มาครั้งนี้ก็ยังไม่ได้ดูวีซีดีตามที่ถูกกล่าวหา แต่ก็รู้สึกเห็นใจ กกต.เพราะได้สั่งสันติบาลไปแล้วให้นำซีดีมาให้ดู แต่สันติบาลไม่ยอมปฏิบัติตาม ถ้าไม่ได้ดูก็แก้ข้อกล่าวหาไม่ได้ ตนต้องการพิสูจน์ตัวเอง เพราะเวลานี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็กล่าวหาว่าตนทุจริต ขณะเดียวกันก็กล่าวหา กกต.เข้าข้างตน โดยนำสำนวนดังกล่าวมาให้ ทั้งที่ความจริงไม่เคยได้รับเลย
โอดถูกปล่อยข่าวสร้างภาพเป็นผู้ร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก กกต.จะตัดหลักฐานเรื่องวีซีดีดังกล่าวออกจากสำนวนการพิจารณา จะทำอย่างไร นายยงยุทธตอบว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นอำนาจของ กกต. แต่กฎหมาย กกต. มาตรา 24 ให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาตรวจสอบหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหา ทั้งนี้ไม่กลัวว่าใครจะมาข่มขู่ แม้มีขบวนการพยายามปล่อยข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสื่อต่างๆ เพราะเชื่อมั่นว่าสามารถชี้แจงได้ว่าเบื้องหลังมีขบวนการกล่าวหาตน “ขณะนี้มีขบวนการตีปลาหน้าไซ ปล่อยข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ให้ผมเป็นผู้ร้าย เรื่องนี้ยืนยันได้ว่าเป็นขบวนการจ้องทำลาย เพราะโดยข้อเท็จจริงไม่มีใครหรอกที่จะขนหัวคะแนนของตัวเองมาจ่ายเงินที่กรุงเทพฯ ขอเรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ทำหลักฐานจนแนบเนียน และมีการตั้งธง ช่วยคิดถึงประโยชน์บ้านเมือง ช่วยรักษาความเป็นธรรมของระบบ ผมไม่ได้ห่วงตัวเองห่วงพรรค แต่ห่วงสถาบันทางการเมือง”
กกต.แจกใบแดง “ประสพ บุษราคัม”
กระทั่งเวลา 16.45 น. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงผลการประชุม กกต.ว่า มีการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งทั้งหมด 6 สำนวน โดยที่ประชุมมีมติ 4 ต่อ 1 สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ปี (ใบแดง) นายประสพ บุษราคัม ว่าที่ ส.ส.อุดรธานี เขต 3 พรรคพลังประชาชน เนื่องจากปรากฏการกระทำโดยการปราศรัยใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กกต.เคยมีมติให้ใบเหลืองนายประสพไปแล้วในข้อหาเดียวกัน และข้อหาแจกเงิน แต่การพิจารณาให้ใบแดงในครั้งนี้เป็นคนละสำนวนกับที่เคยแจกใบเหลือง สำนวนนี้ชัดเจนว่ามีความเกี่ยวโยงกับนายประสพ เมื่อถามว่าแสดงว่าผู้สมัครที่ให้ใบเหลืองไปแล้ว หากมีสำนวน ร้องคัดค้านอยู่ก็ยังมีสิทธิถูกใบแดงได้ นายสุทธิพลตอบว่า หากมีหลักฐานถึงก็อาจโดนแดงได้ และผู้ที่ได้รับใบแดงไปแล้วหากมีสำนวนค้างก็สามารถโดนใบแดงได้อีก เพียงแต่จะไม่มีผลเพิ่มเติม
ตั้ง กก.ชุดใหม่รับช่วงทำคดี “ยงยุทธ”
นายสุทธิพลกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ซึ่งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ร้องคัดค้านตัวพนักงานสอบสวนชุด ที่มาจากสันติบาล โดยที่ประชุมได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาใหม่อีก 1 ชุด เน้นบุคลากรจากฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต. และให้ชุดสืบสวนของสันติบาลมอบสำนวนการสอบสวนทั้งหมด รวมทั้งวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์การจ่ายเงินซื้อหัวคะแนนให้กับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าจะนำมาให้ภายในวันที่ 11 ม.ค. ไม่เกินเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ยังคงยืนยันที่จะเปิดวีซีดีในสำนวนทุจริตที่ จ.เชียงราย ให้นายยงยุทธดูเพื่อแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ นายสุทธิพลตอบว่าเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดใหม่ แต่โดยหลักปฏิบัติทั่วไปจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกร้องคัดค้านชี้แจงข้อกล่าวหา
ให้อดีตตุลาการศาล รธน.นำทีม
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช พยายามขอดูหลักฐานวีซีดีบันทึกภาพการแจกเงินกำนันผู้ใหญ่บ้าน เหมือนเป็นความพยายามกดดัน กกต.ว่า เรื่องสำนวนนายยงยุทธ ไม่มีการกดดันอะไรเลย แต่ที่เครียดคือการให้สัมภาษณ์ที่ไม่ตรงกันเช่นกรณี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส. ไม่รู้ว่าเขาพูดอย่างไร แล้วสื่อนำสิ่งที่เขาพูดมาถาม เพื่อให้ กลายเป็นการตอบโต้กัน โดยกรณีที่นายยงยุทธขอดูวีซีดี นั้น เลขาธิการ กกต.ได้ทำหนังสือไปยังสันติบาลให้ส่งวีซีดีดังกล่าวมายัง กกต. ทั้งนี้การที่สันติบาลเข้ามาทำสำนวนกรณี จ.เชียงรายนั้น เนื่องจากขณะนั้นพนักงานสืบสวนของ กกต.เชียงรายลาออก กกต.กลางเห็นว่าสันติบาลเป็นผู้มีประสบการณ์ จึงตั้งไปสอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามหากสันติบาลส่งสำนวนกรณีดังกล่าวมา เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและถูกต้อง กกต.จึงตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนในส่วนของ กกต.เข้าไปดำเนินการ โดยมีหัวหน้าชุดคือนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านของ กกต. นอกจากนี้ ยังมีอัยการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ร่วมเป็นกรรมการ โดยให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว
หวั่นรับรอง ส.ส.ไม่ทันวันเปิดสภา
นายอภิชาตกล่าวว่า ส่วนกรณีนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน ยื่นหนังสือให้ กกต.ตรวจสอบนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. เพราะสงสัยว่านำสำนวนการร้องเรียนนายยงยุทธออกไปเปิดเผยให้นายยงยุทธทราบนั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำสำเนาให้ กกต. แต่ละคนไปศึกษา คาดว่าคงนำมาคุยกันในที่ประชุม กกต. วันที่ 11 ม.ค.นี้ สำหรับสำนวนสอบสวนที่ค้างอยู่ขณะนี้มี ประมาณ 30 กว่าสำนวน กกต.มีเวลาพิจารณาถึงวันที่ 15-16 ม.ค. จึงเป็นไปได้ว่าในวันที่ 12-13 ม.ค.นี้ จะประชุมเพื่อเร่งพิจารณาสำนวนที่เหลือ เพราะต้องการประกาศรับรองผล ส.ส.ให้ทันการเปิดประชุมสภานัดแรก แต่ปัญหาคือ หลายเรื่องที่ กกต.สั่งให้เจ้าหน้าที่สอบเพิ่มเติมนั้น ยังไม่แน่ว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานได้เสร็จทันแล้วมาชี้แจง กกต.ในวันที่กำหนดหรือไม่
รับรอง ส.ส.เพิ่มอีก 17 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุม กกต. วันเดียวกันนี้ ที่ประชุมมีมติรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. เพิ่มเติมอีก 17 คน ประกอบด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จ.สิงห์บุรี เขต 1 พรรคชาติไทย นายวีระพล อดิเรกสาร จ.สระบุรี เขต 2 พรรคพลังประชาชน นายวิเชียร ขาวขำ จ.อุดรธานี เขต 4 พรรคพลังประชาชน นายสุทิน คลังแสง นายสุรจิตร ยนต์ตระกูล และนายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ จ.มหาสารคาม เขต 1 พรรคพลังประชาชน นายเจริญ จรรย์โกมล จ.ชัยภูมิ เขต 1 พรรคพลังประชาชน นายสุชาย ศรีสุรพล และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ จ.ขอนแก่น เขต 4 พรรคพลังประชาชน ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย นายสมคิด บาลไธสง และนางชมภู จันทาทอง จ.หนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชาชน นางนันทนา ทิมสุวรรณ และนางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข จ.เลย เขต 2 พรรคพลังประชาชน นายนราพัฒน์ แก้วทอง จ.พิจิตร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 2 พรรคประชาธิปัตย์ และนายธนเทพ ทิมสุวรรณ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 3 พรรคพลังประชาชน โดยในจำนวน 17 คนนี้แบ่งเป็นพรรคพลังประชาชน 14 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคชาติไทย 1 คน เมื่อรวมยอด ส.ส. ที่ผ่านการรับรองไป 2 ครั้งก่อน ขณะนี้มี ส.ส.รวมทั้งสิ้น 420 คน
“ประสพ” มึนโดนใบแดง
นายประสพ บุษราคัม ว่าที่ ส.ส.อุดรธานี เขต 3 พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงหดหู่ ภายหลังทราบว่าโดน กกต.แจกใบแดงว่า ตอนนี้ยังงงๆอยู่ คิดอะไรไม่ออก ยังไม่ได้ปรึกษาใครทั้งสิ้น ทราบว่ามีคนมายื่นคำร้องเรียนตนถึง 15 สำนวน ซึ่งก็พยายามไปชี้แจง แต่บางสำนวนก็ไม่มีเอกสาร ขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมาก
“โสภณ” โวย พปช.ใช้แผนเทคะแนน
นายโสภณ เพรชสว่าง ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 ในวันที่ 17 ม.ค.ว่า ตอนนี้มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชาชนขอให้ชาวบ้านเทคะแนนให้พรรคประชาราช ทั้งๆที่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาราชได้ไม่ถึง 3 พันคะแนน หากมีการเทคะแนนกันจริงก็คงเป็นเรื่องที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย และต้องมีการทุ่มเงินลงไปเป็นจำนวนมาก อยากให้นายกฯ คมช. และ กกต. ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้าง อยากให้เอาจริง เอาจังกับการทุจริตเลือกตั้ง และให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง
เผย พปช.เต้นผางเล็งหาพรรคสำรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กำลังถูก กกต.ตรวจสอบเรื่องร้องคัดค้านนั้น แกนนำและฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชนมีความกังวลใจต่อเรื่องนี้อย่างมาก เพราะหากนายยงยุทธโดนใบแดงก็อาจจะเชื่อมโยงถึงแผนยุบพรรคพลังประชาชนด้วย ทางแกนนำพรรคจึงมองหาพรรคสำรองไว้ เพราะกฎหมายระบุว่าหากพรรคการเมืองโดนยุบ ส.ส.ของพรรคนั้นต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน โดยพรรคที่เล็งไว้คือพรรคทางเลือกใหม่ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน เคยเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งหากต้องย้ายไปพรรคทางเลือกใหม่ก็อาจจะมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ ยังมีอีกพรรคหนึ่งที่เล็งไว้คือพรรคประชากรไทยของนายสุมิตร สุนทรเวช น้องชายนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย
“เหลิม” ชี้คดียุบพรรคใช้เวลา 2 ปี
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน หาก กกต.มีมติให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนว่า เรื่องนี้มีการเข้าใจผิดกันมาก ตามหลักกฎหมายการยุบพรรค ตุลาการรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสิน และกระบวนการพิจารณายุบพรรคจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ถ้าพรรคถูกยุบ สมาชิกพรรคมีสิทธิหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายใน 30 วัน ส่วนการอ้างว่านายยงยุทธเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค อาจจะทำให้พรรคถูกยุบอีกรอบนั้น มีประเด็นต้องพิจารณาคือมีความต่อเนื่องระหว่างผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำผิดอย่างไร แต่มั่นใจว่านายยงยุทธสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ทั้งหมด
“เชษฐา” แนะ กกต.ทำตามขั้นตอน
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพิจิตต รัตตกุล ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะไม่พอใจที่พรรคไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้ใบเหลืองใบแดงจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ พล.อ. เชษฐาตอบว่า ไม่เป็นไร หากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดก็ต้องรับผิด จะให้ใบเหลืองหรือใบแดงคิดว่าไม่มีปัญหา แต่ทั้งหมด ต้องอยู่ในกระบวนการประชาธิปไตยหรือระเบียบข้อบังคับ ขอให้ กกต.เดินไปตามขั้นตอน ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก
ชี้ยุบ พปช.เป็นแค่กระแส
เมื่อถามว่า หากมีใบเหลืองใบแดงมาก ทางพรรคจะพิจารณาการเข้าร่วมรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.เชษฐาตอบว่า ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะยังไม่แน่นอน ขอให้ใจเย็นๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวการยุบพรรคพลังประชาชนจะมีผลอะไรหรือไม่ พล.อ.เชษฐาตอบว่า เป็นเพียงกระแสเท่านั้น ทุกอย่างยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็ไม่ทราบว่าจะมีอะไรหรือไม่ แต่ขอย้ำว่าถ้าทุกอย่างดำเนินไปในกระบวนการประชาธิปไตย คงไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องการตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.เชษฐาตอบว่า ไม่น่ามีปัญหา ใครได้มากก็จัดก่อน จัดได้ก็จัดไป ถ้าจัดไม่ได้ก็ให้พรรคอันดับรองลงมาจัด แต่เป็นห่วงบ้านเมืองถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจจะแย่ และหนักลงทุกวัน
ข่าวจาก ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1290 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 11 ม.ค. 51
เวลา 11:56:27
|
