• เชิดชู"อภิสิทธัตถะ" เป็นเรื่อง องค์กรพุทธเดือด |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 04 ส.ค. 53 เวลา 09:31:04 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ประณาม-จี้ขมา ทาบพระพุทธเจ้า มส.ติงไม่เหมาะ ไพบูลย์โต้ลบหลู่ ชี้เป็นการเล่นคำ
ประณาม - ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนายื่นหนังสือถึงกมธ.ศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ประณามนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ที่เชิดชูนายกรัฐมนตรีเป็น "อภิสิทธัตถะ" ชี้ไม่เหมาะสม ลบหลู่พระพุทธเจ้า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.
|
"อภิสิทธัตถะ" เป็นเรื่อง ศูนย์พิทักษ์พุทธ ศาสนาบุกยื่น กมธ. ศาสนาคำเชิดชู "มาร์ค" เป็น "อภิสิทธัตถะ" โวยจาบจ้วง ลบหลู่เหยียดหยาม เอาพระนามพระพุทธ เจ้าไปเปรียบเทียบ จี้ "ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม" กก.สมัชชาปฏิรูป คนกล่าวยกย่อง ขอโทษพุทธศาสนิกชน ขอขมาพระรัตนตรัย ขณะที่เจ้าตัวโต้ลบหลู่ ระบุเป็นการเล่นคำ "สิทธัตถะ" ภาษาบาลีแปลว่าผู้สำเร็จความมุ่งหมาย ไม่เกี่ยวกับศาสนา ย้ำนายกฯ ฉลาดเหมือน "สัตบุรุษ" ถ้าปรองดองสำเร็จก็เรียกว่าอภิสิทธัตถะ ด้านพระผู้ใหญ่ กรรมการมหาเถรฯ ติงไม่เหมาะ จะยกย่องใครอย่าเอาพระพุทธเจ้าไปเปรียบเทียบ
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา ตัวแทนศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส นำโดย พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล กรรมการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ เข้ายื่นหนังสือของพระเทพดิลก ประธานกรรมการบริหารศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ต่อนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่าน พ.อ.ไชยนาจ ญาติฉิมพลี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการศาสนาฯ เพื่อขอให้พิจารณาคำพูดของนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ (คสป.) กรณีกล่าวยกย่องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า "การสร้างความปรองดอง หรือปฏิรูปประเทศ ถ้าทำได้จะเป็นนายอภิสิทธัตถะ"
พล.อ.ธงชัย กล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าคำพูดดังกล่าวไม่เหมาะสม เอาพระนามเดิมของพระพุทธเจ้ามาใช้ ถือเป็นการจาบจ้วง ลบหลู่ เหยียดหยามพระบรมศาสดาของพุทธศาสนิกชน ผู้กล่าวเช่นนี้ควรถูกประณามจากชาวพุทธทั่วประเทศ และทั่วโลก เพราะถือว่าไม่ยกย่องแล้วยังมาเหยียบย่ำซ้ำเติม ขอให้ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมของนายไพบูลย์ เพื่อให้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างของคนอื่น และให้นายไพบูลย์ ออกมายอมรับผิดและขอโทษต่อพุทธศาสนิกชนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ และขอขมาต่อพระรัตนตรัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ตัวแทนศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ยังนำความเห็นของพระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ แนบหนังสือมาด้วย โดยระบุว่า การจะยกย่อง หรือนิยมชมชอบในตัวนายกฯ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การจะเชิดชูคุณงามความดี จนถึงขนาดเปรียบเทียบกับพระ พุทธเจ้า ด้วยการใช้พระนามของพระองค์มาเป็นเครื่องมือนั้น ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะศรัทธาเป็นเรื่องละเอียด ลึกซึ้ง ไม่ควรนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือประโยชน์ต่อตนเอง ไม่เช่นนั้นทุกคนจะหมดศรัทธาได้
ด้านนายไพบูลย์ ผู้ยกย่องนายกฯ เป็นนายอภิสิทธัตถะ กล่าวชี้แจงว่า การที่พูดไปได้อธิบายชัดเจนว่า สิทธัตถะ แปลว่า ผู้สำเร็จความมุ่งหมายแล้ว ไม่ได้หมายถึงชื่อของพระพุทธเจ้า ก็เหมือนชื่อไพบูลย์ แปลว่าเต็ม ก็มาใช้ในความหมายว่าร่วมวงศ์ไพบูลย์ เป็นต้น เป็นการเล่นคำว่าท่านนายกฯ มีความน่ายกย่อง ตนบอกว่าท่านฉลาดเหมือนสัตบุรุษ แต่ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องการสร้างความปรองดอง การสร้างสมานฉันท์ประเทศ ก็ไม่เรียกว่าสิทธัตถะ ที่เป็นภาษาบาลีว่าผู้สำเร็จความมุ่งหมายได้ แต่หากทำสำเร็จจึงจะเรียกว่า อภิสิทธัตถะ หรือผู้สำเร็จความมุ่งหมายแล้ว
"เวลาที่ผมพูดก็อธิบายอย่างนี้ว่า สิทธัตถะ หมายถึงตามคำภาษาบาลี ให้นายกฯ พยายามทำสิ่งที่มุ่งหมายเรื่องการปรองดอง ซึ่งเป็นชื่อของพระพุทธเจ้าด้วย แต่เวลาสื่อไปลงก็ลงไม่หมด ซึ่งชื่อคนก็มีความหมายต่างๆ กันไป เป็นชื่อคนด้วย เป็นความหมายตามภาษาบาลีด้วย ผมบอกให้นายกฯ ทำให้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จก็เป็นได้แค่ สัตตะ แค่เป็นคนดี ความหมายที่ผมพูดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาเลย แต่เป็นการใช้ความหมายในภาษาบาลี" นายไพบูลย์ กล่าว
ขณะที่ พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ กล่าวแสดงความเห็นว่า เชื่อว่าคนพูดไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ หรือจาบจ้วงพระพุทธศาสนา แต่เจตนาคงต้องการกล่าวยกย่องบุคคลไปในทางเปรียบเทียบถึงความสำเร็จของพระพุทธองค์ แต่ด้วยนามของพระพุทธองค์ แม้จะเป็นพระนามเดิมของพระพุทธเจ้า อาจเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ด้วยคนไทยนับถือพระพุทธศาสนา และยกย่องพระพุทธเจ้า อีกทั้งเรื่องของศาสนาเป็นหนึ่งใน 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การพูดหรือกล่าวถึงสถาบันทั้ง 3 เป็นเรื่องที่พึงต้องระมัดระวัง
กรรมการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า ถ้าพูดในหลักการยกย่องเชิดชู ย่อมแน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไปใช้พูดกล่าวในสิ่งที่ไม่สมควร หรือละเมิดต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี คำว่า สิทธัตถะ มีความหมายว่า ผู้มีประโยชน์อันสำเร็จแล้ว เชื่อว่าผู้พูดคงอาจเปรียบกับความหมายนี้ แต่การนำพระนามเดิมของพระพุทธเจ้ามาใช้ เชื่อว่าพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่คงรู้สึกไม่สบายใจ ผู้กล่าวคำนี้จึงควรระมัดระวัง และพิจารณาให้ดีก่อนจะพูดออกไป มิฉะนั้น อาจส่งผลเสียตามมาในภายหลัง ทั้งคนพูดและคนที่ถูกกล่าวเปรียบเทียบด้วย
"เราไม่สามารถห้ามคนที่กล่าวยกย่องได้ แต่คนที่พูดก็ควรระมัดระวังคำพูดด้วย แม้จะไม่ใช่เรื่องผิดร้ายแรง แต่เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เข้าใจว่าท่านคงพูดไปตามถ้อยคำที่สละสลวย ใช้เล่นคำที่มีความไพเราะ แม้บุคคลนั้นจะมีความน่ายกย่องสักเพียงใด การกล่าวเปรียบเทียบควรจะให้อยู่ในกรอบของความพอดี อาจจะเปรียบเทียบกับบุคคลสำคัญของโลกก็ได้ แต่กับบุคคลที่เป็นที่เคารพในทางศาสนา เป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง ศาสนิกชนส่วนใหญ่มีความอ่อนไหวในเรื่องศาสนา ความคิดที่ขัดแย้งกับความเชื่อในทางศาสนา หรือการพูด หรือกระทำการลบหลู่ศาสนาทุกศาสนา เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่พึงกระทำ" พระพรหมโมลี กล่าว
ส่วนพระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า การจะยกย่อง หรือนิยมชมชอบในตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การจะเชิดชูคุณงามความดีของบุคคลใดสักคน จนถึงขนาดเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้พระนามเดิมของพระองค์ เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เรื่องศาสนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความศรัทธา และละเอียดอ่อน แม้คนพูดจะไม่มีเจตนาลบหลู่พระพุทธศาสนา แต่ขอให้คนพูดพึงใช้ความ ระวังในการพูดให้มาก อย่าเพียงแต่ประดิษฐ์คำให้สวยงาม จนกระทบต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชน
"อาตมาชี้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรง แต่เป็นเรื่องไม่สมควร ต่อไปคนพูดต้องระวังต่อการใช้คำพูด อย่าเปรียบเทียบเช่นนี้อีก ส่วนคนที่ถูกพูดถึง ก็ต้องออกมาแสดงตัวว่าคำพูดนี้ไม่ควรมาใช้เปรียบกับตน หากจะเปรียบเทียบ ให้เปรียบกับบุคคลสำคัญของโลก แต่อย่าให้กระทบต่อศาสนา" โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าว
ข่าวจาก ข่าวสด
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1790 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 04 ส.ค. 53
เวลา 09:31:04
|