ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และ ทางอินเทอร์เน็ต
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ของพรรคฝ่ายค้านว่า แกนนำพรรคพลังประชาชนและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายอดิศร เพียงเกษ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายเนวิน ชิดชอบ และนายสรอรรถ กลิ่นประทุม มีการหารือเป็นการภายใน เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองภายในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน
โดยแกนนำเห็นตรงกันว่า ควรจะมีการปรับ คณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ เพื่อลดกระแสต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตร ภายหลังจากถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคร่วมรัฐบาลขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เนื่องจากล่าสุดพรรคพลังประชาชนประเมินว่า พรรคร่วมไม่พอใจการชี้แจงเรื่องเขาพระวิหารของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และปัญหาความขัดแย้งที่สะสมมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ที่มีปัญหาระหว่างนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งคาดว่าทั้งสองคนจะเป็น 2 รัฐมนตรี จาก 7 รัฐมนตรีที่คาดว่าจะถูกปรับออก
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า ล่าสุดแกนนำพรรคพลังประชาชนและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้เสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจรจากับนายสมัคร ให้พิจารณาปรับ คณะรัฐมนตรีเพื่อให้รัฐบาลเดินต่อไปได้โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปลดล็อกให้อดีตกรรมการบริหาร 111 คน ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้
ส่วนการที่ทีมการเมืองในพรรคพลังประชาชน ไม่ลุกขึ้นประท้วงช่วยเหลือในช่วงที่ นายนพดล ชี้แจงเหตุผลเรื่องกรณีปราสาทเขาพระวิหาร และปล่อยให้นายนพดลชี้แจง โดยวิปรัฐบาลจะทำเพียงประสานให้ ส.ส.ทั้งภายในพรรคและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตสนับสนุนรัฐมนตรีตามธรรมเนียม แต่จะใช้วิธีการนอกสภา เจรจาให้นายนพดลลาออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง หรืออาจสลับให้นายนพดลไปทำงานกระทรวงอื่น
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงเงื่อนเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จากเดิมที่ฝ่ายรัฐบาลนัดหมายกับฝ่ายค้านว่าจะเปิดการอภิปรายไม่เกิน 23.30 น. ของวันที่ 25 มิถุนายน และให้มีการโหวตลงมติในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 26 มิถุนายน แต่ล่าสุดเมื่อดูเนื้อหาและจำนวนรัฐมนตรีที่ยังไม่ถูกอภิปรายอีกหลายคน ก็เป็นห่วงว่าเวลาที่เหลืออาจไม่เพียงพอ จึงขยายเวลาการอภิปรายออกไปถึงวันที่ 26 มิถุนายน อีกหนึ่งวัน และลงมติในวันที่ 27 มิถุนายน
ข้อมูลจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|