|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วงจรปิดเห็นกระบะตามรถ สนธิ เจ้าตัว ย้ายไป รพ.จุฬาฯ
สภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล หลังโดนยิง
สภาพรถของนายสนธิ ลิ้มทองกุล
รอยเลือดภายในรถ
รวบรวมข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก, มติชนออนไลน์, ไอเอ็นเอ็น , หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.ชนะสงคราม รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงรถนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณแยกบางขุนพรหม แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม. รุดไปตรวจสอบรถยนต์โตโยต้าอัลพาต สีดำ ทะเบียน วร 89 กทม.จอดนิ่งอยู่เลยแยกบางขุนพรหม โดยนายสนธิ และนายวายุภักดิ์ มัลคละสินธุ์ อายุ 40 ผู้ติดตามถูกส่งตัวไปรักษาที่วชิระพยาบาล ขณะที่คนขับรถถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมิชชั่น
ทางด้าน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษไชยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า เกิดเหตุประมาณ 05.40 น. คนร้ายยิงปืนอาก้า เอ็ม 16 กว่า 100 นัด ใส่รถนายสนธิ สภาพด้านหน้ารถถูกยิงเป็นรูพรุน กระจกซ้ายแตกละเอียดทั้งบาน ยางรถทั้ง 4 ล้อ มีรอยกระสุนเข้าทางด้านซ้ายและหน้ารถเป็นจำนวนมาก เป็นรอยกระสุนอาก้า และ M16 มีผู้บาดเจ็บสองราย คือนายสนธิ และนายอดุลย์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามจับตัวคนร้ายอยู่
สอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า ขณะที่รถของนายสนธิขับมาตามถนนสามเสนมุ่งมาทางบางลำภู ได้มีรถของคนร้ายขับตามประกบ เป็นรถปิกอัพ โตโยต้าวีโก้ 2 ประตู สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อมาถึงบริเวณใกล้กับปั๊มคาลเท็กซ์ สี่แยกบางขุนพรหม แล้ววิ่งแซงซ้ายไปจอดห่างจากรถของนายสนธิประมาณ 15 เมตร
จากนั้นคนร้าย 2 คนที่หลบอยู่ด้านหลังรถกระบะได้นั่งประทับยิงใส่ล้อรถนายสนธิจำนวน 7 นัดเพื่อให้ยางแตกก่อนที่จะระดมยิงเข้าใส่รถของนายสนธิกว่า 100 นัด จากนั้นก็ขับรถหลบหนี โดยใช้เส้นทางมุ่งหน้าบางลำภู และพยานยังระบุว่าคนร้ายสวมเสื้อสีขาว กางเกงลายพราง อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์นายสนธิยังได้ออกจากรถเก๋งลงมายืนก่อนจะมีรถเก๋งอีกคันวิ่งตามรับไปส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นสันนิษฐานว่ามือปืนน่าจะเป็นมืออาชีพ และมุ่งหวังจะเอาชีวิตเป้าหมาย
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ นายสนธิ เดินทางจากบ้านพักย่านถนนสุโขทัย มาดำเนินรายการ "กู๊ด มอร์นิ่งไทยแลนด์" ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี ย่านท่าพระอาทิตย์ ในเวลา 06.00-07.00 น. ของทุกวัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 08.35 น. นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แถลงอาการล่าสุดของ นายสนธิ ว่า นายสนธิ บาดเจ็บถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านขวา พบโลหะฝังในศีรษะ กะโหลกแตกเลือดออก เมื่อมาถึงโรงพยาบาลรู้สึกตัวดีสามารถคุยโต้ตอบกันได้ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้เป็นกระสุนหรือไม่ ส่วนตามลำตัวไม่มีบาดแผลใดๆ คณะแพทย์กำลังเร่งผ่าตัดตั้งแต่เวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา คาดว่าจะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเพื่อรอดูอาการต่อไป
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ยังกล่าวฝากมายังกลุ่มพันธมิตรฯ อย่าเดินทางมาเยี่ยมนายสนธิ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้ความปลอดภัย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถแยกได้ระหว่างผู้เดินทางมาเยี่ยมหรือผู้ประสงค์ร้าย
และเมื่อเวลา 12.00 น. นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แถลงผลการผ่าตัดรักษานายสนธิ ลิ้มทองกุลว่า คณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดนายสนธิเสร็จแล้ว เมื่อเวลา 11.10 น. โดยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอาเศษกะโหลกศีรษะที่แตกออก รวมทั้งเอาเลือดใต้เยื่อหุ้มสมองออก ก่อนที่จะเย็บแผลปิดตามเดิม โดยใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งนายสนธิ ฟื้นตัวดี พูดคุยได้รู้เรื่อง อาการปลอดภัย คาดว่าอีก 5 - 6 วัน นายสนธิจะออกจากโรงพยาบาลได้ ส่วนคนขับรถและผู้ติดตามปลอดภัยแล้วทั้งคู่เช่นกัน
นพ.วันชัย กล่าวว่า ทั้งนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยม และไม่อนุญาตให้ปากคำ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกระเทือนต่อสมอง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นนายสนธิฝากกับตนให้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ด้วย และเชื่อในความปลอดภัยของโรงพยาบาล ซึ่งตนได้ย้ำความเชื่อมั่นว่า จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลร่วมกับตำรวจนครบาลตลอดเวลา ในส่วนของนายวายุภักดิ์ ผู้ติดตามนายสนธิที่เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นกัน ขณะนี้อาการปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คาดว่าจะกลับบ้านได้เร็วๆ นี้
ขณะที่ นพ.ฮาปรีต ซิงค์โกเวล ศัลยแพทย์โรงพยาบาลมิชชั่น กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้รับผู้บาดเจ็บจากเหตุที่นายสนธิ และคนขับรถ ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามลอบยิง โดยได้รับนายอดุลย์ แดงประดับ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีดังกล่าวมาเมื่อเวลา 06.15 น. ที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่บริเวณศีรษะ ทรวงอกด้านขวา และต้นแขนขวา ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลมิชชั่นได้รักษาด้วยการผ่าตัดสมอง ทรวงอก และกระดูกต้นแขนขวา ขณะนี้ผู้ป่วยยังนอนพักรักษาตัวอยู่ในไอซียู เนื่องจากยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
นายแพทย์ฮาปรีตกล่าวต่อไปว่า ได้ผ่าเศษกระสุนทั้ง 3 จุด คือที่บริเวณสมอง บริเวณท้ายทอย เนื้อสมองบางส่วนได้รับความเสียหาย จึงต้องรอดูอาการอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังพบเศษกระสุนที่ทรวงอกขวาและแขนขวา ก็ได้ผ่าออกมาทั้งหมดแล้ว ซึ่งเศษกระสุนที่ได้ออกมาทั้งหมด จะประสานส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปเป็นหลักฐานต่อไป
"เบื้องต้น คณะแพทย์ได้รักษาอย่างดีที่สุด ตามมาตรฐานการแพทย์ ส่วนที่สมองต้องดูต่อไปว่าจะบวมหรือไม่ ที่ทรวงอกพบอาการฟกช้ำของเนื้อปอด จุดที่หนักที่สุดคือบริเวณศีรษะ แพทย์ต้องดูแลใกล้ชิด ส่วนเนื้อสมองเสียหายเท่าใดนั้น ต้องรอให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน จึงจะประเมินได้ ขณะนี้ผู้ป่วยรู้สึกตัว ลืมตาได้ แต่ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ ในการผ่าตัดผู้บาดเจ็บรายนี้ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง" นพ.ฮาปรีตกล่าว
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานถึงการรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลมิชชั่นนั้น ขณะนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ชุด มาดูแลความปลอดภัย ซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มขึ้นเช่นกัน โดยสำหรับนายอดุลย์นั้น แพทย์อนุญาตให้ญาติของผู้บาดเจ็บเยี่ยมได้อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนความคืบหน้าอาการผู้ป่วยนั้น คาดว่าจะแถลงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ล่าสุดมีรายงานว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ย้ายออกจากโรงพยาบาลวชิระแล้ว โดยได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งทีมแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แถลงความคืบหน้าอาการของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ติดตาม และคนขับรถของ นายสนธิ ว่า มีอาการปลอดภัย ซึ่งนายสนธิสามารถตอบสนองรับรู้ได้ดี มีเพียงอาการปวดศีรษะเพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่ขอดูอาการใน 24 ชั่วโมง คาดว่า ภายใน 1 สัปดาห์สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ขณะที่ผู้ติดตามอยู่ในขั้นปลอดภัย ส่วนคนขับรถ ขอเอ๊กซเรย์โดยละเอียดอีกครั้งโดยญาติของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน เป็นผู้ขอย้ายโรงพยาบาล เบื้องต้นทางโรงพยาบาลของดเยี่ยม
ส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล ซึ่งขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถให้กำลังใจได้ โดยทางโรงพยาบาลได้จัดสมุดเยี่ยม ที่ห้องโถงชั้น 1 ตึก ส.ก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
นพ.วันชัย เจริญโชคทวี ผอ.วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิระพยาบาล แถลงข่าวพร้อมกับนำหุ่นจำลองที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของกรุงเทพมหานคร ที่ติดตั้งบริเวณสี่แยกบางขุนพรหม จำนวน 5 ตัว โดยเป็นกล้องภาพนิ่งจำนวน 4 ตัว กล้องเคลื่อนไหว เมื่อมีการคอนโทรลจำนวน 1 ตัว ปรากฏว่า ไม่มีการบันทึกภาพในช่วงที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกถล่มยิง เนื่องจากระบบบันทึกภาพของกล้อง CCTV ขัดข้องทั้ง 5 ตัวพร้อมกัน โดยระบบบันทึกภาพไม่ทำงานตั้งแต่เวลา 13.00 น. ของวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้อง CCTV ที่ติดตั้งบริเวณแยกเทเวศน์ พบว่า รถคันที่เกิดเหตุวิ่งผ่านไปในเวลา 05.41. น. และรถต้องสงสัยโตโยต้า 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ที่ก่อเหตุวิ่งผ่านไปในเวลา 05.41. น. โดยวิ่งตามกันระยะเวลาห่างแค่ 18 วินาที ก่อนที่จะเกิดยิงถล่มรถของนายสนธิในเวลาต่อมา ซึ่งภาพดังกล่าวถือเป็นเพียงภาพเดียวที่กล้อง CCTV สามารถจับภาพได้ เพราะจากการตรวจสอบกล้องที่แยกสี่เสาเทเวศร์ ก็ไม่ปรากฏภาพรถของนายสนธิแต่อย่างใด
นอกจากนี้ จากการลงตรวจสอบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่บริเวณแยกบางขุนพรหมพบว่า ตู้ควบคุมระบบบันทึกภาพมีรอยกรุนปืน 1 รอย แต่ทั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับระบบบันทึกภาพขัดข้องก่อนหน้านี้แต่ประการใด อีกทั้งไม่ทราบว่ารอยกระสุนปืนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์ยิงถล่มแกนนำพันธมิตรฯ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชนะสงครามได้ประสานขอบันทึกภาพของกล้อง CCTV ที่แยกเทเวศร์ และแยกสี่เสาเทเวศร์ไปตรวจสอบเพื่อขยายผลต่อไป
นายวายุภักดิ์ มังคลสินธุ์ คนติดตามนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่ ที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ได้ความดังนี้
พนักงานกวาดขยะรายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) เปิดเผยว่าว่า เห็นรถของนายสนธิจอดติดสัญญาณไฟแดง คู่กับรถประจำทางสาย 53 จากนั้น ตนได้ขับรถไปจอดในโรงแรม ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนดัง จึงรีบออกมาดู พบว่า ที่จุดเกิดเหตุพบประกายไฟจากปากกระบอกปืนแลบออกมาเป็นชุดๆ ซึ่งคนร้ายใจเย็นมาก หลังจากที่ยิงก็มีการเปลี่ยนกระสุนยิงใหม่อีกชุดก่อนหลบหนี
แต่ระหว่างนั้นตกใจไม่สามารถจำทะเบียนได้ เห็นว่าเป็นรถกระบะ ลักษณะคล้ายสีเขียว ช่วงนั้นเห็นคนในรถของนายสนธิอีกคันมาเรียกรถกระบะ ที่สวนทางมาขอความช่วยเหลือ ให้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล จากนั้นนายสนธิเดินลงมาจากรถ ในมือถือกระดาษคลิปรายการที่จะไปจัดรายการ อีกมือถือวิทยุมีเลือดท่วมตัว
ขณะที่ นายสมจิต หงษ์วิเศษ อายุ 47 ปี พนักงานขับรถสาย 51 เปิดเผยว่า ระหว่างเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มรถยนต์ของนายสนธิ ตนกำลังขับรถตามสาย 30 มา เพื่อที่มุ่งหน้าไปปากเกร็ด ก็ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด ซึ่งคนเก็บเงินบอกว่ามีการยิงกัน ตนเห็นว่าคนร้ายใช้รถปิ๊กอัพ และรถของตนถูกกระสุนปืนทะลุเข้ากระจกด้านหน้ารถ
ทางด้าน นายสมคิด วงศ์บุดดี อายุ 49 ปี พนักงานขับรถสาย 30 กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลองยิงรถยนต์นายสนธิตนกำลังขับรถมุ่งหน้าไปเทเวศน์ โดยขณะที่ขับมาถึงแยกบางขุนพรม ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีสิ่งของบางอย่างกระทบเข้าที่กระจกหลังแตก และได้ยินเสียง แฟนของตนตะโกนบอกว่า มีคนยิงกันและรถถูกยิง จึงบอกให้จอด แต่มีผู้โดยสารตะโกนบอกว่า ให้ขับเลยไป อย่าจอด
ขณะที่ นางเฉิดฉาย วงศ์บุดดี พนักงานเก็บเงินสาย 30 ให้การว่า จังหวะที่รถมาถึงที่เกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงปืนประมาณ 3 นัด จากนั้นจึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกชุดใหญ่ ระหว่างนั้นตนนั่งอยู่ตรงกลางของรถรู้สึกว่ามีกระสุนปืนเฉี่ยวหัวไป ตนพร้อมผู้โดยสารจึงหมอบลงและตะโกนบอกให้แฟนจอด แต่ผู้โดยสารก็ตะโกนไม่ให้จอด เพราะกลัวว่าจะถูกยิง เมื่อรถเลยไปได้สักระยะก็พบว่า มีผู้โดยสาร 1 คนได้รับบาดเจ็บที่เท้า ก่อนที่จะลงจากรถไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้แฟนตนขับรถมาไว้ที่สน. เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบว่ามีปลอกกระสุน ชนิดเอ็ม 79 ตกอยู่บนเบาะ
ด้านแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้ก้าวสู่มัคสัญญี จากกองกำลังเป็นกองโจร และกำหนดเป้าหมายเป็นจุดๆ แล้วล่าถอยไปสงครามรูปแบบใหม่ ทำร้ายประชาชน โดยเหตุการณ์นี้แสดงว่ามีกลไกที่ไม่ทำงานหรือทำงานคนละฝ่ายกับรัฐบาล ทหารและตำรวจบางกลุ่มไม่ทำงาน และทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน
พร้อมกันนี้จึงขอเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในกลไกของรัฐ โดยสนับสนุนภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ใช้ภาวะผู้นำ และอำนาจสูงสุด ในการเปลี่ยนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพบางเหล่าทัพ และเปลี่ยนศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เปลี่ยนกลไกและองค์กรเกี่ยวกับด้านความมั่นคงทั้งหมดของรัฐ ไม่เช่นนั้น นายกฯ และ ครม. ก็จะเอาตัวไม่รอดเช่นกัน
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯยังไม่ปักใจเชื่อว่าใครอยู่เบื้องหลัง หรือสั่งการ แต่เชื่อว่าอาจเป็นคนในเครื่องแบบ จึงขอเรียกร้องนายกฯ เร่งรัดดำเนินการหาตัวคนลอบสังหารนายสนธิ
"เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนภาพการเมืองระบบเก่า ถูกคุกคามแต่ไม่มีความคืบหน้าในการหาคนกระทำผิดมาดำเนินการ" นาย สุริยะใส กล่าวและว่า พี่น้องพันธมิตรฯ อย่าหวั่นไหว รอความคืบหน้าจากแกนนำฯ ความคืบหน้าที่เกี่ยวกับการลอบสังหารนายสนธิ นายกฯ ต้องให้หลักประกันว่าจะไม่มีใครเป็นเหยื่ออีก
ส่วนนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนมองเป็นสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมือง พร้อมขอให้นายกฯ แสดงความเป็นผู้นำ หากมุ่งหวังพัฒนาประชาธิปไตยสร้างการเมืองใหม่ ต้องจัดการกลไกอำนาจรัฐให้ได้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่นายสนธิ ถูกลอบฆ่าโดยทหารไม่รับรู้
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการก่อเหตุลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุลว่า ตนเองไม่ขอวิเคราะห์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นคดีอาชญากรรม ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ยังคงพบว่า มีการลักลอบนำอาวุธมาใช้ก่อเหตุอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีที่มีการใช้อาวุธสงครามลอบยิงที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้
"ที่ผ่านมาที่ไม่มีความเรียบร้อยเพราะมีกลุ่มคนไปทำให้เกิดความไม่สงบ เรานำทหารเข้าไปในพื้นที่ และจัดเวรยามไปอยู่โดยเฉลี่ย 1 เขต มี 2 จุดเท่านั้น เพื่อดูแลความเรียบร้อย และสร้างความเข้าใจไม่ว่าจะเป็นเขตดุสิต พญาไท หรือบางซื่อ เราไม่ได้เอาไปจับผู้ร้ายว่า ใครจะยิงใคร แต่เพื่อเป็นจุดตรวจและเฝ้าระวังว่า หากมีการรวมกลุ่มในลักษณะที่ก่อให้เกิดความไม่สงบอีก เราจะนำกำลังที่เก็บไว้ออกมาแก้ไขปัญหาได้ ไม่ได้มุ่งหวังแก้ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร ผมได้เน้นว่า ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ที่เป็นวันเปิดทำงาน ในช่วงกลางวันจะไม่เห็นกำลังในส่วนนี้ แต่ในยามค่ำคืนจะออกมารักษาความสงบเรียบร้อย ยกเว้นแต่จะเลิกปฏิบัติก่อนจึงจะลดกำลังออกไป" ผบ.ทบ.กล่าว
ล่าสุด ตำรวจได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของกองบังคับการตำรวจจราจรที่ติดตั้งอยู่ที่สี่แยกเทเวศร์ ซึ่งสามารถจับภาพรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์กระบะ 4 ประตูยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับติดตามรถยนต์โตโยต้าของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุเวลา 05:43:15 น. ก่อนเกิดเหตุยิงถล่มใส่รถ ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าพยานที่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อาจจดจำยี่ห้อรถยนต์ กระบะคลาดเคลื่อนจากยี่ห้ออีซูซุเป็นโตโยต้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
