ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันนี้ (13 ต.ค.) ผศ.จำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเรียกร้องขึ้นค่ารถโดยสารของขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการว่า หากมีการปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ ถึง 1 บาทจริง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่มากนัก
เนื่องจากเมื่อเทียบกับราคาค่าบริการเดิมคือต่ำสุด 7 บาท หากเพิ่มขึ้นเป็น 7.50 บาทแล้ว ราคาที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 7.1% ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คือ 191 บาทต่อวันแล้ว ค่ารถโดยสารที่ปรับขึ้นจะกระทบต่อรายจ่ายของประชาชนประมาณ 1.5% ต่อวัน จึงคิดว่าน่าจะมีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จะมีผลมากในด้านจิตวิทยา โดยเฉพาะคนทำงานที่มีรายได้คงที่ และต้องเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ผศ.จำนง เห็นว่าค่ารถโดยสารที่จะปรับขึ้น 50 สตางค์ หรือ 7.1% นี้ถือเป็นราคาที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการชดเชยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแล้ว และคิดว่าไม่ควรขึ้นราคาค่าโดยสารไปมากกว่านี้
ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม กล่าวด้วยว่า ทางออกด้านพลังงานในระยะปานกลางคือภาคขนส่งต้องปรับเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่มีราคาถูกลง อาทิ ก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งมีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซินและดีเซลถึง 3 เท่า แต่ขณะนี้ยังมีอุปสรรคด้านการลงทุนครั้งแรกเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง และสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวียังมีไม่ทั่วถึงในทุกพื้นที่อย่างเพียงพอ ดังนั้น ภาครัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์สำหรับรถโดยสาร และการขยายสถานีเติมก๊าซในพื้นที่บริการต่างๆ ให้มีมากขึ้น
"ที่สำคัญ ควรเร่งดำเนินการอย่างจริงจังนับแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป เนื่องจากคาดว่าการผลิตน้ำมันทั่วโลกใกล้ถึงจุดสูงสุด (peak oil) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้" ผศ.จำนง กล่าว
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|