ส่วนคดีที่แกนนำพันธมิตรฯและแนวร่วมฯ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา 1-9 ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อาจมีสิทธิ์เฮ หลังอัยการระบุอาจสั่งฟ้องไม่ทัน อ้างตำรวจทำสำนวนหยาบ แต่อย่าชะล่าใจ เพราะทุกคดีมีอายุความ 10 ปี ด้าน “ชัย ชิดชอบ” ลั่นเอาชีวิตเป็นประกัน ไม่บรรจุวาระแก้ไข รธน.เข้าที่ประชุมร่วม 2 สภา 24 พ.ย. วอนพันธมิตรฯเห็นแก่ชาติ ปธ.วุฒิเตรียมถก ปธ.สภา ส.ว.สายพันธมิตรฯ ออกตัวโดนระเบิดเลยต้องเคลื่อนไหว
ภายหลังจากมือมืดถล่มยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาลเมื่อใกล้รุ่งสางวันที่ 20 พ.ย. ยังผลให้นายเจนกิจ กลัดสาคร พันธมิตรฯจากจังหวัดชลบุรี ที่นั่งฟังการปราศรัยอยู่เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีผู้ถูกแรงระเบิดได้รับบาดเจ็บทั้งมากและไม่มาก รวมกว่า 20 คน เบื้องต้น มีการสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ลอบถล่มยิงครั้งนี้ อาจยิงระเบิดเอ็ม 79 มาจากดาดฟ้าตึกสำนักงาน ก.พ. ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล วัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความหวาดกลัว จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงกับประกาศระดมพลครั้งใหญ่ โดยระบุว่าเป็นการระดมพลครั้งสุดท้ายของครั้งสุดท้าย ให้มาชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภาในบ่ายวันที่ 23 พ.ย. เพื่อกดดันไล่รัฐบาลและหากการต่อสู้ครั้งนี้พ่ายแพ้ ไม่ชนะอีกนั้น ก็จะเก็บข้าวของกลับบ้านไม่อดทนต่อสู้อีกต่อไป
ชี้ไม่เกินสิ้นเดือนรัฐบาลไปแน่นอน
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดจนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น ตลอดทั้งวันมีการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยการ์ดอาสาได้นำเครื่องตรวจวัตถุระเบิด คอยตรวจตราผู้ที่จะเดินเข้าไปภายในทำเนียบฯ และตรวจค้นกระเป๋าอีกด้วย นอกจากนี้ การ์ดอาสายังได้ประกาศขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมหากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งการ์ดทันที นอกจากนี้ พิธีกรบนเวทีได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเดินทางมาในวันที่ 23 พ.ย.นี้ โดยจะใช้เวลาการเผด็จศึกรัฐบาลแบบม้วนเดียวจบ ไม่เกินสิ้นเดือนนี้รัฐบาลไปแน่นอน ที่สำคัญช่วงนี้จะงดปราศรัยหลังเวลา 24.00 น. และโทรทัศน์เอเอสทีวีจะงดถ่ายทอดสดอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ชุมนุมได้พักผ่อนเต็มที่เก็บแรงไว้เคลื่อนไหวในวันที่ 23 พ.ย.นี้
จำลองปักใจเหตุบึ้มฝีมือรัฐบาล
เวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ แถลงที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบฯ ถึงเหตุการณ์ระเบิดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดย พล.ต.จำลองกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สำนักข่าวต่างประเทศประโคมข่าวว่าเป็นการกระทำที่แย่ที่สุด แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม ที่ทำร้ายแม้กระทั่งคนที่ไม่มีอาวุธและกำลังพักผ่อน ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของมือที่ 3 ตนคิดว่าขนาดเด็กยังรู้เลยว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล เพราะพันธมิตรฯชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนไม่ว่ามือที่ 3 หรือ 4 ดังนั้นการพูดของนายสมชาย เป็นการพูดอย่างไม่มีความรับผิดชอบ โยนความผิดให้ฝ่ายอื่นเป็นประจำ
เรียกร้อง มท.1 ให้ระบุเรื่องม็อบมีเส้น
พล.ต.จำลองยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ตอบกระทู้ในสภาถึงเหตุการณ์ระเบิดโดยระบุว่า ถ้าเป็นม็อบธรรมดาเหตุการณ์จบไปนานแล้ว แต่ม็อบนี้เป็นม็อบมีเส้นว่า อยากให้ พล.ต.อ.โกวิทแสดงความกล้าหาญ พูดความจริงอย่างตรงไปตรงมาว่า ม็อบมีเส้นหมายถึงใคร ขอให้พูดออกมาชัดๆ อย่ามาโกหก หรือขี้ขลาด ถ้าไม่กล้าพูดก็ไม่ควรมาเป็นตำรวจ เพราะจะทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
คุยฟุ้งไม่เกินเดือนชนะแน่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหววันที่ 23 พ.ย.นี้แบบม้วนเดียวจบหมายถึงอย่างไร แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่วางแผนไว้หมดแล้ว พันธมิตรฯชนะแน่นอนถ้ามีประชาชนเข้าร่วมเคลื่อนไหวจำนวนมาก และจะไม่ชุมนุมยืดเยื้ออย่างที่ผ่านมา คาดว่าไม่เกิน 1 เดือน ทุกอย่างยุติ รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ โดยอาจะมีการไปยึดรัฐสภาอีกแห่งก็ได้ ซึ่งจะต้องมีการประเมินสถานการณ์ตลอด ยืนยันว่าไม่มีการเสียเลือดเนื้อแน่นอน หากรัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
ตร.สอบปากคำผู้บาดเจ็บครบแล้ว
ที่ บช.น. เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรอง ผบก. ขึ้นไป ที่เกี่ยวข้องเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ภายในทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 พ.ย. จากนั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้กระจายสอบปากคำผู้บาดเจ็บหมดทุกคนแล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ จึงประสานไปยังแพทย์รักษาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ให้เก็บเศษสะเก็ดระเบิดที่ติดอยู่ ในร่างกาย เพื่อมาประกอบสำนวนการสอบสวน
โชว์ปืนที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ยิง
เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว.ตร. พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.กองพลาธิการ และสรรพาวุธ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 นำอาวุธปืนชนิดเอ็ม 203 ซึ่งเป็นแบบคล้ายกับปืนเอ็ม 16 ประกอบเครื่องยิงและปืนชนิดเอ็ม 79 พร้อมกระสุนขนาด 40 มม. คาดว่าน่าจะเป็นชนิดเดียวกับปืนที่คนร้ายใช้ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมมาแสดงต่อสื่อมวลชน จากนั้น พล.ต.อ.จงรักนำสื่อมวลชนไปตรวจสอบ บริเวณอาคารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือ ก.พ. ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นจุดยิง ที่บริเวณชั้นที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยภายในชั้นดังกล่าวมีหน้าต่างกระจกบางจุดยังไม่ได้ติดตั้งกระจก ทำให้มีช่องสามารถมองเห็นทำเนียบรัฐบาลได้อย่างชัดเจน ในวันเกิดเหตุที่ดาดฟ้าชั้นที่ 4 คนร้ายได้ยิงปืนขึ้นไปด้วย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ หลักฐาน เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว
ชี้ปืนเอ็ม 79 ยิงง่ายไม่ต้องฝึก
พล.ต.อ.จงรักกล่าวอีกว่า จากการสันนิษฐานคาดว่าคนร้ายอาจจะต้องการใช้ปืนชนิดเอ็ม 79 เนื่องจากขนาดสั้นกว่าเอ็ม 203 พกพาซ่อนเร้นสะดวกกว่า และมีระยะหวังผลยิงแนวระนาบแม่นยำในระยะประมาณ 100 เมตร ส่วนการยิงลงพื้นอยู่ในระยะ 400 เมตร วิธีการยิงก็ง่ายคนใช้ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน ส่วนการตรวจพื้นที่อาจจะไม่ใช่อาคาร ก.พ. เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าบนดาดฟ้าก็มีระเบิดขนาด เอ็ม 79 ตกใส่ ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะยิงมาจากจุดอื่น แต่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและหาวิถีรวมถึงระยะการยิง เพื่อมารวบรวมหาจุดยิงอีกครั้ง
มท.3 วอน พธม.อย่าปิดล้อมสภา
นอกจากนี้ นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะปิดล้อมรัฐสภาในวันที่ 23 พ.ย. ว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ไขด้วยการ เมือง ไม่ใช่แก้ด้วยวิธีนี้ ตอนนี้ความน่าเชื่อถือของประเทศ ไม่เหลือแล้ว การลงทุนจากต่างประเทศ การท่องเที่ยวลดลงไปมาก อยากให้ทุกคนคิดให้ดี คิดถึงพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ตนอยากถามกลับไปว่า ทำไมไม่ตอบแทนท่านบ้าง โดยส่วนตัวแล้วตนไม่ได้เข้าข้างใคร อยากให้ ปรองดองสมานฉันท์กัน เมื่อถามว่า หากมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงจะมีการเลื่อนการประชุมออกไปหรือไม่ นายประสงค์ตอบว่า ไม่ทราบ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลโวย พธม.ไร้เหตุผลชุมนุมใหญ่
เวลา 15.00 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯนัดชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งสุดท้ายที่รัฐสภา วันที่ 23 พ.ย. เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่ใช่เหตุผลที่มีน้ำหนักรับฟังได้ เพราะการประชุมรัฐสภาในวันที่ 24 พ.ย. ไม่มีญัตติเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาผ่านร่างบันทึกความเข้าใจต่างๆ กับต่างประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เพื่อให้ทันกรอบระยะเวลา ที่จะไปดำเนินการกับนานาประเทศ หากไม่มีการประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าว จะทำให้ประเทศไทยเสียหายในเวทีโลก โดยเฉพาะจะเสียหายในแง่ความน่าเชื่อถือและศรัทธาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้
ตร.เตรียมรับมือชุมนุม 23 พ.ย. รอบคอบ
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้เตรียมการในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคงไว้หรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า นายกฯไม่ได้มอบหมายเรื่องนี้ไว้ ในเบื้องต้นการดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดนั้นจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าตำรวจได้เตรียมการไว้อย่างละเอียดรอบคอบ หาก เกิดเหตุการณ์ที่เหลือบ่ากว่าแรง มีความจำเป็นต้องขอกำลังทหารมาสนับสนุนภารกิจ ก็เป็นเรื่องที่กระทำได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับแนวปฏิบัติเมื่อวันที่ 7 ต.ค. เมื่อถามว่าหาก กลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมจนไม่สามารถประชุมรัฐสภาได้จะดำเนินการอย่างไร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตอบว่า อยู่ที่ดุลพินิจของประธานรัฐสภา รัฐบาลจะรอความ ชัดเจนจากรัฐสภา เชื่อว่าประธานรัฐสภาคงจะกำลังคิดว่า จะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ในวันที่ 23 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ตนคงจะติดตามสถานการณ์อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลดอนเมือง
นายกฯมั่นใจ “อนุพงษ์” ไม่ปฏิวัติ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง อีกครั้งว่า เมื่อค่ำวันที่ 20 พ.ย. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้เรียกตนมาพบก่อนที่จะเดินทางไปประชุมเอเปค ที่ประเทศเปรู โดยตนได้ถามนายกฯว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในช่วง 2-3 วันนี้หรือไม่ นายกฯบอกว่า ไม่ได้หารือกัน จึงถามต่อว่า ท่าทีของกองทัพเป็นอย่างไรต่อสถานการณ์ ขณะนี้ นายกฯก็ยืนยันว่าท่าทีของผู้นำเหล่าทัพเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหา ทุกคนเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีสัญญาณใดๆว่าจะเกิดความเสียหาย หรือเกิดสิ่งอันไม่พึงปรารถนา ตนยังได้ถามต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ว่าอย่างไร นายกฯเล่าให้ฟังว่า นายกฯได้ กล่าวกับ พล.อ.อนุพงษ์ว่า ฝากให้ช่วยดูแลด้วยนะ พล.อ. อนุพงษ์กล่าวตอบว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้นายกฯเดินทางไปประชุมด้วยความสบายใจ ตนยังได้ถามนายกฯด้วยว่า ได้ยิน พล.อ.อนุพงษ์พูดอย่างนี้แล้วรู้สึกอย่างไร นายกฯ กล่าวตอบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีโอกาสได้สัมผัสกับ พล.อ.อนุพงษ์ เอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของ พล.อ. อนุพงษ์ คือเป็นคนตรงไปตรงมา พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
เชื่อ ผบ.ทบ.เป็นลูกผู้ชายชาติทหาร
โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า นายกฯบอกด้วยว่า เชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ และเชื่อในความเป็นชายชาติทหาร ดังนั้น ใครก็ตามที่เป็นห่วงว่าเงื่อนไขในวันที่ 23-24 พ.ย.นี้ จะไปเข้ากับเงื่อนไขสถานการณ์เช่นเดียวกับวันที่ 19 ก.ย. 2549 นั้น ก็ได้รับคำตอบอย่างนี้จากนายกฯ และได้ให้ความเชื่อมั่นในจุดยืนของ ผบ.ทบ. ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายกฯสอบถาม พล.อ.อนุพงษ์เช่นนั้น เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่มั่นใจ แต่คนที่จะพูดในนามรัฐบาลคือนายกฯ แต่ตนในฐานะผู้ปฏิบัติงานและมีคนโทรศัพท์มาสอบถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเหมือนเหตุการณ์วันที่ 19 ก.ย. 2549 หรือไม่ จึงได้สอบถามกับนายกฯ และได้รับคำตอบอย่างนี้ รัฐบาลมั่นใจในท่าทีของผู้นำเหล่าทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เมื่อถามว่า การที่ออกมาแถลงข่าวเช่นนี้เป็นการตีกันทหาร เพราะกลัวปฏิวัติใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ไม่ได้ ตีกัน จะไปตีกันได้อย่างไร และตนไม่กลัวการปฏิวัติ
ปลัด กห.เย้ย เสธ.แดงแค่หมอดู
เวลา 14.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ กลุ่มพันธมิตรฯประกาศสงครามใหญ่ในวันที่ 23 พ.ย. ว่า ไม่ห่วงใยในสถานการณ์ คิดว่าคงไม่บานปลาย ส่วนที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ระบุ จะมีเหตุระเบิดในการชุมนุมวันดังกล่าวนั้น พล.ต.ขัต-ติยะเอาข้อมูลมาจากไหน ไม่เชื่อว่าหมอดูขัตติยะจะดูถูก อาจถูกครั้งเดียว ต่อไปอาจไม่ถูก ต้องระวังในสถาน-การณ์มากขึ้น คิดว่าไม่น่าเกิดเหตุรุนแรง กองทัพเตรียม พร้อมรับคำสั่งตลอดหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง กองทัพพร้อมรับมือ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอ นายกฯคงประเมินว่าไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าแรงเจ้าหน้าที่
ยืนกรานกองทัพไม่ทำปฏิวัติ
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯประกาศชุมนุมขั้นแตกหัก พล.อ.อภิชาตตอบว่า เคยได้ยินมากี่ครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ ปรามาสว่าเขาจะระดมพลไม่ได้ ปัจจุบันผู้มาร่วมชุมนุมเริ่มลดลง อยากให้ทุกคนคิดอย่างมีเหตุมีผล ว่าการดำเนิน การของแกนนำพันธมิตรฯถูกต้องหรือไม่ สมควรจะไปร่วมชุมนุมหรือไม่ อยากให้ประชาชนไตร่ตรองให้รอบคอบ ถอยคนละก้าว ใช้สติยับยั้ง ทุกอย่างก็คลี่คลายได้ ไม่มี ใครเสียเกียรติ ทุกฝ่ายเป็นผู้ชนะหากถอยคนละก้าว อย่างไร ก็ตาม ยืนยันว่ากองทัพไม่มีการทำปฏิวัติ ผบ.เหล่าทัพคุยกันตลอด เราคงไม่ทำอะไรไม่ถูกต้อง เชื่อว่า ผบ.ทบ. ผบ.เหล่าทัพ มีความหนักแน่น ระดับรองลงไปคงไม่มีปัญหาอะไร และระดับล่างจะไม่ทำอะไร นอกเหนือจาก ผบ.เหล่าทัพสั่ง
เสธ.แดงขู่ พธม.ตายนับร้อย
ขณะที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์หลังถูก 40 ส.ว. เรียกร้องให้ ผบ.ทบ.สั่งขังว่า พวกนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ ส.ว. แต่เป็นพวกป่วนเมือง และมีแค่ 7 คน แต่อ้างว่ามี 40 คน หน้าที่ ส.ว.ต้องถอดถอน ผบ.ทบ. ไม่ใช่มายุ่งกับตน ถ้านายกฯกล้าบรรจุตนลง กอ.รมน. ก็สามารถจับ ส.ว.7 คน และ 5 แกนนำพันธมิตรฯห้อยไปตะรุเตาด้วยกัน ระวังตัวด้วยเจอกันแน่ ในวันที่ 23 พ.ย. เป็นวันสำคัญที่สุด ต้องมีมือที่ 3 มั่วอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดต้องกวาดล้างและปรับปรุงทำเนียบให้เสร็จก่อนวันที่ 5 ธ.ค. เพราะตอนนี้เหลือแค่นักรบศรีวิชัยอยู่รอบนอก ทำผิดกฎหมายพกปืน ระเบิด อูซี่ เอชเค 33 ตำรวจต้องเร่งกวาดล้างทำเนียบ ไม่อย่างนั้น หากมีการทอดกฐินหลวง พล.ต.อ. จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. จะโดนด่าว่าไม่สามารถรักษา ความสงบได้ ต้องจัดการก่อนวันที่ 23 พ.ย. ตนเตือนด้วย ความหวังดี จะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากวันที่ 23 พ.ย. จะงอนไม่เตือนอีกแล้ว ประชาชนอย่าออกมาจากทำเนียบมาที่รัฐสภา ไม่อย่างนั้นจะเจอกฐินหลวง ขอให้ ลูกนำพ่อแม่ออกจากทำเนียบ ให้เหลือแต่สันติอโศก อาร์พีจีเวลาโดนตายเป็นร้อย อันตรายมาก
ทหารแนะเปลี่ยนที่ประชุมสภา
เวลา 15.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมว่า ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้ายสถานที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หรือเปลี่ยนแปลงวันประชุมสภา ส่วนจะนำข้อมูลไปหารือกับประธานรัฐสภาหรือไม่ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร้องขอกำลังทหารและเราคงไปสนับสนุนภารกิจ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.เป็นต้นไป มีกำลังจำนวน 21 กองร้อย ในการรักษาความสงบ มี ทหารเรือ ทหารอากาศ ร่วมด้วย เราจะจัดกำลังเหล่าทัพละ 2 กองร้อย รวมเป็น 4 กองร้อย ที่เหลือเป็นของกองทัพ บกจำนวน 17 กองร้อย หากเกิดเหตุขั้นต้นภายใน 15 นาที จะจัดทหาร 2 กองร้อยเข้าพื้นที่เกิดเหตุได้ทันที จากนั้นภายใน 1-2 ชั่วโมง จะทยอยกำลังเข้าไปสนับสนุนได้เต็มที่
นายกฯย้ำห้ามซ้ำรอย 7 ต.ค.
นายชวรัตน์ยังกล่าวด้วยว่า ได้ย้ำว่ารัฐบาลมี นโยบายไม่ให้ใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกันต้องพิจารณาดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ส่วนปัญหามือที่ 3 ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามาแต่อย่างใด รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น แต่ถ้ามีการล้อมสภา ตำรวจกับ ทหารก็พร้อมรักษาสถานการณ์ แต่ไม่ให้มีการปะทะกัน เมื่อถามว่า นายกฯได้กำชับอะไรในช่วงที่ไม่อยู่ นายชวรัตน์ ตอบว่า ท่านขอให้รักษาความสงบ อย่ารุนแรง รัฐบาลนี้ไม่ต้องการความรุนแรง ไม่อยากให้ซ้ำรอยเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.อีก เมื่อถามว่า หากเข้าไปประชุมในสภาไม่ได้จริงๆเตรียมแนวทางจะหารือกับประธานสภาในการย้ายสถานที่ ประชุมหรือไม่ นายชวรัตน์ตอบว่า การเลื่อนหรือเปลี่ยนสถานที่ประชุมคงลำบาก เพราะสภาจะปิดสมัยในสัปดาห์ หน้าแล้ว ฉะนั้นเลื่อนก็คงไม่ทัน อีกทั้งสมาชิกจำนวน เกือบ 600 คน จะจัดสถานที่ใหม่คงไม่ใช่เรื่องง่าย
“สนธิ” หยันพันธมิตรไร้ยุทธศาสตร์สู้
ด้านพลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. โค่นล้มอำนาจรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อ 21 พ.ย. ระบุคาดหวังว่าการประท้วงใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ จะผ่านพ้นไปโดยไม่มีเหตุรุนแรง เพราะหากเกิดเหตุรุนแรง จะส่งผลด้านลบต่อรัฐบาลและทำให้เกิดความยุ่งยากอื่นๆตามมา เมื่อถูกถามเรื่องปฏิวัติ พล.อ.สนธิ ตอบว่าการปฏิวัติไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาเหตุขัดแย้งและเป็นไปไม่ได้ในสภาวะปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดไม่ได้เลยทีเดียว พล.อ.สนธิ ยังวิจารณ์ว่า เหล่าผู้นำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่มียุทธศาสตร์ในการต่อสู้ และคาดการณ์ ว่าจะยังมีการโจมตีกลุ่มผู้ประท้วงอีกในอนาคตและเสริมว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จำเป็นต้องหาเพื่อนเพิ่มและลดศัตรู อดีตประธาน คมช. ยังกล่าวถึงอดีตนายกฯที่เขานำคณะปฏิวัติ โค่นล้มจากอำนาจด้วยว่า เขามั่นใจว่าอดีตนายกฯทักษิณ จะยังไม่กลับเข้ามาในไทย แต่ที่พูดมาตลอดว่าจะกลับๆนั้น ก็เพราะต้องการเอาใจผู้สนับสนุน นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ยังพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันเช่นกันว่า โอกาสเดียวที่จะทำให้สถานการณ์ กลับคืนเป็นปกติ คือ ต้องหาคน “กลาง” และ “เป็นที่ยอมรับ” เข้ามาเยียวยาความแตกแยกในสังคม แต่ไม่ได้ ระบุชัดว่าเป็นใคร
ที่มาจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
