ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ปดส.บุกจับบริษัทเซ็กส์โฟนย่านรัชดาฯ พบกลุ่มนักศึกษาสาวหาลำไพ่คอยรับแขกทางโทรศัพท์พูดจาโต้ตอบในเชิงลามกอนาจาร เผยลูกค้าแต่ละรายจะโทรคุยนาน 2-5 ชั่วโมง ด้าน ผจก.อ้างเปิดบริการให้โทรศัพท์คุยเป็นเพื่อนเท่านั้น
เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับบริษัทที่เปิดให้บริการเซ็กส์โฟน ถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. สั่งการให้ พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมนิธิ รอง ผบก.ปดส. พ.ต.ท.ปัญญา ชะเอมเทศ สว.กก.1 บก.ปดส. พร้อมกำลัง นำหมายค้นและหมายจับศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัทไม่มีชื่อ เลขที่ 252/16 ชั้น 12 อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ทาวเวอร์ เลขที่ 1 ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง หลังสืบทราบว่าเป็นที่ตั้งบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์ออนไลน์ แชทไลน์สายด่วน หมายเลข 1900 555 556 แต่กลับลักลอบให้บริการ “เซ็กส์โฟน” โดยมีหญิงสาวเป็นพนักงานเพื่อรับโทรศัพท์โต้ตอบเพื่อสำเร็จความใคร่ให้ลูกค้า จากการตรวจค้น พบพนักงานรับโทรศัพท์เป็นหญิงสาววัยรุ่นจำนวน 14 คน นั่งอยู่ตามโต๊ะที่มีโทรศัพท์วางประจำโต๊ะละ 1 เครื่อง และมีฉากกั้นเหมือนสำนักงานทั่วไป โดยมีนายณัฐพล เกตุโกมล หรือเบิ้ม อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/3 หมู่ 4 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี แสดงตัวเป็นหัวหน้างานผู้ดูแล จึงจับกุมตัวตามหมายจับศาลอาญาที่ 1938/2550 ลงวันที่ 25 มิถุนายน ข้อหาเพื่อประสงค์แห่งการค้าเผยแพร่สิ่งลามก และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไป พาไป เพื่อให้บุคคลอื่นกระทำการค้าประเวณี จากนั้นตรวจยึดโทรศัพท์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการมาตรวจสอบ พร้อมกับควบคุมผู้ต้องหาและหญิงสาวทั้งหมดมาสอบสวนที่ บก.ปดส. ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก บก.ปดส.ได้รับข้อมูลจากมูลนิธิกระจกเงาว่ามีการโฆษณาให้บริการสายด่วนเบอร์เดียวไม่มีเหงาตลอด 24 ชั่วโมง ที่เบอร์ 1900 555 556 ทางสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับซึ่งจากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีการลักลอบให้บริการแอบแฝงเป็นเซ็กส์โฟน ซึ่งจะมีพนักงานสาวพูดจาโต้ตอบในเชิงลามกอนาจารไปจนถึงเรื่องการใช้ถ้อยคำให้เกิดจินตนาการจนสำเร็จความใคร่ให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ พล.ต.ต.วิมล จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปดส.สืบหาเบาะแส โดยส่งสายลับเข้าไปสมัครงานเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ของบริษัทดังกล่าว จนเป็นที่แน่ชัดจึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับเจ้าของบริษัทและหัวหน้างานที่ดูแล ก่อนจะนำหมายศาลเข้าตรวจค้นดังกล่าว น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำงานเป็นพนักงานรับโทรศัพท์บริษัท กล่าวว่า พนักงานรับโทรศัพท์ส่วนใหญ่ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องการหารายได้พิเศ ษเพราะไม่อยากไปทำงานต้อนรับ หรือเชียร์เครื่องดื่มตามสถานบันเทิงในเวลากลางคืน เมื่อมีเพื่อนบอกต่อๆ กันมา จึงสนใจทำงานนี้เพราะไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย หรือเสี่ยงอันตรายใดๆ น.ส.ก้อย กล่าวต่อว่า เวลาทำงาน บริษัทแห่งนี้จะแบ่งเป็น 3 กะ กะละ 8 ชั่วโมง ได้ค่าแรงวันละ 200-300 บาท ตกเดือนหนึ่งได้เงินประมาณ 6,000 บาท ซึ่งใครจะมาทำงานวันและเวลาใดก็ได้ เพราะจะมีการบันทึกการเข้างานด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ส่วนตนจะเข้าทำงานกะกลางคืนตั้งแต่เวลา 22.00-06.00 น. เมื่อเลิกงานก็จะได้ไปเรียนหนังสือได้ ส่วนเวลาเข้างานนั้นจะมีหน้าที่รับโทรศัพท์จากลูกค้าอย่างเดียว ส่วนใหญ่ร้อยละ 95 ของลูกค้าที่โทรเข้ามาต้องการให้บริการเซ็กส์โฟน จะทำเสียงครวญครางไปตามประสา แต่พนักงานจะรับสายลูกค้าประเภทนี้หรือไม่ก็ได้ อย่างตนไม่ชอบคุยเรื่องนี้จะบอกลูกค้าไปว่าให้โทรกลับมาใหม่แล้วจะให้พนักงานคนอื่นรับแทน น.ส.ก้อย กล่าวด้วยว่า จากการที่ทำงานรับโทรศัพท์มาพอสมควร เชื่อว่าคนที่โทรเข้ามามีน้ำเสียงเหมือนคนที่มีงานการทำดีทั้งนั้น โดยแต่ละรายจะพูดคุยกับพนักงานไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง สูงสุดที่เคยคุยสายนานถึง 5 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ก็มีลูกค้าบางรายที่สงสารพนักงานรับโทรศัพท์เพราะต้องทำยอดเวลาให้ถึง 300 นาที ถึงจะได้เงินพิเศษก็โทรมาหาแต่ไม่ได้คุยอะไรกันแค่ปล่อยสายไว้เฉยๆ พอผ่านไปหลายชั่วโมงก็วางหูไปก็มี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพนักงานทั้งหมดไม่มีการให้บริการทางเพศ นอกเหนือจากการรับโทรศัพท์แต่อย่างใดเพราะถ้าบริษัททราบเรื่องจะไล่ออกทันที ต่อมาพนักงานสอบสวนได้เรียกนายเอกอนันต์ สิงห์จำนงค์ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทดังกล่าวมาพบ เมื่อนายเอกอนันต์มาถึง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1936/2550 ลงวันที่ 25 มิถุนายน ในข้อหาเดียวกับนายณัฐพล แต่ทั้งนายเอกอนันต์และนายณัฐพลให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเปิดให้การบริการพูดคุยโทรศัพท์เป็นเพื่อนเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าลูกน้องจะไปทำเป็นอย่างอื่น นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดอีกคนคือ นายวิภาค เกตุโกมล อายุ 26 ปี น้องชายนายณัฐพล ในข้อหาเดียวกัน แต่การตรวจค้นไม่พบตัวซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนข้อหาเพื่อประสงค์แห่งการค้าเผยแพร่สิ่งอื่นใดอันลามก และเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไป พาไป เพื่อให้บุคคลอื่นกระทำการค้าประเวณีนั้นเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มาตรา 9 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ตามลำดับ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก ข่าวจาก กระปุกดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|