(18ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ร.ต.อ.
เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าอาจจะไปตั้งพรรคใหม่ ว่า ในระยะนี้คงยังไม่ไปถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ก็มีแนวคิดในเรื่องนี้บ้าง ตนทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ และเห็นว่ามีประชาชนชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้ขายแนวคิดที่ยึดโยงกับพ.ต.ท.ทักษิณ เสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทุกภาคส่วนตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 และก็รับพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ซึ่งคนในพรรคหลายคนออกมาคัดค้านแล้วก็ไปแสดงความเห็นว่า ใครก็ตามที่ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ แปลว่าไม่ได้ออกเงินและหวังได้ดี ซึ่งไม่ใช่ ตนไม่ได้ออกเงินจริง เพราะไม่มีเงินและไม่มีเงินมาเล่นการเมือง เนื่องจากไม่เคยทุจริต และก็ไม่มีเงินมากพอที่จะไปแจกคนในพรรค วันนี้เมื่อเริ่มมีแนวคิดไม่ตรงกันก็ต้องแสดงความเห็น เมื่อคนในพรรคบอกว่าไม่ขายพ.ต.ท.ทักษิณก็ขอถามหน่อยว่าแล้วจะขายใครเพื่อให้ชนะเลือกตั้ง เพราะมันขี้เหร่ทั้งนั้น ตนก็ขายไม่ได้ มีตำหนิ ถูกมองว่ารักลูกเกินไป
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ส่วนอีกกรณีหนึ่งนั้น ตนเคยบอกว่ากรุงเทพฯ ใหญ่มาก มี ส.ส. 36 คน พรรคควรจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มาก โดยได้เสนอให้แบ่งเป็นกรุงเทพฯรอบนอก กรุงเทพฯตรงกลาง และกรุงเทพฯฝั่งธน แต่พรรคก็เฉยๆ ตรงกันข้ามยังสกัดกั้นตนและแขวะไปแขวะมา ทำนองว่าตนจะเอาลูกลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ขอยืนยันว่าบุตรชายจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. สำหรับการยื่นญัตติขอเปิอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนไม่ได้น้อยใจ แต่มีข่าวว่าการอภิปรายครั้งนี้จะดุเดือดเลือดพล่านเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ นั่นแสดงว่าคุณแขวะใคร แล้วทำไมเมื่อก่อนคุณไม่แขวะตน เพราะคุณรับประโยชน์อะไรมาหรือไม่ แขวะกันบ่อย บางคนก็บอกว่าจะอภิปรายเชิงสมานฉันท์ บางคนก็บอกว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเสนอนโยบายควบคู่ด้วย ซึ่งตนได้บอกไปว่าแนวทางไม่ตรงกับตน เพราะแนวทางตนคือ ต้องเต็มที่ เปิดโปง เปิดแผล เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งมั่นใจว่าการอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมาได้ฝากแผลเป็นให้กับพรรคประชาธิปัตย์
“ หากข้อเสนอของผมพรรคปฏิเสธ ไม่เห็นด้วยแล้วยังเดินแนวทางตามเดิม ไม่ยอมขายพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ปรับปรุงกทม. และไม่คิดนำแนวทางใหม่ๆมาใช้ ผมก็มีสองทางเลือกคือ 1. ยุติการเมือง และ 2. ถ้าพรรคไม่เห็นข้อเสนอ ไม่สนใจใยดี โดยเฉพาะเขตกทม.ซึ่งผมต้องลงเลือกตั้งส.ส. ถ้าจะเล่นการเมืองต่อผมก็ต้องตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่จะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ก็ขอดูท่าทีก่อน แต่ถ้าผมออกจากพรรคก็จะไม่ทำให้พรรคปั่นป่วน ผมมาคนเดียวก็ขอไปคนเดียวไม่ต้องห่วง ผมเป็นหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่ปี 2529 ถ้าตั้งพรรคใหม่ก็หวังได้ 5 ที่นั่งก็พอใจแล้ว ซึ่งก็จะหาเสียงว่าจะเอาพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน เพราะพรรคเพื่อไทยเขาขอให้ก้าวข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ร.ต.อ.เฉลิมไม่ก้าวข้าม โดยพรรคใหม่ก็จะดึงคนที่พรรคเพื่อไทยไม่รับจำนวนมาก หรือเรียกว่าเป็นไวน์น้ำสองเอามาลงรับสมัครเลือกตั้ง แค่มีป้าย มีเบอร์ ไม่มีเงินให้ แต่ผมจะรณรงค์หาเสียง ถ้าได้ข้อยุติว่าต้องทำพรรคใหม่ก็ขอบอกให้พรรคสบายใจ อย่าห่วงผม แต่ถ้าฟังผมบ้าง อย่านึกว่าผมไม่มีพวกนะ เพราะพวกของผมเกิดจากที่ผมทำงาน ไม่ได้เกิดจากการที่ผมเอาสตางค์มาไล่แจก และผมไม่มีวันทำอย่างนั้น พวกนี้พอวันดีคืนดีได้รับเงินทองมาหน่อยมาด่าผมไม่ยุติธรรมหรอก หัวใจผมทำด้วยเนื้อนะ ไม่ใช่เหล็ก"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้ข้อสรุปเรื่องการตั้งพรรคเมื่อไหร่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องมีระยะเวลาพอสมควร อย่างน้อยต้องมี 3 เดือนจากนี้ เพราะถ้าปล่อยยาวไปมันจะเตรียมตัวไม่ทัน ตนคิดชื่อพรรคไว้แล้ว ชื่อพรรคทางเลือกใหม่ นิว อัลเตอร์เนทีฟ ปาร์ตี้ ลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ตนจะลงเลือกตั้งในเขตกทม.เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าร.ต.อ.เฉลิมเป็นส.ส.กทม.ตั้งแต่ปี 2526 ทำให้พวกปากหอยปากปูจุ๊บจิ๊บหุบปาก ทั้งนี้เรื่องนี้ไม่ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณเพราะไม่เคยคุยกันอยู่แล้ว ขอบอกถึงนายมิ่งขวัญด้วยว่า ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดี อย่ามาห่วงตน แล้วใครก็ตามที่ออกมาพูด ถ้าเป็นคนที่รับเงินจากคุณ คุณต้องห้ามเขา เพราะพวกตนในพรรคก็มี เดี๋ยวเขาก็ออกไปสวนบ้างเดี๋ยวไปกันใหญ่ นี่ตนลงมาสวนเองเพราะไม่สบายใจ มากล่าวหากันทำไมให้คนอื่นเขาด่าเราดีกว่า ตนอดทนมามาก นึกว่าไม่รู้หรือ ไปจ่ายเงินกันชั้นไหน นึกว่าไม่รู้หรือว่าที่สภาใครจ่ายเงิน รู้ทั้งนั้น แต่ว่าอย่าทำลายกัน ส่วนได้คุยกับใครไว้ในกรณีที่ตั้งพรรคใหม่บ้าง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คิดว่าจะคุยกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ รวมทั้งคนที่อยากจะลงสมัครรับเลือกตั้งในกรุงเทพฯ แต่ถูกสกัดกั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ขอดูท่าทีของพรรคเพื่อไทยก่อน ถ้าปฏิเสธแนวคิดที่ตนบอกก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจง่ายขึ้น ตนไม่เนรคุณ ยังรักเคารพพ.ต.ท.ทักษิณ จะยังเป็นเพื่อนกัน โดยเบื้องต้นคุยกับนายชูวิทย์แล้ว เขาก็ตั้งพรรคการเมืองชื่อรักเมืองไทย ตรงนี้คุยกันได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า พรรคต้องทำ 3 ข้อ ถ้าไม่ทำทั้ง 3 ข้อตนก็จะคิดใหม่ ตนไม่ได้บังคับ และข้อเสนอของตนก็เป็นเรื่องดี ขอถามว่าถ้าขายนายมิ่งขวัญจะเอาอะไรไปขาย จะขายตนก็ไม่ได้ ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ การปราศรัยคุณเคยออกพื้นที่ไหมไอ้นักรบห้องแอร์ สร้างความปั่นป่วน บางคนมีสตางค์หน่อยก็สร้างความยุ่งยากในพรรคตนรับไม่ได้ เรื่องในพรรคไม่มีใครตัดสินใจได้ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว ที่ตนเสนอไปคือ
1. ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ 2. แนวนโยบายต้องปรับปรุง และ 3. กทม.ต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นราหูอมจันทร์อย่างนี้มันไม่ได้ มันไม่ชนะ มันพากันแพ้หมด พรรคเพื่อไทยวันนี้อยู่ในพื้นที่อันตราย คุณไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งคุณจำไว้เลยว่าไม่ได้ตั้งรัฐบาล คุณได้เกินกึ่งแต่ถ้ากกต.ไม่รับรองแม้คุณจะได้มากก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นคราวนี้ต้องชนะแลนสไลด์ ซึ่งมีทางเดียวคือต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ จะเอานายมิ่งขวัญประกบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีหรือ มันไม่ได้ ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณก็ยังไปได้ ชายหล่อกับหญิงสวย ทั้ง 2 คนก็นักเรียนนอก แต่ไม่ใช่ว่าตนคัดค้านนายมิ่งขวัญ แต่เพราะมันไม่ชนะ อภิปรายรอบนี้คุณว่าของคุณไป แต่อย่ามายุ่งกับตน
"เทพไท”ประเมิน“บิ๊กจิ๋ว-เฉลิม”น้อยใจ“พท.”
นายเทพไท เสนพษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ว่า ตนมองว่าจะแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ 1. ด้านเศรษฐกิจ มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นผู้รับผิดชอบ 2. ด้านความมั่นคงเกี่ยวกับ ศอฉ. และการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง มีนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนและแกนนำนปช.เป็นผู้รับผิดชอบ และ 3. การบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่น ให้ร.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เป็น ผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้การอภิปรายดังกล่าวไม่มีหลักประกันว่าการอภิปรายไม่วางใจจะเป็นไปตามแผนที่นายมิ่งขวัญวางไว้ จึงเป็นเหตุให้ ร.ต.อ.
เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เกิดความน้อยใจ และไม่ขอร่วมการอภิปรายดังกล่าว
ข่าวจาก คมชัดลึก
