คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติ จะลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน เตรียมเสนอ ศบค.พิจารณาต่อไป

.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เหตุผลที่ ที่ประชุมตัดสินใจลดวันกักตัว จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน เพราะโควิด-19 ของไทยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ มาจากต่างประเทศ แม้จะมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศบ้าง แต่สามารถควบคุมได้ดี

.

ทั้งการตรวจคัดกรอง ที่ทำได้ละเอียด ค้นพบเร็ว มีศักยภาพทั้งทรัพยากร เวชภัณฑ์ แล็บ ยา แพทย์พยาบาล ที่สำคัญไม่มีผู้ป่วยหนักในไอซียู และอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก น้อยกว่าร้อยละ 2 จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ และเมื่อลดวันแล้ว จะเน้นเรื่องความปลอดภัย และการติดตามตัวผู้กักตัวอย่างเข้มข้น

.

ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค บอกว่า จะ 14 หรือ 10 วัน ความเสี่ยงไม่ต่าง แต่ต้องมีมาตรการเสริม ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้น จากการลดวันกักตัว เช่น คนที่จะอนุญาตให้เข้ามา ต้องมาจากประเทศที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศ หรือมีน้อย เช่น จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ และก่อนเดินทาง ต้องตรวจหาเชื้อ ด้วยวิธีพีซีอาร์ ภายใน 72 ชั่วโมง เมื่อมาถึงไทย ก็ตรวจพีซีอาร์อีก 3 ครั้ง

.

ก่อนหน้านี้ นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ก็ยังยืนยันว่า ควรกักตัว 14 ตัว เพราะระยะเวลาการฟักเชื้อ อยู่ที่ 2 สัปดาห์แรก หรือประมาณไม่เกิน 17 วัน

.

เพื่อรองรับการลดวันกักตัว เป็น 10 วัน และ 7 วัน ในอนาคต กระทรวงสาธารณสุขเตรียมนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ ของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย มาใช้ ใช้วิธีนี้ตรวจ ควบคู่ไปกับการตรวจแบบ RT-PCR เป็นการเจาะเลือด เจาะที่ปลายนิ้ว เพื่อหาตัวบ่งบอกถึงการติดเชื้อ คือ ภูมิคุ้มกัน 3 ตัว ที่สามารถยับยั้งไวรัสได้ วิธีนี้สามารถตรวจหาเชื้อได้ภายใน 7 วัน ได้ผลไว้ และค่อนข้างแม่นยำ

.

แต่ข้อจำกัดคือ จะต้องเป็นคนที่ติดเชื้อมาแล้ว อยู่ในช่วง 4-5 วันแรก และระหว่างนั้นไม่ได้ออกไปสัมผัสบุคคลอื่นเลย โดยศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อธิบายว่า พอลดวันกักตัว คนเดินทางเข้าประเทศแล้ว จะเจาะเลือดคนที่เข้ากักกัน 2 ครั้ง คือวันแรกที่ถึงไทย และวันที่ 7 แต่หากจะให้มั่นใจกว่านั้น ในวันที่ 7 ก็เก็บตัวอย่างด้วยการแยงจมูก และส่งตรวจวิธี RT-PCR ยืนยันอีกครั้ง