|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
“สมชาย” ไม่วิจารณ์ “อภิรักษ์”
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ในคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงว่า เพิ่งทราบจากข่าว นี่ก็เป็นกระบวนการ ก็ต้องปล่อยไป เพราะ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ทำงานกันไป คงไม่ไปวิจารณ์หรือแทรกแซงสิ่งที่ ป.ป.ช.ทำ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเปิดรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง พรรคพลังประชาชนจะทำอย่างไร นายสมชายย้อนถามว่า จะมีการเลือกตั้งหรือเปล่า ถ้ามีการเลือกคนการเมืองก็ต้องสนใจเลือกตั้งอยู่แล้ว เมื่อถามว่า จะส่งคนเดิมลงหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ต้องดูก่อนว่าจะมีเลือกตั้งหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่รู้เลย เมื่อถามว่าเมื่อ ป.ป.ช.ตัดสินออกมาอย่างนี้ นายอภิรักษ์ควรลาออกหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ใคร ต้องตัดสินใจกันเอง ประชาชนต้องดูกันเอง เพราะทุกคนคงจะมุ่งหวังว่าสิ่งที่ทำไปเป็นประโยชน์ คงต้องแล้วแต่นายอภิรักษ์จะพิจารณาตัดสินใจเอง
มท.1 ระบุต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช. หาก ป.ป.ช.ส่งเรื่องมาแล้วจะพิจารณาไปตามอำนาจหน้าที่ในทางข้อกฎหมาย โดยต้องพิจารณาว่านายอภิรักษ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้รองผู้ว่าฯ กทม. รักษาราชการแทน แต่ถ้าเป็นกรณีนายอภิรักษ์ลาออกจากตำแหน่ง ปลัด กทม.ต้องรักษาการแทน จากนั้น กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯใหม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า สัญญาต่างๆจะเป็นโมฆะหรือไม่ พล.ต.อ.โกวิทตอบว่า ป.ป.ช.จะต้องแจ้งมาว่าได้พิจารณาความผิดใดบ้าง รมว.มหาดไทย รมช. มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย จะช่วยกันพิจารณาว่า ตามข้อกฎหมายสัญญาต่างๆจะเป็นโมฆะหรือไม่ และจะต้องฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่งอย่างไรบ้าง เชื่อว่า ป.ป.ช.จะส่งเรื่องมาโดยเร็ว และจะแจ้งความคืบหน้าให้ สื่อมวลชนทราบต่อไป
“ลีน่า จัง” ยกพวกลุยบี้ไขก๊อก
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 12.30 น. นางลีนา จังจรรจา อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นำทีมงานประมาณ 20 คน เดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการชูป้ายข้อความว่า “โคตรโกง กรรมติดจรวด” “คนที่โกงเงิน โกงภาษี กทม. ต้องติดคุก” “กกต.ต้องมีมาตรฐานแจกใบแดง และต้องเป็นกลาง” พร้อมทั้งจุดธูปขนาดใหญ่ 9 ดอก เพื่อสาปแช่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. และผู้ที่สร้างความเสียหายแก่ กทม. จากนั้นนางลีน่ากล่าวโจมตีนายอภิรักษ์ ผ่านเครื่องกระจายเสียง และเรียกร้องให้นายอภิรักษ์ลาออก เนื่องจากถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง โดยนางลีน่ากล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดต่อกรณีนายอภิรักษ์ และขอยืนยันว่าหากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งใหม่ ตนพร้อมจะลงสมัครแน่นอน ไม่ถอยแน่ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีการเปลี่ยนหีบบัตร ทำให้ได้ คะแนนแค่ 6,000 คะแนน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พรรคได้นำรั้วแผงเหล็กปิดกั้นตลอดบริเวณหน้าที่ทำการพรรค เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในพรรค นอกจากนี้ยังมีกำลังตำรวจจาก สน.บางซื่อ ประมาณ 10 นาย มาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยโดยรอบ
“อภิสิทธิ์” หารือเครียดกับ “อภิรักษ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ามาที่พรรค แต่นั่งอยู่ในห้องทำงานไม่นานก็หลบผู้สื่อข่าวออกไปทางประตูหลังตึกควง อภัยวงศ์ เพื่อออกไปหารือกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน หลังเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง นายอภิสิทธิ์จึงกลับเข้ามาที่พรรคด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก โดยมีนายอภิรักษ์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ตามเข้าไปสมทบ บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างเคร่งเครียด กระทั่งเวลา 15.10 น. การหารือสิ้นสุดลง นายอภิสิทธิ์เดินลงมาส่งนายอภิรักษ์ขึ้นรถกลับไปแถลงข่าวที่ศาลาว่าการ กทม. แล้วจึงยกขบวนแกนนำพรรคไปที่ห้องประชุมชั้น 2 เตรียมพร้อมรอดูการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวของนายอภิรักษ์
กล่อมไขก๊อกลดแรงกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือระหว่างนายอภิสิทธิ์ นายอภิรักษ์ และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพได้ออกความเห็นว่า นายอภิรักษ์ไม่จำเป็นที่จะต้องลาออกก็ได้ เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และกฎหมายไม่ได้บังคับให้ลาออก แค่ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากไม่ลาออกนายอภิรักษ์จะเจอกับแรงกดดันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปิริตของนักการเมือง การสร้างบรรทัดฐานให้กับการเมืองตามมาตรฐานของพรรค รวมทั้งการบริหารงานใน กทม.จะเกิดสุญญากาศ นายอภิรักษ์จะทนกับแรงเสียดทานเหล่านี้ได้หรือไม่ หากให้อยู่ในสภาพนี้ไปจนถึงวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน สุดท้ายถ้าศาลตัดสินว่านายอภิรักษ์ไม่หลุดคดีแล้วจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะต้องจบอนาคตทางการเมืองไปเลย และพรรคจะถูกกดดันอย่างหนัก แต่ถ้าตัดสินใจลาออกตอนนี้จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่ นอกจากนี้ หากที่สุดแล้วนายอภิรักษ์พ้นคดีก็ยังมีเวทีระดับชาติรออยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายอภิรักษ์รับฟังเหตุผลทั้งหมดแล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะตัดสินใจลาออกหรือไม่ ทำให้นายอภิสิทธิ์และแกนนำพรรคต้องไปรอลุ้นฟังการแถลงข่าวของนายอภิรักษ์จนถึงนาทีสุดท้าย
“อภิรักษ์” ลาออกให้มีผล 20 พ.ย.
ที่ศาลาว่าการ กทม. เวลา 15.30 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่ง โดยมีทีมรองผู้ว่าฯ กทม. ส.ก. คณะผู้บริหารและข้าราชการสังกัด กทม.มาให้กำลังใจ นายอภิรักษ์กล่าวว่า หลังจากถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ตนได้ใคร่ครวญไตร่ตรองและปรึกษากับครอบครัว พร้อมทั้งหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับคำแนะนำให้เคารพในเจตนารมณ์ของกฎหมาย ให้ ยุติบทบาทในการทำงานไปจนกว่าจะมีการตัดสินของศาล ซึ่งตนได้ตัดสินใจว่าจะหยุดทำหน้าที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่เพื่อให้เกิดผลกระทบกับการทำงานของ กทม.น้อยที่สุด ก็จะขอให้การลาออก มีผลหลังวันงานพิธีสำคัญที่ กทม.จะต้องดำเนินการถึงวันที่ 19 พ.ย.นี้ ส่วนกระบวนการตรวจสอบจะต้องดำเนินการต่อไป และจะต้องไปจบสิ้นกระบวนการในชั้นศาล พร้อมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์
โบ้ย “สมัคร” เซ็นเปิดแอล/ซีทิ้งทวน
นายอภิรักษ์กล่าวว่า โครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงเป็นโครงการที่เกิดขึ้นย้อนไปอย่างน้อย 2 ปี ก่อนที่ตนจะมาทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรก เป็นโครงการที่ดำเนินการในระดับรัฐบาลในลักษณะที่เรียกว่าแบบรัฐต่อรัฐ มีการลงนามในระดับเอโอยูโดย รมว. มหาดไทยกับเอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทย และมีการลงนามในสัญญาซื้อขายระหว่าง กทม.และบริษัทสไตเออร์ฯ ในสัญญาเอโอยูมีเงื่อนไขให้มีการเปิดแอล/ซีภายใน 30 วันหลังลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 47 แต่วันนี้ข่าวยังเข้าใจว่าตนเป็นผู้เข้ามาเปิดแอล/ซีเพื่อให้สัญญามีผลทางกฎหมาย และเกิดกระบวนการจ่ายเงิน จึงอยากให้มีความชัดเจนว่าในช่วงที่มีการเลือกตั้งวันที่ 29 ส.ค. 47 นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าฯ กทม.สมัยนั้น ได้เปิดแอล/ซีเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 6 ก.ย.47
ยันโปร่งใส-ไม่มีเจตนาทุจริต
นายอภิรักษ์กล่าวว่า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งวันที่ 6 ก.ย. 47 ได้มีกระแสข่าวการตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง นอกเหนือจากเป็นโครงการระดับรัฐบาลและ กทม. กับบริษัทสไตเออร์ฯแล้ว ยังมีการส่งออกไก่ต้มสุก โดยกระทรวงพาณิชย์ในปริมาณที่มีมูลค่าเท่ากันกับการซื้อสินค้า ดังนั้นการตรวจสอบของ กทม.ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วภายใต้เงื่อนไขของข้อจำกัดเวลาในการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาดำเนินการให้แล้วเสร็จ แต่เมื่อเทียบกับวันนี้มีข้อมูลหลายเรื่องที่ปรากฏ มีการตรวจสอบโดย คตส.มากว่า 2 ปี หรือแม้แต่ ป.ป.ช. สิ่งที่ดำเนินการไปในช่วง 4 ปีที่แล้วอยู่บนเงื่อนภายใต้ ข้อจำกัดเวลาที่ตนได้ตรวจสอบโครงการเพื่อที่จะให้เกิดความโปร่งใสและมั่นใจ กระทั่งในที่สุดก็เป็นสิ่งที่คิดว่าหลายท่านก็อาจไม่ทราบว่าผลทางกฎหมายในสัญญาที่เกิดขึ้นเป็นเจตนารมณ์ที่ได้ทำโดยการลงนามในสัญญาที่มีความผูกพันในระดับเอโอยู และสัญญาซื้อขายระหว่าง กทม.กับบริษัทสไตเออร์ฯ รวมทั้งการดำเนินการให้แล้วเสร็จในส่วนของการเปิดแอล/ซี แต่สิ่งที่ดำเนินการในระยะเวลานั้นมีความพยายามในการทบทวนโครงการภายใต้ข้อจำกัดของข้อมูลข้อเท็จจริง สิ่งที่ทำไปอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจที่จะรักษาประโยชน์ของ กทม.และประชาชนโดยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้มีการดำเนินการทุจริตแต่ประการใด
อ้างถ้าทำต่ออาจถูกฟันฐานละเว้น
นายอภิรักษ์กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะตัดสินใจยืนยันแอล/ซีที่อดีตผู้ว่าฯ กทม.เปิดไว้แล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 47 คณะกรรมการได้ลงความเห็นว่า สัญญามีผลในทางกฎหมาย ถ้าไม่ดำเนินการคู่สัญญาสามารถฟ้องร้องและเกิดความเสียหายกับ กทม. รวมทั้งยังมีหนังสือยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยมาถึง 4 ฉบับให้ดำเนินการ เป็นหนังสือชอบด้วยกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม ในที่สุดคณะกรรมการได้เสนอให้ดำเนินการยืนยันแอล/ซีที่ได้มีการเปิดไว้แล้ว มีผลผูกพันในฐานะที่สัญญามีผลในทางกฎหมาย
นายอภิรักษ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าต่อสู้คดี ตอนนี้ยังไม่ได้ติดสินใจว่าจะลงเล่นการเมืองระดับชาติหรือเลิกเล่นการเมือง หวังเพียงว่าให้ กระบวนการทางศาลเสร็จสิ้นโดยเร็ว ส่วนใครจะมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทน เชื่อว่าทางพรรคจะพิจารณาคนที่ดีที่สุด ขณะนี้ยังมีเวลาตัดสินใจ “จนถึงวันนี้ยังมีความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำไป ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดภายใต้ ข้อมูลและสถานการณ์ในวันนั้น ถ้าหากผมตัดสินใจไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่ดำเนินการต่อ ก็จะเป็นปัญหาฟ้องร้อง และผมอาจถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจ และผมยังเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรม และการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณไปถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่ถูกคดีหวยบนดินเป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจและเชื่อมั่นเอง”
“อภิสิทธิ์” ชื่นชมสปิริต “อภิรักษ์”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิรักษ์ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ว่า เห็นใจนายอภิรักษ์มาก การเปิดแอลซีนั้นเห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจทางหนึ่งทางใดก็เป็นปัญหา เนื่องจากปมต่างๆผูกไว้แล้ว ยืนยันว่าพวกเราทุกคนเชื่อมั่นในตัวนายอภิรักษ์ และพร้อมที่จะช่วยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ต่อไป การตัดสินใจของนายอภิรักษ์เพราะต้องการจะเห็นบรรทัดฐานหรือมาตรฐานของบ้านเมืองที่หลายฝ่ายต้องการเห็นในการเมืองไทย ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าชื่นชม อยากเห็นสังคมให้กำลังใจนักการเมืองที่พร้อมจะตัดสินใจเช่นนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และจะเปิดโอกาสให้ชาว กทม.มีโอกาสเลือกผู้บริหารมาใหม่แทนที่จะอยู่กับความไม่แน่นอนเป็นเวลานาน การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นประโยชน์สำคัญ หวังว่าจะช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในนักการเมือง
อ้างเสียงบเลือกตั้งเป็นต้นทุน ปชต.
ต่อข้อถามว่า จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายหรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประชาชนต้องเลือกตั้งใหม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า วันที่ตัดสินใจส่งนายอภิรักษ์เป็นวันที่เราได้รับข่าวสารอย่างชัดเจนว่า คณะอนุกรรมการของ คตส.เห็นว่านายอภิรักษ์ไม่ผิด จึงไม่เป็นธรรมถ้าจะปิดโอกาส เราก็เสียใจที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ส่วนความมั่นใจในการรักษาที่นั่งผู้ว่าฯ กทม.นั้น เรามีหน้าที่เลือกบุคคลที่คิดว่าดีที่สุดที่จะมารับใช้ชาว กทม. และนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค เป็นชื่อหนึ่งที่มีการพูดถึงกัน แต่ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกรณ์ ส่วนเรื่องการทุจริตของนายอภิรักษ์อาจถูกนำไปโจมตีในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกก็เป็นธรรมดา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นพรรคต้องรับผิดชอบ เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงทำความเข้าใจกัน เมื่อถามว่าหากพรรคส่งนายกรณ์ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.อีก นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราพูดกันมากในเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง แต่สำหรับประเทศประชาธิปไตย เรื่องนี้ถือว่าเป็นต้นทุน อย่างหนึ่งที่เราต้องแลกกับการมีการเมืองที่ยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้ และเป็นการเมืองที่ทำให้คนกล้ารับผิดชอบ หรือกล้าที่จะตัดสินใจเพื่อมาตรฐานทางการเมืองมากขึ้น
“กรณ์” ลั่นพร้อมสู้ศึกผู้ว่าฯ กทม.
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่พรรคต้องสูญเสียบุคลากรทางการเมืองอย่างนายอภิรักษ์ ถ้าศาลพิพากษาให้นายอภิรักษ์บริสุทธิ์ก็จะกลับมามีบทบาทในเวทีระดับชาติอย่างแน่นอน ส่วนที่มองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจถูกโจมตีที่ทำให้ประเทศเสียงบประมาณ 150 ล้านบาท ในการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น คิดว่าการตัดสินใจของนายอภิรักษ์เป็นเพราะต้องการยกระดับมาตรฐานการเมืองไทยตามที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการเห็น การตัดสินใจที่ทำให้จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งถือเป็นต้นทุนที่พวกเราต้องยอมจ่าย เพื่อให้ได้การเมืองที่มีมาตรฐานตามที่คาดหวัง ส่วนการหาบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทนนายอภิรักษ์นั้น ต้องรอพูดคุยกันในพรรคเร็วๆนี้ว่าจะนำเสนอใคร อย่างไรก็ตามตนพร้อมทำตามมติพรรคเสมอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายอภิรักษ์ประกาศลาออกแล้ว บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้พูดคุยกันนอกรอบถึงบุคคลที่จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ โดยมีการเอ่ยชื่อ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และนายประกอบ จิรกิติ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. รวมทั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ส.ส. สัดส่วน ขณะที่นายอภิสิทธิ์แซวว่านายกรณ์กระแสตอบรับดีกว่าคนอื่น ขณะที่นายกรณ์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน
“ประภัสร์” แบไต๋พร้อมลงชิงเก้าอี้
ด้านนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง ภายหลังนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประกาศลาออกจากตำแหน่งว่า ต้องรอการประสานงานจากพรรคก่อนว่าจะตัดสินใจส่งลงสมัครอีกครั้งหรือไม่ และในหลักการเมื่อเข้ามาทำงานแล้วจะมีอิสระมากน้อยแค่ไหน เพราะตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน จึงอยากมีความอิสระในการทำงาน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็พร้อมเข้ามาทำงานอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า หากลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชนแล้วคิดว่าจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ นายประภัสร์ตอบว่า ต้องยอมรับว่า กทม.เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น ถ้าลงสมัครจริง ทีมงานพรรคพลังประชาชนจะต้องมาช่วยวิเคราะห์ให้มากขึ้น
พปช.ลั่นครั้งนี้มีลุ้น
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม. รองหัวหน้าพรรคและประธานภาค กทม. พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเย็นวันที่ 13 พ.ย. ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชนจะหารือกันที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งว่าจะส่งใครลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. โดยหลักอาจส่งคนเดิมคือนายประภัสร์ จงสงวน แต่ต้องถามนายประภัสร์และภรรยาว่าพร้อมหรือไม่ ครั้งนี้ถือว่ามีลุ้น เพราะผู้สมัครคนใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่นายอภิรักษ์
“ชูวิทย์” ขย่มซ้ำกระแส ปชป.ตก
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิรักษ์ประกาศขอลาออกจากตำแหน่งว่า ขอแสดงความเสียใจกับนายอภิรักษ์ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันที่วาดไว้ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. 2 สมัยซ้อน และเคยเตือนผู้สนับสนุนนายอภิรักษ์ที่เลือกเข้ามากว่า 9 แสนเสียงว่าเสียของเปล่า เพราะในที่สุดก็ต้องเสียงบประมาณและเสียเวลาจัดการเลือกตั้งใหม่ ที่สำคัญการเสียโอกาสในการทำงานพัฒนา กทม.โดยเปล่าประโยชน์ จากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาขอโทษคน กทม. เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนออกมารับรองความบริสุทธิ์ของนายอภิรักษ์เอง และขอเตือนว่าขณะนี้กระแสสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะนายอภิรักษ์ไม่ได้ลงสมัคร ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะส่งใครลงสมัครก็ขอให้คิดให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร ส่วนตนจะลงสมัครหรือไม่ จะแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 พ.ย. เวลา 10.00 น. ที่สวนชูวิทย์ ถนนสุขุมวิท
“เกรียงศักดิ์” รับหมดทุนสู้ศึกแล้ว
ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า อยากลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง แต่ต้องขอฟังเสียงสนับสนุนจากชาวกทม.ก่อนว่าจะช่วยเหลือหรือสนับสนุนได้มากน้อยแค่ไหน ยอมรับว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาทุ่มทุนไปหลายล้านบาท มีหนี้สินที่ยังไม่ได้ชำระคืน หากจะให้เลือกตั้งอีกก็ไม่มีทุนพอที่จะทำป้ายและทำโครงการหาเสียงอีกแล้ว ดังนั้น หากประชาชนยังอยากเห็นคนที่มีความตั้งใจจริง ทำงานเพื่อส่วนรวมเพื่อ กทม.แล้ว ขอให้ช่วยสนับสนุนตน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุนทรัพย์ในการหาเสียง ลงแรงช่วยประชาสัมพันธ์ แจ้งความเห็นหรือเจตจำนงผ่านมายังเว็บไซต์ส่วนตัวของตน หรือที่อยู่ที่เคยประกาศไปแล้วตอนหาเสียงครั้งที่ผ่านมา
กกต.เล็งจัดเลือกตั้งใหม่ 11 ม.ค. 52
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แทนนายอภิรักษ์ว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นระบุว่า เมื่อผู้ว่าฯ กทม.ลาออกจากตำแหน่งจะต้องมีการจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันนับจากวันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง เบื้องต้นกำหนดวันเลือกตั้งใหม่คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 11 ม.ค. 2552 โดย กกต.กทม.จะกำหนดวันรับสมัครและวันเลือกตั้งที่ชัดเจนอีกครั้ง เพราะหากจัดการเลือกตั้งในเดือน ธ.ค.นี้จะไม่สะดวก เนื่องจากมีงานเฉลิมพระ ชนมพรรษา 5 ธ.ค. ช่วงปลายเดือนก็มีงานฉลองคริสต์มาสและงานปีใหม่ ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการลาออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) กกต.กทม.จะตั้งงบประมาณออกค่าใช้จ่ายเองประมาณ 154 ล้านบาท เท่ากับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา
เตือนระวังหาเสียงช่วงปีใหม่
นายประพันธ์กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งใหม่ ถ้าจัดในช่วงเทศกาลปีใหม่แล้วมีการแจกของรางวัลจัดเลี้ยง ผู้สมัครทุกคนต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะถูกร้องเรียนได้ เมื่อถามว่าภายหลังเกิดกรณีของนายอภิรักษ์ ต่อไป กกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครให้ละเอียดกว่านี้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง นายประพันธ์ตอบว่า กกต.คงไม่สามารถห้ามผู้สมัครได้ เพราะการต้องคดีอาญาไม่ได้ เป็นเหตุให้เสียสิทธิความเป็นผู้สมัคร นอกจากศาลจะมีคำพิพากษาจำคุกเท่านั้น จึงจะไม่มีสิทธิสมัครได้ ดังนั้นถือเป็นดุลพินิจของผู้สมัครเอง
นายยศศักดิ์ คงมาก ผอ.สำนักงานปกครองและทะเบียน กทม. เปิดเผยว่า ในเบื้องต้น กทม.เตรียมกำหนดวันรับสมัครและวันเลือกตั้งเพื่อนำเสนอ กกต. โดยกำหนดไว้ 2 ช่วงคือ 26-30 ก.ย. หรือ 1-5 ธ.ค.นี้ ส่วนวันเลือกตั้งคือ วันที่ 11 ม.ค. 2552 ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีที่ผู้ว่าฯ กทม.พ้นจากตำแหน่ง ให้ปลัด กทม.เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเท่าที่จำเป็นไปพลางก่อน
อัยการรับลูกเตรียมส่งฟ้องคดี
ส่วนการดำเนินการกับผู้ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงนั้น นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการมีความพร้อมในการดำเนินคดี หาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนมาให้อัยการเพื่อฟ้องคดี ทางอัยการสูงสุดอาจมอบให้นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะทำงาน และตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสำนวนหาข้อบกพร่อง ต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน หากมีข้อไม่สมบูรณ์ ก็จะมีเวลาตรวจสำนวนเกิน 30 วันได้ คดีนี้เป็นการสอบสวนของ คตส. และ ป.ป.ช.รับมาดำเนินการต่อ ดังนั้นต้องมีการดำเนินการเหมือนพนักงานสอบสวน คือ ต้องเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งพฤติการณ์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดีแล้วแจ้งข้อหาให้ทราบ หน่วยงานหลักที่จะดำเนินคดีนี้คืออัยการสำนักงานคดีพิเศษ
“ยะใส” แนะ “สมชาย” ดูเป็นตัวอย่าง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ลาออกจากตำแหน่งว่า เป็นสปิริตที่ต้องชื่นชมทั้งนายอภิรักษ์และพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเมืองไทยขาดแคลนเรื่องสปิริตทางการเมือง ถ้านายอภิรักษ์จะดื้อแพ่งอยู่ในตำแหน่งต่อไปก็สามารถทำได้ด้วยการหาช่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ก็ไม่ทำ การเลือกลาออกถือเป็นแบบอย่างที่ดี กรณีนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีคดีโรมรันพันตูอยู่หลายเรื่องจะได้สำเหนียกเอาเป็นแบบอย่าง สปิริตทางการเมืองไทยที่เหือดแห้งมานานจะได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
รัฐบาลเร่งเครื่องล็อบบี้ ส.ว.แก้ไข รธน.
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าในการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 ว่า ต้องดูเวลาที่เหมาะสม หลังงานพระราชพิธีเราก็จะดูอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนอยากให้ชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อน นายวิทยาตอบว่า อยากรู้ว่าใครเป็นคนแถลงว่าต้องการให้ชะลอ อาจเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของโฆษกพรรคพลังประชาชน แต่ไม่ใช่มติพรรค นอกจากนี้ การจะมีมติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ใช่ฟังความเห็นเพียงแค่ในพรรคพลังประชาชน แต่ต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว.ด้วย เพราะต้องเป็นความเห็นร่วมกันของทุกพรรคการเมือง ขณะนี้รวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนได้ครบ 1 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภาแล้ว แต่ต้องกลับไปหารือกันอีกครั้ง ไม่ใช่ได้เสียง 1 ใน 5 แล้วจะพอ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยต้องได้รับความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้นสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ ส.ว.ก่อน
ส.ว.สรรหาเรียกหานายกฯคนนอก
นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา แถลงที่รัฐสภาว่า เป็นห่วงปัญหาวิกฤติการเมืองว่าหลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจะยิ่งเกิดความรุนแรงมากขึ้น กลุ่มพันธมิตรฯดีในแง่ให้ข้อมูลตรวจสอบรัฐบาล แต่วิธีการบางครั้งไม่ถูกต้อง ข้อเสนอการเมืองใหม่ยังไม่ชัด ส่วนรัฐบาลก็จะแก้รัฐธรรมนูญ คนจึงไม่ไว้ใจ ถ้าจะเอาการเมืองใหม่ตามพันธมิตรฯหากไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ต้องปฏิวัติ หรือหากยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่รัฐบาลก็คงชนะอีก จึงขอเสนอทางออก 9 ข้อคือ 1. รัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญเฉพาะมาตรา 171 วรรคสอง ให้นายกฯไม่ต้องมาจาก ส.ส. และแก้มาตรา 291 ให้มีการตั้ง ส.ส.ร.3 2. นายกฯต้องเสียสละด้วยการลาออก 3. สภาเลือกคนนอกที่เหมาะสมมาเป็นนายกฯชั่วคราวบริหารประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะได้คนที่สังคมยอมรับ เพราะหากมองดู ส.ส. 480 คนแล้วยากที่ทุกฝ่ายจะยอมรับ และให้แต่งตั้งรัฐมนตรีที่เชี่ยวชาญตรงสาขา 4. ให้มีการสรรหา ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ หรือจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
ขอพระราชทานอภัยโทษให้ม็อบ
นายวิชาญกล่าวว่า 5. กลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่างๆยุติการชุมนุม และรัฐบาลขอพระราชทานอภัยโทษให้ตามนโยบายสมานฉันท์ 6. รัฐบาลปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างอิสระกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่พยายามช่วยเหลือด้วยการ ขอพระราชทานอภัยโทษหรือออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะเป็นความผิดส่วนบุคคล และต้องทำกฎหมายให้ ศักดิ์สิทธิ์ 7. กรณีที่รัฐบาลทำผิดกฎหมายในช่วงที่ผ่านมาเช่นเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวน การยุติธรรม 8. เมื่อรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ให้ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ทันที 9. ทุกฝ่ายต้องช่วยกันให้ประเทศกลับสู่สภาวะนิติรัฐโดยเร็ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ความเชื่อมั่น และการพัฒนาที่ยั่งยืน
เตรียมล่าชื่อทำจดหมายเปิดผนึก
นายวิชาญกล่าวว่า ได้แจกข้อเสนอนี้กับ ส.ว.บางส่วนแล้ว มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และแจกให้ประธานวุฒิสภาเพื่อนำไปคุยกับภาคส่วนต่างๆ นอกจากนี้ จะแจกให้กับ ส.ส.ภายในสัปดาห์นี้ โดยจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.และ ส.ว.ที่เห็นด้วยทำเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรี กลุ่มพันธมิตรฯ และประธานเครือข่ายสานเสวนาฯ และสังคม เพื่อหาฉันทมติข้อเสนอดังกล่าวด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ เหมาะสมจะเป็นนายกฯคนนอกตามที่เสนอมาหรือไม่ นายวิชาญ ตอบว่า ไม่ขอวิจารณ์ตัวบุคคล แต่มีคนไทยอีกหลายคนทำหน้าที่นี้ได้ ขอให้นายกฯและ ส.ส.เสียสละ มุ่งเป้าเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่เช่นนั้นเรื่องก็ไม่จบสิ้น และ ส.ส.ก็ยังทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่ ไม่ใช่พ้นจากตำแหน่งไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวิชาญได้จัดทำแผนผังเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไล่เรียงมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 จนมาถึงปัจจุบัน ความยาวประมาณ 3 เมตร แจกจ่ายแก่สื่อมวลชนด้วย
ลุ้นแจ้งข้อหา ครม.คดีเขาพระวิหาร
น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนถอดถอน ครม.ทั้งคณะ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีกระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จากการออกมติ ครม.สนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะทำงานรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆ ตลอดจนการสอบปากคำพยานต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำสำนวนเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ เพื่อให้ลงความเห็นว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา ครม.ทั้งคณะหรือไม่ และแจ้งข้อหาตามมาตราความผิดใด หากที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาแก่ ครม. ก็ต้องเชิญ ครม.มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป
นักวิชาการให้ข้อมูลฟัน “สมชาย”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต.ว่า นายสมคิด หอมเนตร และนายวัลลภ จันดาเป้า นักวิชาการอิสระ เดินทางเข้าชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะอนุกรรมการ สืบสวนสอบสวนกรณีที่มีการร้องเรียนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานของรัฐ อาจเป็นเหตุให้ความเป็นนายกฯสิ้นสุดลง การชี้แจงครั้งนี้ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นนายสมคิดเปิดเผยว่า ได้นำเอกสารทางราชการที่ระบุชัดเจนว่า นายสมชายถือหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ กรณีดังกล่าวมีความชัดเจนกว่ากรณีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ จึงไม่ต้องส่งให้องค์กรใดตีความเรื่องคุณสมบัติอย่างแน่นอน ส่วนคณะอนุกรรมการจะเรียกนายสมชายมาชี้แจงหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่อาจจะไม่เรียกมาชี้แจง เพราะสำนวนดังกล่าวนั้นมีความสมบูรณ์ชัดเจน และเท่าที่ทราบคณะอนุกรรมการได้เรียกเอกสารจากหน่วยงานของรัฐที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทที่นายสมชายถือหุ้นอยู่มารวมไว้ในสำนวนเรียนร้อยแล้ว คาดว่าน่าจะสรุปสำนวนเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ กกต.ในสัปดาห์หน้า
นายกฯเยี่ยมให้กำลังใจทหารผ่านศึก
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ถนนวิภาวดีรังสิต นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางไปเยี่ยมทหารผ่านศึกที่พักรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก จากนั้นเดินทางไปร่วมประชุมสภาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ถนนราชวิถี ทั้งนี้นายสมชายให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการเยี่ยมดูแลทหารผ่านศึก ที่จริงก็ลืมไปว่ามีคนส่วนหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่เสียสละเพื่อประเทศ ชาติและประชาชน ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ต้องถือว่าคนเหล่านี้เสียสละเพื่อให้เราได้อยู่กันสุขสบาย เราต้องไม่ลืมเขา มีอะไรต้องมาดูแล พอเขาเป็นอย่างนี้แล้วก็ไม่มี ความสำคัญในสังคม ชีวิตอาจจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่สิ่งที่เขาทำมาล้วนเป็นประโยชน์ต่อเรา ฉะนั้นต้องพยายามให้เขาอยู่อย่างมีคุณค่าในชีวิต รัฐบาลต้องให้การดูแลคนเหล่านี้ สิ่งใดขาดตกบกพร่องก็จะให้ความช่วยเหลือ ถือเป็นงานส่วนหนึ่งที่ต้องทำและต้องดูแล
“สนธิ” เชียร์เลือกคน ปชป.เป็นผู้ว่าฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีปราศรัยภายในทำเนียบรัฐบาลว่า ขอชื่นชมนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แสดงให้เห็นว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีจริยธรรมสูงสุดในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมด เป็นตัวอย่างทางการเมือง หากต่อไปมีคำพิพากษาไปยังพรรคพลังประชาชนและพรรคชาติไทย ก็ไม่สมควรหน้าด้านอยู่ต่อไป แม้ตนจะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองนี้ ก็จะแสดงจุดยืนที่มีต่อไป ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งแทนนายอภิรักษ์ ขอให้ทุกคนช่วยกันเลือกเพื่อเป็นการตอบแทนที่มีจริยธรรมทางการเมืองสูงที่สุด ใครทำดีประชาชนย่อมเห็นคุณความดี พรรคประชาธิปัตย์กล้าพอที่จะมองระยะยาว และถ้ามีความกล้าทางการเมืองมากกว่านี้ก็จะยิ่งดี
ที่มา ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
