นายกรัฐมนตรี ยัน จะสะสางคดีเสื้อแดงให้โปร่งใส พร้อมแจง พลทหารเสียชีวิตภายในบ้าน แม่ทัพภาค 1 เป็นอุบัติเหตุ และเสียชีวิต 3 ศพไม่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์ ว่า จะรักษากฎหมายให้คืนสู่สังคมโดยไม่เอาชนะทางการเมือง ซึ่งจะติดตามตรวจสอบ สะสางเหตุการณ์ให้โปร่งใส เพราะเชื่อว่า ประชาชนเสียใจกับเหตุการณ์นี้ โดยมี 2 ส่วน คือ คณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ที่มี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ขอร้องเชิญชวน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่ง พลทหาร ที่ดูแลบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 เสียชีวิต หลังจากตนไม่ได้พักอยู่ในบ้านแล้ว และเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ขณะเดียวกัน ยังย้ำว่าไม่มี 2 มาตรฐาน แต่ละหน่วยงานจะมีการชี้แจงเหตุผลในการตัดสิน ส่วนการดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงจะไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือ คุกคาม และจะไม่นำเอาอำนาจตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นที่ตั้ง
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และต้องมีข้อตกลงที่เห็นพ้องกันส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการเสนอแนวคิดด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมรอบ 2 ของคนเสื้อแดงว่า โดยรวมเหตุการณ์ไม่มีอะไร ตนไม่มีปัญหา หากจะมาโจมตี แต่ต้องไม่มีการยั่วยุปลุกระดม พร้อมมั่นใจว่า สถานการณ์จะดีขึ้นตามแนวทางที่ใช้อยู่ ส่วนความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่ใดนั้น ไม่ทราบ แต่จะต้องดำเนินการ เพราะแนวความคิดแทบจะไม่ต่างกับการก่อการร้าย
รวมถึงจะมีการชี้แจงกับสื่อต่างประเทศ นอกจากนี้ จะเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังมีการพิจารณาถึงเรื่องสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องช่วยเหลือธุรกิจภาคการท่องเที่ยว หลังได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง ส่วนงบประมาณที่ปรับลดลง 200,000 ล้านบาทนั้น จะตัดงบประมาณที่ฟุ่มเฟือยก่อน แต่จะไม่ตัดงบประมาณที่เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะ โครงการรักษาฟรี ทั้งนี้ อีก 2 สัปดาห์จะชัดเจนเรื่องแหล่งเงินลงทุนซึ่งจะมีการนำไปหาข้อสรุปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในวันพุธนี้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเล็งที่จะจัดให้มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนอีกครั้ง ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยขณะนี้กำลังมีการประสานงานกับทางผู้นำทั้ง 15 ประเทศ ซึ่งผู้นำทุกประเทศต่างต้องการให้เกิดการประชุมขึ้น เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามในส่วนของความเชื่อมั่นของประเทศไทยนั้น หากประชาชนทุกคน ร่วมใจกันทำกิจกรรมในวันสำคัญต่าง ๆ ทั้ง วันฉัตรมงคล วันวิสาขบูชา ก็จะสะท้อนให้ต่างชาติเห็นว่า ประเทศไทย และคนไทยนั้น กลับมาเป็นปกติเหมือนเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัย ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีความผิดพลาดอยู่บ้าง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเหตุผลที่ระบุว่า อีก 7 วัน จะจับมือปืนที่ยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุย ส่วนการเจออาวุธสงครามหลายจุดเมื่อวานนี้นั้น เจ้าหน้าที่ไม่ควรมองข้าม แต่ยังไม่สรุปว่า จะเกี่ยวขอ้งกับความเคลื่อนไหวของ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือไม่ ส่วนการประสานตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นั้น กำลังตรวจสอบช่องทางอยู่ นอกจากนี้ ยังยินดีให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบการเสียชีวิตของพลทหาร ที่ดูแลบ้านพักของ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อความโปร่งใส ขณะเดียวกัน ได้ประสานงานกับต่างประเทศ คือ จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น สร้างความมั่นใจ ในการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน
นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ ดูแล ราคามะนาว และหมู ที่แพงขึ้น โดยจะหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในสัปดาห์ พร้อมติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดหมู อย่างใกล้ชิด