นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีสาระ ขณะที่การเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น มีความพยายามมาหลายยุคหลายสมัย เนื่องจากมีหลายกลุ่ม อีกทั้ง มีบุคคลหลายทีมที่ทำตัวเป็นคนกลางเจรจา ซึ่งยืนยันว่า ในฐานะที่ตนดูแลงานด้านความมั่นคง และดูแลพื้นที่จังหวัดชานแดนภาคใต้นั้น ไม่มีแนวความคิดที่จะเจรจา แต่จะทุ่มเทยกระดับชีวีตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีรายได้ดีมากขึ้น ส่วนการเสนอให้นิรโทษกรรมผู้ก่อความไม่สงบ ตนเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ และทำได้ยาก เพราะจะให้นิรโทษผู้ที่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นคนละหลักการกับการให้อภัย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ข้อเสนอต่าง ๆ ของ พล.อ.ชวลิต จะไม่กระทบความสัมพันระหว่าง ไทย-มาเลเซีย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวอีกว่า การเสนอโครงการ ญาลันนันบารู เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ พล.อ.ชวลิต นั้น ตนไม่คิดว่าจะมีสิ่งใด เนื่องจากเป็นแนวความคิดที่มีการเสนอมาแล้วในขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำเนินการแล้วก็ไม่เกิดผล

นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้าน ระบุว่า มีนักการเมืองรับเช็คจาก นายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือ BBC ว่า ตนทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรสมบูรณ์แล้ว โดยมอบเอกสาร และหลักฐานให้กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งยืนยันว่า จุดยืนตนในระหว่างการอภิปรายกับในวันนี้ ยังเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน พรรคกดดันคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นำตัว นายราเกซ กลับมาดำเนินคดีให้ได้ อีกทั้ง ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ลำบากใจในการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดให้คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ขณะเดียวกัน หาก นายราเกซ พาดพิงผู้ใด เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานได้ ก็ดำเนินคดีกับผู้นั้นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม พรรคยังไม่มีสิ่งใดที่จะแพ้ภัยตนเอง แต่มองว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังแพ้ภัยตนเอง

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจในข้อมูลที่จะสามารถเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากตนอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร มากว่า 30 ปี ไม่เคยนำเรื่องโกหกไปพูดในสภา

INN NEWS