เจรจาตั้งรัฐบาล6 พรรคลงตัว "เพื่อแผ่นดิน-ชาติไทย" จูงมือแถลงร่วมกัน 17 ม.ค.นี้ เผย พปช.ได้ 23 เก้าอี้ ขณะที่ชาติไทย-เพื่อแผ่นดิน แบ่งพรรคละ 4 เก้าอี้ รวมใจไทยฯ-มัชฌิมาฯ พรรคละ 2 และประชาราชได้ 1 เก้าอี้ "จตุพร" ขู่ปลุกม็อบ นปก. หาก " สมัคร" วืดนายกฯ ด้าน กกต.ปัดไม่รู้เรื่องตัดต่อวีซีดี "ยงยุทธ" เตรียมเสนอผู้เชี่ยวชาญชี้ขาด

          พรรคเพื่อแผ่นดินได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อหามติในการเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีแกนนำพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค นายวัฒนา อัศวเหม ประธานที่ปรึกษาพรรค พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานคณะที่ปรึกษาพรรค นายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรค พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ผู้อำนวยการพรรค และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองหัวหน้าพรรค 

         นายสุวิทย์คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ที่จะเข้าร่วมรัฐบาล และให้ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ไปหารือร่วมกับพรรคชาติไทย ก่อนที่จะมีการแถลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 17 มกราคมนี้

          ต่อข้อถามว่าพร้อมสนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องมีการหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ ที่ประชุมกรรมการบริหาร มีความเห็นว่าพรรคควรที่จะผลักดันมติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ เพราะพรรคเพื่อแผ่นดิน มี ส.ส.ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง4 คน 

          นายสุวิทย์ยืนยันว่าการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้มีการต่อรองถึงเก้าอี้รัฐมนตรี แต่สิ่งเดียวที่เราต้องการ คือการผลักดันด้านเศรษฐกิจ และการเมืองของประเทศ ให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไข

          ด้านนายวัฒนาอัศวเหม กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ในการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งยืนยันว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว ระหว่างตนกับนายสมัคร ไม่ได้เป็นประเด็นในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ และคงไม่เอาเรื่องในอดีตมาคิดอีก ส่วนการแถลงร่วมกับพรรคชาติไทย จะมอบหมายหน้าที่ทั้งหมดให้นายสุวิทย์ และ พล.ต.อ.ประชาพรหมนอก เป็นผู้ดำเนินการ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมกรรมการบริหารครั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางนานกว่า 2 ชั่วโมงสมาชิกหลายคนเห็นว่า นายสุวิทย์ ควรดำเนินการผลักดันนโยบายของพรรค ให้นำไปสู่การปฏิบัติมากที่สุด ขณะที่ ม.ร.ว.กิติวัฒนาไชยยันต์ ส.ส. สัดส่วนกทม. กลุ่มของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ก็มีท่าทีที่อ่อนลง และได้ประกาศในที่ประชุมว่า อยากจะให้โอกาสนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสร้างความงุนงงให้นายวัฒนามากที่สุด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีจุดยืนชัดเจน ที่จะไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน ทำให้นายวัฒนาถึงกับอึ้ง ก่อนที่จะตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็น 1 ใน3 ผู้ประสานงานเรื่องการเจรจาเข้าร่วมรัฐบาลของพรรค

          ในที่สุดที่ประชุมส่วนใหญ่มีความเห็นสนับสนุนให้พรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติแต่มีเงื่อนไข 5 ข้อที่พรรคเคยประกาศไว้ว่าจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง และการขอดูแลปัญหาภาคใต้ต่อท้ายด้วย

          หลังจากที่ประชุมมีมติดังกล่าวนายวัฒนา และ พล.ต.อ.ประชาได้แสดงสปิริต ด้วยการขอถอนตัวจากการเป็นตัวแทนของพรรค ในการเจรจากับพรรคพลังประชาชน คงเหลือให้นายสุวิทย์ เป็นผู้เจรจาในขั้นตอนต่อไป

          รายงานแจ้งว่าการประชุมแกนนำพรรคในครั้งนี้ บรรดาแกนนำพรรคมีมติเอกฉันท์ที่จะเข้าร่วมรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกพรรค 2 คนได้แก่ นายสันติ สาทิพย์พงษ์ รองเลขาธิการพรรค และที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และนายกริช กงเพชร รองหัวหน้าพรรค ได้มีข้อโต้แย้ง และเป็นกังวลในการเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการเป็นนอมินีของนายสมัคร ที่อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับการยุบพรรคได้ ซึ่งสิ่งที่ตามมาอาจจะทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะนายวัฒนา มีความเห็นว่า ควรรอให้สมาชิกรอคำพิพากษาของศาล กรณีพรรคพลังประชาชน ถูกฟ้องเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณแต่สมาชิกส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยนายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และนายสุวิทย์ ต่างเสนอเหตุผลว่า การเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน จะทำให้พรรคเพื่อแผ่นดิน ดำเนินการทางการเมืองได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

          พผ.หวังสูง5 เก้าอี้บวกรองปธ.สภา

          รายงานข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินเปิดเผยว่า จากการหารือเบื้องต้นกับพรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น พรรคเพื่อแผ่นดินจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีทั้งหมด 5 ที่นั่งโดยแบ่งเป็น 2 กรณีคือ1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวง2 ที่นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ที่นั่งและตำแหน่งรองนายกฯ อีก 1 ที่นั่งส่วนอีกกรณีคือ รัฐมนตรีว่าการ 3 ที่นั่งและรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ที่นั่งนอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งรองประธานสภาที่พรรคต้องได้แน่นอน เนื่องจากเป็นพรรคอันดับ 3 ที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด

          รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่าในส่วนของกระทรวง ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าใครจะดำรงตำแหน่งใดบ้าง แต่เบื้องต้นพรรคเพื่อแผ่นดินได้เสนอชื่อกระทรวงที่พรรคเห็นว่ามีศักยภาพในการบริหารและดูแล ได้แก่ 1.รมว.อุตสาหกรรม2.รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที  3.รมว.พลังงาน4.รมช.ศึกษาธิการและ 5.รมช.มหาดไทยขณะที่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุวิทย์ จะรับตำแหน่งนี้ และมีความเป็นไปได้ที่นายสุวิทย์ จะควบอีก 1 ตำแหน่งจากกระทรวงที่เสนอไปข้างต้น 

          ประชาเหน็บชท.ข้าวไม่ใหม่ปลาไม่มัน 

          ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมยืนยันว่าภายในพรรคจะไม่มีความแตกแยกเกิดขึ้น เพราะเรื่องการเมืองก็คือเรื่องการเมือง เราจะไม่นำเรื่องการเมืองมาเป็นเรื่องส่วนตัว

          ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากประชุมกรรมการบริหารพรรคแล้ว จะมีการประชุมร่วมกับพรรคชาติไทยอีกหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า จริงๆ แล้วอยากเรียนว่า ตนอยู่ในเกือบทุกเหตุการณ์ ระหว่างผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งชาติไทยและเพื่อแผ่นดิน และได้หมายมั่นรักษาสัจจะกัน โดยจะไปไหนไปด้วยกันและอยู่ด้วยกัน ถ้าไปก็ไปอยู่ก็อยู่ ทำงานร่วมกันเป็นทีม ไปๆ มาๆ กับกลายเป็นว่าถ้าเป็นทีมฟุตบอลก็ต่างคนต่างเตะ ส่วนจะเป็นการไม่รักษาสัจจะหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ขอให้ไปถามทางผู้ใหญ่ในพรรคชาติไทยเอง 

          ต่อข้อถามถึงขณะนี้เพื่อแผ่นดินสามารถตัดสินใจได้เองโดยไม่จำเป็นต้องรอมติร่วมกับพรรคชาติไทยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ถ้าโดยหลักการแล้ว ในฐานะที่หัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นผู้ใหญ่ เคยมอบหมายให้ท่านตัดสินใจแทนได้ ตรงนั้นทางพรรคเพื่อแผ่นดินจึงให้ความไว้วางใจ 

          แต่หลังๆมานี้ไม่ทราบว่าอย่างไร ท่านไม่ได้พูดเหมือนเดิม อย่างที่ท่านเคยพูดมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าท่านจะรักษาคำพูดที่เคยพูดไว้หรือไม่ จึงเปรียบได้กับครอบครัว แรกๆ ก็ข้าวใหม่ปลามัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน เกี่ยวก้อยกันเลย พอนานๆ เข้าข้าวใหม่ปลาก็เริ่มกลายเป็นข้าวเก่า ปลาไม่มันแล้ว ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ ประธานคณะที่ปรึกษาพรรค กล่าว 

          "เติ้ง"แถลงข่าวดี 2 ทุ่มวันพฤหัสบดีนี้

          ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคชาติไทยนั้นเมื่อเวลา  15.05 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคชาติไทย พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน  โดยนายบรรหาร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เอาเป็นว่าเป็นข่าวดีแต่ตอนนี้ยังไม่ครบ 15 วัน ผมยังพูดอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าผมจะแถลงข่าวพรุ่งนี้ (17 ม.ค.) ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศฯ  เวลา 20.00 น.  

          แหล่งข่าวจากพรรคชาติไทยเปิดเผยว่า ในวันที่ 17 มกราคม นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และแกนนำพรรค ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค นายเกษม สรศักดิ์เกษม รองเลขาธิการพรรค และนายวราวุธ ศิลปอาชา กรรมการบริหารพรรค จะเดินทางลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อช่วยนายหรั่ง ธุระพล ผู้สมัครพรรคชาติไทย หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 20 มกราคมนี้ โดยนายบรรหารเดินทางจากสนามบินดอนเมือง โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน ดีดี 9200 เวลา 06.00 น. และเดินทางกลับถึงสนามบินดอนเมืองในช่วงเย็น จากนั้นนายบรรหารและแกนนำพรรคจะเดินทางไปยังบ้านนายวัฒนา อัศวเหม ประธานที่ปรึกษาพรรค ย่านสวนหลวง ซึ่งได้นัดหารือกันระหว่างพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน ก่อนจะแถลงข่าวร่วมกันในเวลา  20.00 น.

         เผยแบ่งสรรเก้าอี้รมต.ลงตัวแล้ว

          รายงานข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชนแจ้งถึงความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งล่าสุดพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคชาติไทย เตรียมแถลงข่าวเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 17 มกราคม ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศฯ ถนนวิทยุ ว่า พรรคพลังประชาชน ได้เจรจาเงื่อนไขกับพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคลงตัวแล้วคือ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคประชาราช พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน และจะมีการแถลงข่าวร่วมกันทั้ง 6 พรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มกราคม โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างหาสถานที่ในการแถลงข่าว

          รายงานข่าวกล่าวว่าสัดส่วนเก้าอี้รัฐมนตรี และตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ที่พรรคพลังประชาชนยื่นข้อเสนอให้แก่พรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ มีดังนี้ พรรคพลังประชาชนได้ 23 เก้าอี้ซึ่งรวมถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วย โดยกระทรวงต่างๆ ที่พรรคพลังประชาชน จะเก็บไว้เองมีดังนี้ มหาดไทย  ยุติธรรม  การต่างประเทศ การคลัง การท่องเที่ยวและกีฬา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลังงาน สาธารณสุข รวมทั้งเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และ รมช.กระทรวงต่างๆส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และกระทรวงวัฒนธรรมนั้น เบื้องต้นพรรคจะมอบให้พรรคเล็ก หากพรรคเล็กไม่ยอมรับโควตานี้ พรรคพลังประชาชนก็ต้องรับไว้ โดยมอบกระทรวงที่ใหญ่กว่าให้พรรคเล็กแทน 

          รายงานข่าวกล่าวว่าส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้น พรรคพลังประชาชนจัดสรรโควตาไว้ 13 เก้าอี้แบ่งเป็นพรรคชาติไทยได้ 4 เก้าอี้คือ รมว.เกษตรและสหกรณ์รมว.ศึกษาธิการหรือกระทรวงคมนาคม กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การพัฒนาสังคมฯรวมทั้งตำแหน่งรองประธานสภา พรรคเพื่อแผ่นดินได้ 4 เก้าอี้ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่งโดยทราบว่าพรรคเพื่อแผ่นดินขอ รมว.อุตสาหกรรมหรือพาณิชย์ และ รมว.ไอซีทีและรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง  

          พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้2 เก้าอี้แบ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกรดบีหรือซี 1 ตำแหน่งและรัฐมนตรีช่วย 1 ตำแหน่งส่วนพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้รับ 2 เก้าอี้เช่นกันได้แก่ รัฐมนตรีกระทรวงเกรดบี 1 ตำแหน่งและรัฐมนตรีช่วย 1 ตำแหน่งโดยข้อเสนอของพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น ยื่นความต้องการว่า ต้องการ รมว.แรงงานและ รมช.เกษตรฯหรือ รมช.คมนาคมขณะที่พรรคประชาราชได้ 1 เก้าอี้ 

          มีรายงานว่าพรรคต่างๆจะได้รับโควตาตามที่ขอกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่นั้น ต้องรอให้พรรคต่างๆ แถลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนอย่างเป็นทางการเสียก่อน จากนั้นการเจรจาเพื่อต่อรองเก้าอี้กัน จะดำเนินการอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และยังทราบว่าในวันที่ 19 มกราคมนี้พรรคพลังประชาชนจะเรียกประชุม ส.ส. เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสภานัดแรกในวันที่ 21 มกราคม ส่วนตำแหน่งประธานสภานั้นเบื้องต้นพรรคกำหนดว่า จะมอบให้รองหัวหน้าพรรคคนใดคนหนึ่งรับหน้าที่นี้ แม้ตอนแรกจะมีข่าวว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช จะได้รับตำแหน่งนี้ แต่ข้อกล่าวหาการทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธยังไม่เสร็จสิ้น จนนายยงยุทธยังไม่ได้รับการรับรองสถานภาพ ส.ส. จาก กกต. จนตอนนี้แกนนำพรรคก็ต้องสรรหาตัวสำรองเอาไว้ คือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์

          "จตุพร" ขู่ปลุกม็อบหากสมัครวืดนายกฯ

          นายจตุพรพรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม6 พรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.รุ่น1) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุคุณหญิงพจมานเจรจากับผู้ใหญ่ในประเทศขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้าประเทศไทย โดยมีข่าวออกมาว่า ผู้ใหญ่ในประเทศไม่ต้องการให้นายสมัครขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีว่า พรรคมีนายสมัครเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อมาเป็นอันดับหนึ่ง มีเกียรติและศักดิ์ศรี ต้องให้หัวหน้าพรรคขึ้นเป็นนายกฯ แต่ถ้ารัฐบาลที่จัดตั้งโดยพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ ไม่มีนายสมัครเป็นนายกฯ พรรคนี้ก็ไม่ควรจัดตั้งรัฐบาลและไม่ควรจะมีพรรคชื่อพรรคพลังประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป 

          เมื่อถามว่าข่าวนี้ออกมาหลังจากมีข่าวว่าคุณหญิงพจมานไปเจรจากับผู้ใหญ่ นายจตุพร กล่าวว่า ผู้ที่จะชี้ว่านายสมัครสมควรที่จะเป็นนายกฯ หรือไม่คือประชาชน ไม่ใช่มือที่มองไม่เห็นหรือใครทั้งนั้น 

          "และถ้านายสมัครไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นปก.และประชาชนทั่วไปที่รักในระบอบประชาธิปไตยคงไม่ยอมแน่และเราจะต้องแสดงจุดยืนเรื่องนี้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้" นายจตุพร กล่าว

         "อ๋อย" ชี้เปลี่ยนสมัครเท่ากับยอมคมช.

          นายจาตุรนต์ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีข่าวว่านายสมัคร สุนทรเวช อาจไม่ได้เป็นนายกฯ ว่า หากนายสมัครได้เป็นหัวหน้าพรรค นายสมัครต้องเป็นนายกฯ ด้วย เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามหลักการ หากมีการเปลี่ยนแปลงจริงจะกลายเป็นการซูเอี๋ยทางการเมืองกับฝ่ายที่ยึดอำนาจ ยอมเป็นเบี้ยล่าง คมช.ด้วย 

          เมื่อถามว่าช่วงนี้มีกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร โทรศัพท์หารือกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เพื่อต่อรองในการตั้งรัฐบาล บทบาทและการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนตัวนั้นไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเกี่ยวข้องกัน หากเกิดการเจรจาจริง ก็ควรจะหารือกับคนที่เกี่ยวข้อง หากการที่มีกระแสข่าวว่าคุณหญิงพจมานไปพบผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเพื่อหารือเรื่องความสมานฉันท์ในบ้านเมืองก็อาจเป็นไปได้

          พปช.ยื่นศาลแจงข้อกล่าวหาคดีนอมินี

          นายยืนหยัดใจสมุทร คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในวันที่ 16 มกราคม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคยื่นคำแถลงการณ์เป็นหนังสือต่อศาลฎีกา กรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน กรณีเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย จึงไม่มีสิทธิส่งผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชาชน โดยให้เป็นโมฆะ รวมทั้งให้ศาลมีคำพิพากษาว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคม 2550 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ 

          นายยืนหยัดกล่าวว่า คำแถลงการณ์ดังกล่าวจะชี้แจงในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งทีมกฎหมายพรรคมีความเชื่อมั่นว่าศาลฎีกาจะยกคำร้องในคดีดังกล่าว มั่นใจว่าศาลจะยกฟ้องแน่นอน เพราะหากศาลจะวินิจฉัยเป็นโมฆะ ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนทั้งสองฝ่าย แต่คดีนี้ศาลงดไต่สวน แสดงว่าศาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับกรณีนี้แล้ว ซึ่งพรรคจึงจะยื่นคำแถลงการณ์เป็นหนังสือ ชี้แจงไปยังศาลใน 2 ประเด็น คือ 1.ศาลฎีกาไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ และ 2.นายไชยวัฒน์ ไม่มีอำนาจจะยื่นคำร้องในคดีนี้

          กกต.ยันไม่ใช่คนตัดต่อวีซีดี "ยงยุทธ"

          นายอภิชาตสุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ สมาชิกพรรคชาติไทย อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.เชียงราย ได้ถอนคำร้องคัดค้านนายยงยุทธ ว่า ทราบว่ามีหนังสือเข้ามาแล้วแต่ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ กกต.ก็ต้องมีการประชุมพิจารณาถึงเหตุผลในการขอถอนคำฟ้อง ทั้งนี้ในกฎหมายได้ให้อำนาจ กกต.อย่างกว้างขวาง ดังนั้น กกต.จะต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาในรายละเอียดในการถอนคำฟ้อง ผู้สื่อข่าวถามว่าหากยอมให้มีการถอนคำฟ้องต่อไปเกรงหรือไม่จะมีการฮั้วกัน นายอภิชาต กล่าวว่า "ก็นั่นนะซิ ถึงได้บอกว่าเป็นอำนาจที่กว้างขวางที่ กกต.พิจารณาให้ถอนหรือไม่ให้ถอน"

          นายอภิชาตยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธได้นำช่างเทคนิคเข้ามาดูวีซีดี ว่า ที่คุยกันในที่ประชุมเรื่องวีซีดี บอกว่าไม่เคยเห็นวีซีดีทั้ง 8 แผ่นเลย ที่ประชุมจึงอนุญาตให้ดูและนายยงยุทธก็ขอว่า จะนำผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตัดต่อมาดู เราก็บอกว่าให้มาดูได้ แต่ไม่อนุญาตนำออกไป และในการดูก็ต้องมีกรรมการร่วมอยู่ด้วย 

          เมื่อถามว่านายยงยุทธนำช่างเทคนิคมาดูแล้วระบุว่า มีการตัดต่อภาพนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ กกต.ได้มอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการไปพิจารณา ซึ่งทราบมาว่าทั้งคณะอนุกรรมการและนายยุทธ ก็เพิ่งได้ดูวีซีดีเป็นครั้งแรกพร้อมกัน ซึ่งมีอยู่ 8 แผ่น ส่วนหลังจากดูแล้ว จะมีการกล่าวอ้างเหตุผลอะไร เป็นความเห็น

          ยืนยันกกต.ไม่ได้เป็นคนตัดต่อ และ กกต.ก็ไม่ได้ทำวีซีดีนี้ เพราะมาจากสันติบาล ทั้งนี้ กกต.มีหน้าที่ในการพิจารณาในเนื้อหา ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.จะต้องไปดูในเรื่องของเทคนิคว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ถ้าเขาบอกว่ามีการตัดต่อก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการ เพราะเรื่องการตัดต่อไม่ใช่เรื่องของผม นายอภิชาตกล่าว

          ไม่หวั่นถูกฟ้อง-หาผู้เชี่ยวชาญสอบวีซีดีนายสุทธิพลทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หาก กกต.ยอมให้ถอนคำร้อง กกต.อาจถูกฟ้องร้องได้นั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของ กกต. ถ้า กกต.พิจารณาอย่างรอบคอบตามกรอบอำนาจของกฎหมายแล้ว การใช้อำนาจของ กกต.เป็นไปอย่างสุจริตก็จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ทั้งนี้การพิจารณาให้ถอนคำร้องหรือไม่นั้นก็ต้องดูหลายกรณี โดยเฉพาะในแง่การทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือกฎหมายอื่นใด ซึ่ง กกต.มีอำนาจในการดำเนินการ แม้จะไม่มีผู้ร้องคัดค้าน แต่ถ้าความจริงปรากฏ กกต.ก็ต้องสอบสวน ยืนยันว่าจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ รอบคอบ

          ส่วนที่นายยงยุทธติยะไพรัช เตรียมพิจารณาฟ้องร้องตำรวจสันติบาลหลังดูวีซีดีแล้ว โดยอ้างว่ามีการตัดต่อและกระบวนการสอบสวนของตำรวจสันติบาลไม่เป็นธรรมนั้น เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า  ควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่มีความเป็นกลางมาตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อเปรียบเทียบว่ามีการตัดต่อจริงตามที่นายยงยุทธกล่าวอ้างหรือไม่ ประสานตร.ดูแลเลือกตั้งบุรีรัมย์

          นายสุทธิพลยังกล่าวถึงการเลือกตั้งใหม่ในเขต1 จ.บุรีรัมย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม ว่า ได้รับการแจ้งจากรักษาการ ผอ.การเลือกตั้งจังหวัด ว่า ขณะนี้สถานการณ์ปกติ แต่เพื่อความไม่ประมาทได้ประสานกับตำรวจและฝ่ายปกครองให้ระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งหากไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น แม้จะมีบัตรเสียหรือบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวนมากก็คงไม่มีปัญหา แต่ก็ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มาก และในการประชุม กกต.ช่วงบ่ายเท่าที่ดู กกต.ก็มีความมั่นใจว่า หลังการเลือกตั้งรอบใหม่วันที่ 17 มกราคม กกต.ก็น่าจะสามารถประกาศรับรอง ส.ส.ได้ครบ 456 คน เพื่อจะสามารถเปิดประชุมสภานัดแรกได้ แต่หากมีปัญหาก็ต้องรอการเลือกตั้งรอบใหม่ ซึ่ง ครม.ได้กำหนดวันที่ กกต.ต้องส่งรายชื่อให้ ครม.เพื่อใช้ในการเปิดประชุมสภาภายในวันที่  21 มกราคมนี้

          นายสุเมธอุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคชาติไทย ถอนคำร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ว่า แม้มีการถอนคำร้องคัดค้าน แต่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 103 ก็ให้อำนาจ กกต.สอบสวนต่อได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่า กกต.ได้มอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการสอบสวนพยานแทนแล้ว โดย กกต.ไม่ต้องสอบปากคำผู้ถอนคำร้องด้วยตัวเอง 

          ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าคณะอนุกรรมการจะเสนอความเห็นเข้ามาเมื่อใด แต่บอกให้เขาทำให้เร็วที่สุด และขณะนี้ก็ทราบว่าคณะอนุกรรมการได้เดินทางไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ จ.เชียงราย แล้วต่อกรณีที่นายยงยุทธได้ให้สัมภาษณ์หลังจากดูวีซีดีครบ8 แผ่นแล้วเมื่อวันที่ มกราคม ว่า กว่าร้อยละ 80 เป็นการสร้างหลักฐานเท็จและมีการตัดต่อ และอาจจะมีการฟ้องกลับสันติบาลนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ทราบ หากนายยงยุทธกล่าวหาเช่นนี้ก็ต้องให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ และคณะอนุกรรมการก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาชั่งน้ำหนัก ซึ่งความเห็นที่คณะอนุกรรมการต้องเสนอว่าจะให้ถอนสำนวนนี้หรือไม่จะต้องส่งมาพร้อมกับสำนวนสอบสวนทั้งหมด

          นายสุเมธยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นพ้องในการให้ใบแดงต่อนายสุนทรวิลาวัลย์ อดีต ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่า คงต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส่วนกรณีที่นายสุนทรเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้วมีการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น กกต.ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนแต่อย่างใด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้เจ้าหน้าที่เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต. หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้วมีผลอย่างไรก็จะเสนอให้ กกต.พิจารณา คาดว่า กกต.จะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน เพราะแต่ละเรื่องอย่างมากพิจารณาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว โดยหากมีความชัดเจน กกต.ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา

ข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

ข่าวจากกระปุกดอทคอม