สื่อต่างประเทศ เชื่อ "หมัก" นั่งนายกฯ ส่งผลดีต่อไทยในช่วงสั้น

          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของไทยในวันนี้(28 ม.ค.) โดยการให้สัมภาษณ์จากนักวิชาการ ระบุว่า การที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี อาจช่วยให้สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองสงบลงได้ในระยะสั้น และอาจเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากหลายฝ่ายคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะยกเลิกมาตรการ 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเรียกนักลงทุนให้กลับมาลงทุนในไทย ส่วนการบริหารประเทศในระยะยาวนักวิเคราะห์มองว่าขึ้นอยู่กับความสามารถของนายสมัคร ในการควบคุมอารมณ์ และการควบคุมสถานการณ์เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย

ระบุช่วยสนับสนุนอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ

          สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี รายงานว่า รัฐสภาของไทยได้ลงมติเลือกนายสมัคร สุนทรเวช นักการเมืองฝ่ายขวา และพันธมิตรผู้ใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยแล้ว ท่ามกลางกระแสวิตกของนักวิเคราะห์ว่านายกฯคนใหม่ของไทยอาจนำเมืองไทยไปสู่ความแตกแยกหลังเมืองไทยพยายามกลับคืนสู่หนทางประชาธิปไตยหลังการยึดอำนาจของกองทัพ 

          โดยเป็นที่รู้กันว่า นายสมัครเป็นตัวแทนของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้เลือกให้เขาเป็นผู้นำพรรคพลังประชาชน ก่อนประสบชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนที่แล้ว และมองกันว่าชัยชนะของพรรคจะเป็นแผ่วทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเมืองไทย อย่างไรก็ตาม นายธิตินันท์ พงษ์สิทธิรักษ์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า แม้ว่า นายสมัครจะมีบุคลิกชวนทะเลาะ ก้าวร้าว และไม่ประนีประนอม แต่คนไทยจำนวนมากก็มองว่าเขามีบุคลิกเป็นมิตร เป็นเหมือนลุง และไม่ได้เกลียดที่เขาเป็นคนหยาบคาย 

          ด้านเอเอฟพีรายงานว่า ระหว่างการเปิดรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าฝ่ายค้าน กล่าวแสดงความวิตกต่อการขาดวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศของนายสมัคร และการที่เขายังคงเผชิญคดีฟ้องร้องทางกฎหมาย นอกจากนี้ เขายังได้เรียกร้องนายสมัครมุ่งความพยายามที่แก้ไขเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกำลังตามหลังประเทศอื่น ๆ ของอาเซียน ระบุว่า เขาต้องการเห็นรัฐบาลใหม่ขจัดปัญหาเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นในเมืองไทยขึ้นมาโดยเร็ว และว่ารัฐบาลไม่มีเวลามากที่จะเฉลิมฉลอง เพราะยังมีปัญหาต่าง ๆ ที่จำเป็นจะต้องแก้ไข รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้เต็มไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจำเป็น แต่จะต้องบริหารงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องซื่อสัตย์สุจริต

          ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญทั่วไป) เมื่อวันที่ 28 มกราคม ได้มีมติเห็นชอบให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนะเสียง 310 เสียง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเข้าชิง และได้คะแนน 163 เสียง

"ม.ร.ว.กิติวัฒนา" ลาป่วย

          ก่อนการประชุมสภาเพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ ที่จะเริ่มขึ้นเวลา 09.30 น.นั้น แต่ละพรรคได้นัดประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 โดยคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป) พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ได้นัดหารือ ส.ส.ของพรรค 24 คน ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ 3401 อาคาร 3 รัฐสภา โดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษา พผ.และ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3 ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ม.ร.ว. กิติวัฒนา ไชยันต์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6 ป่วยหนัก ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา และมาถึงช่วงเช้าวันนี้ก็ยังลุกไม่ไหว จึงขอลาการประชุม

"หมอแว" พลิ้วหันโหวตหนุน

          จากนั้นนายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร และวิป พผ. ได้ซักซ้อมขั้นตอนในการลงมติเลือกนายกฯ พร้อมถาม นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส และประธานกลุ่มสัจจานุภาพ ถึงข่าวที่ว่าจะโหวตสวนมติพรรค เพื่อต่อรองโควต้ารัฐมนตรี แต่ นพ.แวมาฮาดีปฏิเสธ และยืนยันว่าจะทำตามมติพรรค

          ต่อมา นพ.แวมาฮาดีให้สัมภาษณ์ว่า จะปฏิบัติตามมติพรรค และไม่เคยพูดว่าจะโหวตสวนมติพรรค ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีอ่อนลงเพราะเจรจาต่อรองโควต้ารัฐมนตรีของกลุ่มลงตัวแล้วใช่หรือไม่ นพ.แวมาฮาดีกล่าวว่า ไม่เคยเจรจา และไม่เคยต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีให้ ส.ส.ในกลุ่ม และจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี มีแต่สื่อถามเองตอบเอง เมื่อถามว่า เหตุใดจึงมาโยนบาปว่าสื่อเขียนเอง นพ.แวมาฮาดีกล่าวว่า "ก็ถูกต้อง แต่ผมไม่ได้บอกว่าขอต่อรองเป็นรัฐมนตรี"

          ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดินว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค พผ. ได้เชิญ นพ.แวมาฮาดีไปพบช่วงเย็นวันที่ 27 มกราคม เพื่อเกลี้ยกล่อมให้โหวตเลือกนายสมัครไปก่อน เพื่อไม่ให้ผิดมารยาทในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

"หมัก" อารมณ์ดี-ม็อบเชียร์ตึม

          ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้เดินทางถึงสภาเวลา 08.40 น. ด้วยรถยนต์จากั้ว สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ศศ 993 กทม. และกล่าวอย่างอารมณ์ดีเมื่อพบกับผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่มารุมถ่ายภาพว่า "เดี๋ยวหยุดให้ถ่าย จะได้ไม่ต้องเดินชนกัน"  ก่อนหยุดให้ช่างภาพได้ภ่ายภาพ (อ่านรายละเอียด น.2)
ขณะที่หน้ารัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้ามีประชาชนที่สนับสนุนนายสมัครกว่า 100 คน นำโดยกลุ่มทำดีรักประชาธิปไตย กลุ่มคนรักชาวอีสาน กลุ่มคลื่นรักประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาติปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาชุมนุมให้กำลังใจแก่นายสมัคร มีการเชิดหุ่นมังกรทอง ดอกไม้ และป้ายผ้า เขียนข้อความสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ รวมทั้งตะโกนด่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ด้วยถ้อยคำหยาบคาย

ช่อง11ทำภาษามือแทน "หมัก"

          เวลา 09.30 น. เริ่มประชุมสภา โดยนายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ทำหน้าที่ประธานชั่วคราว แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เป็นรองประธานสภา คนที่ 1 และ 2 ตามลำดับ จากนั้นนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เชิญประธานและรองประธานทั้ง 2 คน ขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม รวมสมาชิกเข้าประชุมทั้งหมด 476 คน

          ทั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 โดยมีการแปลภาษามือสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน ผู้แปลได้ใช้สัญญาณมือแทนนายสมัคร ด้วยการทำมือครอบจมูก ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนนายอภิสิทธิ์ ทำมือเป็นวงกลมรอบใบหน้า ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งหมายความว่าหน้าตาดี 

          ทั้งนี้ นายยงยุทธ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมครั้งแรก ได้นำสมาชิกร่วมยืนถวายความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

"เลี้ยบ" ชงชื่อ "สมัคร" นั่งนายกฯ

          จากนั้นเข้าสู่วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ส.ส.สัดส่วน และเลขาธิการ พปช. ซึ่งนั่งข้างนายสมัคร เสนอชื่อนายสมัคร โดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน ปชป. ขอหารือว่า ให้บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์ และเปิดโอกาสให้ซักถาม ซึ่งนายยงยุทธได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายข้อเสนอดังกล่าว

"ยงยุทธ" คุมเกมสภาราบรื่น

          ทั้งนี้ ส.ส.ที่ลุกขึ้นอภิปราย มาจากพรรค ปชป. อาทิ นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องมีวุฒิภาวะ จิตสำนึก โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีคดีค้างในองค์กรตรวจสอบ และต้องมาแก้ปัญหาประเทศ จึงต้องทราบวิสัยทัศน์ ด้านนายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ กล่าวอยากรู้ว่า ผู้ถูกเสนอชื่อจะยุบคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) หรือไม่ จะนิรโทษกรรม 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหรือไม่ และการต้องคดีจำคุก 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญาในคดีหมิ่นประมาท รวมถึงกรณี คตส.ชี้มูลคดีรถดับเพลิง หากเกิดปัญหาจะทำอย่างไร ขณะที่ ส.ส.ซีกรัฐบาลหลายคนลุกขึ้นอภิปรายคัดค้าน อาทิ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พปช.

          จากนั้น ส.ส.ปชป.และ ส.ส.ซีกรัฐบาล ต่างยกมือประท้วงกันไปมาเป็นระยะ แต่บรรยากาศก็ไม่ตึงเครียดมากนัก โดยนายยงยุทธพยายามไกล่เกลี่ยและเปิดโอกาสให้สมาชิกทั้งสองฝ่ายอภิปราย จนผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ พปช. เสนอให้ปิดการหารือ ที่ประชุมเห็นด้วยด้วยเสียง 300 ต่อ 154 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

"บัญญัติ" เสนอชื่อ "อภิสิทธิ์" ชิง

          จากนั้นนายยงยุทธได้ขอเสียงรับรองการเสนอชื่อตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 172 กำหนดไว้ 1 ใน 5 ของ ส.ส.ทั้งหมดคือไม่ต่ำกว่า 96 คน ปรากฏว่ามี ส.ส.จำนวน 304 คน รับรองนายสมัคร ขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน ปชป. เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้า ปชป.เป็นนายกฯ มีผู้รับรอง 165 คน
ต่อมานายยงยุทธขอมติที่ประชุมว่า จะให้ผู้ถูกเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ ที่ประชุมเห็นชอบกับญัตติให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ 145 เสียง ไม่เห็นด้วย 306 เสียง ไม่ลงคะแนน 5 เสียง

"สมัคร" ชนะ "อภิสิทธิ์" 310:163

          เวลา 11.30 น. ได้เริ่มกระบวนการลงคะแนนเห็นชอบผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย ด้วยการขานชื่อสมาชิกรายคนตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสาม ผลปรากฏว่าที่ประชุมลงมติเห็นชอบให้นายสมัครเป็นนายกฯ ด้วยคะแนน 310 เสียง นายอภิสิทธิ์ 163 เสียง งดออกเสียง 3 คือนายสมัคร นายยงยุทธ และนายอภิสิทธิ์ และ ส.ส.ไม่อยู่ลงคะแนน 1 คน คือ ม.ร.ว.กิติวัฒนา ทำให้นายสมัครดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสามบัญญัติว่า ต้องได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

          จากนั้น นายยงยุทธแจ้งว่า จะประชุมสภาครั้งต่อไปวันที่ 30 มกราคม วาระการพิจารณาข้อบังคับการประชุมสภา ให้สอดคล้องตามที่รัฐธรรมนูญ 50 บัญญัติ และการกำหนดวันประชุมและสมัยประชุมสภา และปิดประชุมสภาเวลา 12.45 น.

"ยงยุทธ" ทูลเกล้าฯชื่อ "สมัคร"

          เวลา 15.45 น. ที่รัฐสภา นายยงยุทธกล่าวว่า บ่ายวันเดียวกันนี้ ตนได้นำรายชื่อนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผ่านไปทางสำนักราชเลขาธิการแล้ว ขั้นตอนจากนี้ไปขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยว่าทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อไหร่

          รายงานข่าวจาก พปช.แจ้งว่า แกนนำพรรคได้แจ้งกับ ส.ส.พปช.ให้ลงชื่อจำนวน 150 คน เพื่อขึ้นรถบัสที่ทำการพรรคอาคารไอเอฟซีที เดินทางไปบ้านพักในหมู่บ้านโอฬาร ซอยนวมินทร์ 81 ของนายสมัคร เวลา 15.00 น. ในวันที่ 29 มกราคม เนื่องจากคาดว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี

ส.ส.ไม่คุ้นเครื่องลงคะแนนใหม่

          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการโหวตญัตติ และการรับรองผู้ถูกเสนอชื่อที่ต้องใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ปรากฏว่ามีความขลุกขลัก โดยเครื่องลงคะแนนจำนวนหนึ่งใช้ไม่ได้ ทำให้การลงคะแนนโหวตญัตติและการรับรองผู้ถูกเสนอชื่อ วุ่นวายพอสมควร ภายหลังการประชุม นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภา ชี้แจงว่า ปัญหาที่เกิดจากสมาชิกยังไม่คุ้นกับระบบ ไปเสียบช่องผิด โดยก่อนการประชุม สำนักเลขาฯได้แจกคู่มือการใช้เครื่องลงคะแนนไปให้แล้ว แต่สมาชิกคงไม่สนใจเท่าที่ควร

"ยุทธ" ยอมหน่อมแน้มหวั่นวอล์กเอ๊าท์

          ทั้งนี้ ก่อนเริ่มงาน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวกับ ส.ส.กทม.และ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่มาร่วมงาน ว่า อยากขอโทษที่วันนี้อาจจะไม่สบายใจที่เห็นตนทำหน้าที่หน่อมแน้มไปหน่อย แต่ความจริงไม่อยากให้มีการวอล์กเอ๊าท์ เพราะนายสมัครจะเป็นนายกฯไม่สง่างาม นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าซื้อเสียง ว่าเมื่อวันที่ 27 มกราคม ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ กกต.คนหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใครมาเล่าให้ฟัง ตรงกับข้อมูลของตนว่า คดีดังกล่าวตนถูกจัดฉากใส่ร้าย นอกจากนี้ ยังมีการขู่และกล่าวโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ารวยแล้วเพราะโกงมา ขณะนี้ได้หอบเงินไปอยู่ต่างประเทศแล้วยังจะไปเลือกอีกหรือ

ข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

 
          "ยงยุทธ" คุมโหวตนายกฯเลือก "สมัคร" ผ่านฉลุย 310:163 "เสนอชื่อขึ้นทูลเกลาแล้ว หมอแว" พลิ้วหันโหวตหนุน "หมัก" อารมณ์ดี-ม็อบเชียร์ตึม สื่อต่างประเทศเชื่อ "หมัก" นั่งนายกฯ ส่งผลดีต่อไทยในช่วงสั้น ระบุหนุนอำนาจ "ทักษิณ"